ง่ะ เห็นมีรับรอง นึกว่าง่ายเลยเปิดมาดู
ในที่สุดก็เชื่อว่า พระวาจาของพระพุทธเจ้านั้น เป็นหนึ่งไม่มีสอง
แปลว่าไม่มีทางอื่นที่เป็นวิสัยที่เป็นไปได้ ถึงทางนั้นจะยากเย็นแสนเข็ญเพียงใด อุปสรรคนานัปการ ก็ต้องลุยต่อสถานเดียว ทางอื่นอาจจะโล่งว่างแต่ผิด ยอมยากแต่ถูกดีกว่า
ปล. โลภะยังมีอยู่จึงเปิดเข้ามาดู เมื่อไม่สมหวังในโลภะนั้นจึงกลายเป็นโทสะ(ไม่ใช่ทุบคอมป์ทิ้งนะ เศร้า)
ยังไงก็เชื่อว่า ถ้าพระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสว่าทางนั้นมีอยู่ ทางนั้นต้องมีอยู่แน่นอน เพียงแต่เรายังไปไม่ถึง(อยากมากขนาดไหนยิ่งไกลออกไปเท่านั้นใช่ป่ะครับเพราะ "อยาก" ก็คือ โลภะ แม้ อยากเป็นคนดี)
ฝืนสุดฤทธิ์ ปหานะปธาน(เอาเศร้า กับ อยากออกไปก่อน เพราะหากไม่สร้างเหตุให้สอดคล้องกับผลที่ต้องการคงยากที่จะสำเร็จ...ต้องการทำให้ดีที่สุดตามที่พระองค์เทศนาสั่งสอนน่ะ ไม่ได้เป็นพระอนาคามีก็ไม่เป็นไรแต่ลึกๆแล้วอยาก...โลภะอีกแล้ว)
ข้าพเจ้า นมัสการพระธรรม
สวัสดีครับคุณคืนถิ่น
การเจริญกัมมัฏฐานเพื่อบรรลุเป็นพระอนาคามีทำดังนี้ครับ
มรรคจิตดวงที่ ๓
[๒๗๒] ธรรมเป็นกุศล เป็นไฉน?
โยคาวจรบุคคล เจริญฌานเป็นโลกุตตระ อันเป็นเครื่องออกไปจากโลก นำไปสู่นิพพาน เพื่อบรรลุภูมิที่ ๓ เพื่อละกามราคะและพยาบาทไม่ให้มีเหลือ สงัดจากกาม สงัดจากอกุศลธรรมทั้งหลายแล้ว บรรลุปฐมฌาน เป็นทุกขาปฏิปทาทันธาภิญญา ฯลฯ มีอยู่ในสมัยใด ผัสสะ ฯลฯ อัญญินทรีย์ ฯลฯ มีในสมัยนั้น ฯลฯ
สภาวธรรมเหล่านี้ ชื่อว่า ธรรมเป็นกุศล ฯลฯ
ง่ายดีจังนะครับ การบรรลุธรรมจนเป็นพระอนาคามี อนุโมทนากับทุกๆท่านด้วยครับ
ก่อนอื่นทำลายอัตตา หรือสักกายทิฐิให้ได้เสียก่อนนะครับ ปิดประตูอบายให้ได้เสียก่อน เป็นเป้าหมายแรกของการมาศึกษาธรรมเจริญธรรมตามคำสอนของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า