เคล็ดลับของความสุข : พระอาจารย์มิตซูโอะ คเวสโก

 หัวหอม    3 เม.ย. 2554

ในสมัยพุทธกาล ครั้งหนึ่งเทวดาได้ถามพระพุทธเจ้าว่า คุณธรรมอันใดที่ทำให้ชีวิตประสบความสุขความเจริญ พระพุทธเจ้าตรัสตอบว่า “ความสันโดษ”


สันโดษ มาจากภาษาบาลีว่า สันโตสะซึ่ง “สัน” แปลว่า ตน “โตสะ” แปลว่า ยินดี กล่าวโดยสรุป สันโดษแปลว่า ความพอใจในสิ่งที่ตนเองมี


ความจริงสิ่งที่ทำให้มนุษย์สามารถมีชีวิตอยู่ได้อย่างมีความสุข โดยไม่ต้องทนทุกข์นั้นก็คือ อาหาร เครื่องนุ่งห่ม ยารักษาโรค และที่อยู่อาศัย คนที่ตกอยู่ในสภาพขาดแคลนสิ่งเหล่านี้ เมื่อเขาได้มา เขาจะรู้สึกพอใจแล้ว เช่น คนที่ประสบภัยพิบัติแล้วต้องขาดแคลน อาหาร เครื่องนุ่งห่ม ยารักษาโรค ที่อยู่อาศัย สมมุติว่า เราตกอยู่ในสภาพอย่างนั้น เวลาเราหิว เราก็ขวนขวายหาของมากินให้ได้ อะไรที่สามารถจะกินได้เราก็กินหมดเพราะหิว ช่วงเวลานี้ เราขอเพียงแค่มีกินเราก็มีความสุขแล้ว พอกินอิ่มแล้วก็รู้สึกพอใจแล้วที่อย่างน้อยก็มีกินไม่ต้องทนทุกข์เพราะหิว


พอถึงเวลากลางคืน เราก็ต้องหาที่นอน เมื่อเกิดภัยพิบัติก็ไม่มีที่นอนดีๆให้นอน อาจจะต้องนอนกับพื้น เราก็ต้องนอน ช่วงเวลานี้ ขอให้มีที่เหลือให้เรานอน เราก็คงจะพอใจแล้ว เมื่อเราตื่นขึ้นมา รู้สึกตัวเองสกปรกมาก อยากอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า แต่ไม่มีเสื้อผ้าจะเปลี่ยน เพราะเสื้อผ้าถูกภัยพิบัติสูญหายไปหมดแล้ว คราวนี้เราจะทำอย่างไร เป็นทุกข์แล้ว ต่อมาเกิดป่วยเป็นไข้อีก เพราะกินอยู่ค่อนข้างจะลำบาก เวลาไม่สบายร่างกายก็ไม่มีเรี่ยวแรง ใจก็อาจจะคิดว่าเราจะตายรึเปล่า ก็ต้องหายามากิน เวลานี้ถ้าได้ยามากินก็สบายใจแล้ว


สังเกตุดูตัวเราในขณะนี้ก็มีสิ่งเหล่านี้ครบหมด อาจจะดีกว่าคนอื่นๆอีกด้วยซ้ำ ที่จริงเราก็ไม่น่าจะต้องไปทุกข์อะไรมากมายแล้วใช่ไหม

“หาความสุขเท่าไรก็ไม่มีทางเจอ ถ้าไม่รู้จักสันโดษ”

ธรรมที่ช่วยส่งเสริมให้เราเข้าใจความหมายของสันโดษอย่างถึงใจ คือ มรณานุสติ

มรณานุสติ คือ ระลึกถึงความตาย เรามีความตายอยู่เบื้องหน้า เป็นสิ่งที่จะต้องเกิดกับเราทุกคนจริงๆ

ความตายคือการพลัดพรากจาก ทุกๆสิ่งที่เรามีอยู่ การมีสติระลึกถึงความตายจะช่วยให้เรามีความสันโดษ เมื่อมีความสันโดษแล้ว เราก็จะมีความสุข

เรื่องสันโดษนี้พระพุทธเจ้าไม่ได้สอนให้คนเกียจคร้าน ไม่ขยันหมั่นเพียรในการทำหน้าที่การงานซึ่งเป็นอุปสรรคขวางกั้นความเจริญ คนจำนวนมากเข้าใจความหมายของสันโดษผิดไป คิดว่าสันโดษ คือการพอใจอยู่คนเดียว หรือ การไม่ทำอะไร หากนำหลักสันโดษไปใช้แล้วจะทำให้ประเทศชาติไม่เจริญ ทำให้เราไม่รู้จักพัฒนาตนเอง เพราะพอใจในสภาพตามมีตามเกิด เป็นอยู่อย่างไรก็พอใจแค่นั้น ไม่ต้องขวนขวายหาเพิ่ม ความจริงแล้ว การพอใจอยู่คนเดียว ภาษาบาลีเรียกว่า “ปวิวิตตะ” ส่วนการไม่ทำอะไรนั้น ภาษาบาลีเรียกว่า “โกสัชชะ” คือ ความเกียจคร้าน

แต่ที่พระพุทธเจ้าสอนเรื่องสันโดษ ก็เพื่อให้เรารู้จักพอใจกับสิ่งที่ตนเองมีอยู่ เพื่อที่จะได้ไม่โลภ ซึ่งก็จะทำให้ไม่มีการเบียดเบียน แก่งแย่งชิงดี อิจฉาริษยา ทุจริตฉ้อโกง มุ่งร้ายทำลายกัน นอกจากนี้ พระพุทธเจ้ายังสอนเรื่อง “อิทธิบาท 4” ซึ่งหมายถึง หนทางแห่งความสำเร็จในกิจที่เราประสงค์ ซึ่งมีองค์ประกอบ 4 ประการคือ

1.ฉันทะ คือ มีความพอใจในสิ่งที่ทำ
2.วิริยะ คือ ความเพียรพยายาม
3.จิตตะ คือ ความเอาใจใส่ เพื่อให้สำเร็จตามที่ตั้งใจ
4.วิมังสา คือ ใช้ปัญญาพิจารณาหาเหตุผล เพื่อแก้ปัญหา หรือพัฒนาให้ดียิ่งขึ้น

เมื่อเราอยากมี อยากได้ อยากเป็นอะไรก็ตาม ก่อนอื่นให้รู้จักฐานะ ความรู้ ความสามารถของตน แล้วตั้งเป้าหมายไว้ ลงมือทำตามเป้าหมายนั้นด้วยความพอใจ เพียรพยายามเต็มกำลังความสามรถ เอาใจใส่เพื่อให้สำเร็จตามที่ตั้งใจ เมื่อได้ผลออกมาอย่างไร ถึงแม้ว่าจะไม่บรรลุถึงเป้าหมายที่ตั้งไว้ก็ตาม แต่เราก็ได้ทำดีที่สุดแล้ว ก็ให้เราสันโดษ

พระอาจารย์มิตซูโอะ คเวสโก กล่าวว่า “สันโดษ...เคล็ดลับของความสุข”
                          




 4,223 

  แสดงความคิดเห็น


RELATED STORIES




จีรัง กรุ๊ป    

 ธรรมะไทย