คติธรรม คำคม โดนใจ

ขอเชิญทุกท่านที่มีคติธรรม คำคม สอนใจ ได้เอื้อเฟื่อเผื่อแผ่แก่สาธารณชนทั่วไป เป็นข้อคิดสะกิดใจ ในการใช้ชีวิตประจำวันในสังคมทุกวันนี้


# เรื่อง อ่าน
 พระพุทธองค์ชมว่า ผู้ที่เคยทำบาปกรรมในอดีต สำนึกผิดแล้ว เลิกทำแล้ว ตั้งอกตั้งใจพัฒนาชีวิตตามหลักคำสั่งสอนของพระองค์ ผู้นั้นย่อมดูงาม เขา “ส่องโลกนี้ให้สว่าง เหมือนพระจันทร์ที่พ้นจากเมฆ
 เวลาคือระยะทางระหว่างความอยากและการตอบสนองความอยาก จิตที่ปราศจากความอยาก จึงเข้าถึงแดนเหนือเวลาได้
 สมาธิภาวนา...เป็นวิธีส่องไฟให้กายและจิตเพื่อศึกษาในสิ่งที่เราเห็น
 จิตใจที่โกรธมองไม่เห็นตามความเป็นจริง จิตใจที่ปราศจากกิเลสเท่านั้นที่มีคุณสมบัติรู้เห็นตามความเป็นจริง
  ต่อเมื่อเราพากเพียรปฏิบัติตามหลักอริยมรรคอย่างครบถ้วนรอบด้าน... เมื่อนั้นเราจึงจะเป็นชาวพุทธอย่างแท้จริง
 การโดนนินทาหรือใส่ร้ายเป็นโอกาสที่ดีที่สุดสำหรับการพิจารณาโทษในความยึดมั่นถือมั่นในอัตตา ศักดิ์ศรี และภาพพจน์
 ทุกครั้งที่เราทำความชั่ว เรากลายเป็นผู้มีส่วนร่วมในการสร้างโลกที่ชั่ว ทุกครั้งที่เราทำความดี เรากลายเป็นผู้มีส่วนร่วมในการสร้างโลกที่ดี ไม่มีใครสร้างโลกนี้ให้เรามาอยู่อาศัย เราสร้างกันเอง
 ปรุงแต่งสิ่งอื่นได้หลากหลาย ทำไมไม่ปรุงแต่งใจตัวเองให้เป็นสุข
 คนที่จะไปปลดปล่อยสังคมนั้น ก็ต้องไม่ประมาทที่จะปลดปล่อยตนเองให้พ้นจากการครอบงำของกิเลสข้างในตัวด้วย..มิฉะนั้นแล้วตัวเองจะถูกพันธนาการ ถูกผูกมัด และก็จะพลอยทำให้สังคมถูกผูกมัดไปด้วย
 เมื่อทำงานหรือทำหน้าที่ของตนอย่างถูกต้อง ตั้งใจทำให้ดี ให้เกิดคุณประโยชน์ ให้สำเร็จความมุ่งหมายที่ดีงาม ก็เป็นการปฏิบัติธรรม
 หลักในการสร้างชีวิตที่ดีและมีความสุขนี้ ไม่มีอะไรมาก ก็คือการเข้าถึงธรรมนั่นเอง
 เปลี่ยน “อยากได้” เป็น “อยากทำ” คือจุดเริ่มที่จะนำสู่ความสำเร็จ
 งานจะบรรลุจุดหมายสูงสุด ซึ่งเป็นความสำเร็จที่แท้ เมื่อคนสุขในการสร้างสรรค์และทำให้เพื่อนมนุษย์เป็นสุข
 พัฒนากรรมให้ดียิ่งขึ้น เราก็จะมีศีล มีจิตใจ มีปัญญา ดีขึ้นๆ ในที่สุดก็จะพ้นกรรม
 คนที่เป็นผู้นำต้องดีมีปัญญาให้คนในสังคมเห็นเมื่อคนเห็นแล้ว เกิดความมั่นใจ คนก็จะมีศรัทธา เมื่อคนมีศรัทธา สุขภาวะก็จะดีขึ้นมาทันที
 คนเราเกิดคนเดียว แก่ก็แก่คนเดียว เจ็บก็เจ็บคนเดียว ตายก็ตายคนเดียว เรื่องการละกิเลส การบำเพ็ญกุศล ไม่มีใครทำให้เราได้ เป็นงานของเราโดยเฉพาะ
 การดำเนินชีวิตของคนเรา เหมือนการขับรถบนทางขรุขระ เต็มไปด้วยหลุมและบ่อ ความคิดเข้าข้างตัวเอง การถือตัวถือตน ความอยากต่างๆ เหมือนขี้ฝุ่นที่ตลบทางตลอด การภาวนา ก็เหมือนการคอยเช็ดกระจกรถ
 ต้องอดทน ขุดไปเรื่อยๆ ถ้าไม่ท้อเสียก่อน เราย่อมฝ่าฟันอุปสรรคไปจนได้
 แทนที่จะมองเพ่งโทษหาข้อบกพร่องในสิ่งต่างๆ ของคนนั้นคนนี้ ให้เรามองความดีของคนอื่น ก็จะเหมือนมีกระแสดีงามไหลรินเข้ามาในจิตใจของเราตลอดเวลา
 โลกมีเผด็จการในใจมากมายที่คนยอมทำตามเยี่ยงทาสโดยปราศจากข้อสงสัย



จีรัง กรุ๊ป    

 ธรรมะไทย