ผมขอคำปรึกษาหน่อยนะครับ คือผมมีความสงสัยเกี่ยวกับการกระทำที่ไม่แน่ใจว่าผิดศีล 5 หรือไม่น่ะครับ
1.ศีลข้อ 1 ไม่ฆ่าและเบียดเบียนสัตว์
แล้วถ้าสมมติว่าผู้พิพากษาสั่งลงโทษประหารคนร้าย ซึ่งคนร้ายไม่มีญาติที่ไหน มีแต่ลูกเล็ก ๆ ที่ต้องดูแล แบบนี้เป็นการ (สั่ง) ฆ่าคนร้ายและเบียดเบียนลูกให้กำพร้าพ่อไหมครับ
2.ศีลข้อ 2 ไม่ลักทรัพย์
แล้วการดาวน์โหลดเพลงมาฟังคนเดียว โดยไม่ได้เอามาเผยแพร่ต่อ ผิดศีลข้อ 2 ไหมครับ
3.ศีลข้อ 3 ไม่ประพฤติผิดในกาม
แล้วการจินตนาการว่าเราไปมีอะไรกับเขา ไม่ได้ไปฉุดนะครับ หรือดูหนังโป๊ ผิดศีลข้อ 3 ไหมครับ (ถ้าไม่สุภาพ ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยนะครับ)
4.ศีลข้อ 4 ไม่พูดปด (หยาบคาย ส่อเสียด เพ้อเจ้อ)
แล้วการวิพากษ์วิจารณ์ผลงานของใครสักคนในแง่ลบจนเขาเสียใจหรือผลงานของเขาขายไม่ออก โดยเฉพาะวิจารณ์นักการเมืองในทางลบ ผิดข้อหยาบคายไหมครับ
5.ศีลข้อ 5 ไม่ดื่มสุราหรือเสพสิ่งมึนเมา
แล้วเวลาไปงานเลี้ยงโต๊ะจีน อาหารบางอย่างผสมเหล้าจีน แล้วเราก็รู้ ถ้าเรากินจะผิดศีลข้อ 5 ไหมครับ
ผมสงสัยมากเลยครับ เพราะถ้าที่ผมถามมาล้วนผิดศีล แบบนี้เกือบทุกคนทั่วโลกคงบาปใช่ไหมครับ สรุปแล้ว ศีล 5 รักษาง่ายหรือยากครับเนี่ย
ผมเคยสนทนาโต้เถียงกับเพื่อนครับ แต่ยังหาข้อสรุปไม่ได้ครับ
ผมขอความคิดเห็นพร้อมเหตุผลจากทุกท่านเป็นธรรมทานและวิทยาทานด้วยนะครับ
ป.ล. หากท่านใดเห็นว่ากระทู้นี้ไม่มีเหมาะสม ไม่มีผลดีหรือหมิ่นเหม่ใด ๆ กัลยาณมิตรทุกท่านสามารถลบได้ทันทีนะครับ
ขอบคุณครับ
การฆ่าสิ่งมีชีวิตทั้งหลายกรณีผิดศีลตั้งเข้าเงื่อนไขดังนี้ครับ
1. รู้วาสิ่งนั้นมีชีวิต
2. เห็นว่าสิ่งนั้นมีชีวิต
3. เจตนาฆ่าสิ่งมีชีวิตนั้น
4. พยามฆ่าให้มันตาย
5. มันได้ตายสมใจเรา
ถ้าครบเงื่อนไข 5 ข้อนี้ถือว่าศีลนั้นได้ขาดลงแล้วครับ แต่ถ้าขาดข้อใดข้อหนึ่ง ถือว่าศีลยังอยู่แต่ด่างพร้อย ควรอารธนาศีลเพื่อต่อใหม่ศีลจะได้สมบูรณ์ดังเดิม
ส่วนข้อลักทรัพย์ ที่คุณดาวโหลดเพลงมาฟังนั้นไม่ขาดครับเพราะเจ้าขออนุญาติและเขาก็เต็มใจไม่เข้าข่ายเบียดเบียนครับ
ส่วนข้อที่คุณจิตนาการกับคนอื่นที่ไม่ใช่คนที่คุณไปล่วงละเมิดมาก่อนถือว่าไม่ขาดครับ
ส่วนการดูหนังโป้ส่วนใหญ่ที่แสดงเป็นหนังนั้นถือเป็นการแสดงโดยผู้แสดงเต็มใจเปิดเผยถือว่าคุณมีบุญได้ดูเราเรียกว่ากามคุณ5 คือรูป รส กลิ่น เสียง สัมผัส ผู้ที่ได้ดูกับหนังที่ถูกต้องจากแสดงด้วยความเต็มใจนี้ ถือว่ามีความนอบน้อมในทานพูดจาออ่นหวาน อ่อนน้อมถ่อมตน จึงสามารถรับกามคุณ 5 ได้ดีสมบูรณ์ ส่วนผู้ที่ได้รับกามคุณ 5 ได้ไม่ดีถือว่าทำทานมาไม่ดี ตรงกัน้ช้ามกับที่กล่าวมาแล้ว แต่ถ้ากรณีที่เป็นคลิปแอบถ่ายทุกกรณีแล้วคุณเอามาดูมาเปิดเผยทำให้ผู้นั้นได้รับความเดือดร้อนทางใจ ถือว่าเข้าข่ายเบียดเบียนให้ผู้อื่นได้รับทุกข์คุณก็ต้องโดนกรรมแน่นอน ทางที่ดีก็อย่าไปดูดีกว่าเพราะเราไม่รู้หรอกว่าเขาเต็มใจถ่ายหรือเปล่านะครับ
ส่วนข้อพูดโกหก นั้นก็คือพูดไม่จริง ศีลขาดส่วนการพูดเพ้อเจ้อ พูดส่อเสียด พูดคำหยาบ นั้นผิดกรรมบท 10 ไม่เกี่ยวกับศีล ครับ แต่ผิดกรรมบท 10 บ่อยๆ ตายไปก็ตกนรกเช่นกันครับ กรรมบท 10 กายกรรม 3 ฆ่าสัตว์ ลักทรัพย์ ประพฤติผิดในกาม วจีกรรม 4 การพูดโกหก การพูดเพ้อเจ้อ การพูดส่อเสียด การพูดคำหยาบ มโนกรรม 3 โลภ อย่างได้ของที่เป็นของหวงของคนอื่น โกรธ เป็นบุคคลที่มักโกรธ ถ้าตายในขณะโกรธ มีอเวจีนรกเป็นที่รองรับขุมที่ 8 หลง (มิจฉาทิฐฐิ) มีความเห็นผิดไปจากกฎธรรมชาติ เช่นบุคคลที่คิดว่าการกินเจแล้วจะได้บุญ ถือเป็นมิจฉาทิฐฐิ เพราะการกินเจคือการกินผักได้แค่สุขภาพ การไม่กินเนื้อสัตว์ที่พุทธองค์ทรงบัญญัติไว้ว่าจะไม่กินมี 3 กรณีเท่านั้น เห็นสัตว์นั้น แล้ว ได้ยินสัตว์นั้นแล้ว รังเกียจสัตว์นั้น นอกจากนี้ทานได้หมดถือเป็นบุญที่ได้ทานเพราะเป็นสิ่งที่เราสะสมมาจากการทำทานของเราในอดีต
ส่วนการทานอาหารที่มีแอลกฮอล์เข้าไปผสมเพิ่มรสขาติถือว่าทานได้ไม่ผิดศีล ยกตัวอย่างข้าวหมาก คุณทานได้กี่ห่อก็ได้หรือกินจนเมาศีลไม่ขาดครับ เพราะถือเป็นอาหารไม่ใช่สุรา บทบัญญัติของพุทธองค์นั้นไม่ได้ซับซ้อนอย่างที่หลายคนเข้าใจ เป้นคำสอนตรงๆ ง่ายๆ ถึงแม้ว่าหลายคนบอกว่าปฏิบัติได้ยาก ก็ไม่เป็นไร ถ้าเราคิดว่าจะต้องศีลขาดก็ปล่อยให้ขาดไปเลยครับ แต่ก็อารธนาต่อศีลใหม่ เพราะคนมีศีล ยังไงก็ดีกว่าคนไม่มีศีล เพราะถ้าตายขณะที่ไม่มีศีลยืนยันได้ว่าโอกาสลงอบายภูมิ 99% ส่วนถ้าตายขณะมีศีลเต็ม ยืนยันได้ว่าสุขคติภูมิเป็นที่รองรับ อย่างน้อยก็ชั้นจตุมหาราชิกกา อายุประมาณ 9 ล้านปี ถ้ามีข้อสงสัยซักถามเพิ่มเติมโทรมาถามได้นะครับ
089-9156118 หรือชม www.sil5.net จะมีเนื้อหาทำให้คุณเข้าใจได้มากขึ้นนะครับ
อนุโมทนากับคำถามด้วยครับ
เราตรวจสอบการล่วงศีลได้จากการพิจารณาตามองค์ของศีลแต่ละข้อดังต่อไปนี้ครับ
องค์ประกอบของศีลข้อที่ ๑ ประกอบด้วยองค์ ๕ คือ
๑. สัตว์นั้นมีชีวิต
๒. รู้ว่าสัตว์นั้นมีชีวิต
๓. มีจิตคิดจะฆ่า
๔. ทำความเพียรเพื่อให้ตาย
๕. สัตว์ตายลง เพราะความเพียรนั้น
องค์ประกอบของศีลข้อที่ ๒ ประกอบด้วยองค์ ๕ คือ
๑. วัตถุสิ่งของนั้นมีเจ้าของ
๒. รู้ว่าวัตถุสิ่งของนั้นมีเจ้าของ
๓. มีจิตคิดจะลักทรัพย์
๔. ทำความเพียร เพื่อลักทรัพย์นั้น
๕. ได้สิ่งของนั้น มาด้วยความเพียรนั้น
องค์ประกอบของศีลข้อที่ ๓ ประกอบด้วยองค์ ๔ คือ
๑. วัตถุที่ไม่ควรเกี่ยวข้อง เช่นหญิงที่มีสามี,สามีของผู้อื่น..
๒. จิตคิดจะเสพในวัตถุนั้น
๓. ความพยายามเสพเมถุน
๔. มีความพอใจในการประกอบมรรค ซึ่งกันและกัน
องค์ประกอบของศีลข้อที่ ๔ มุสาวาท มีองค์ประกอบ ๔ ประการ
๑. สิ่งของหรือเรื่องราวที่ไม่เป็นจริง
๒. จิตคิดจะมุสา
๓. ความเพียรเพื่อมุสา ๔. อื่นเชื่อตามความที่มุสานั้น
ส่วนศีลข้อที่ ๕ ก็มีองค์ ๔ เหมือนกัน คือ
๑. ของที่ทำให้เมามีสุราเป็นต้น
๒. มีจิตคิดที่จะดื่ม
๓. พยายามที่จะดื่ม
๔. ดื่มให้ไหลล่วงลำคอลงไป
ศีลนั้นเป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อนลึกซึ้งมาก เพราะเกี่ยวข้องโดยตรงกับเจตนาเป็นหลัก อันเจตนานั้น แม้ใครๆก็ไม่อาจหยั่งทราบของกันและกันได้เพราะเป็นของแต่ละบุคคลจริงๆ แม้ในทางโลกบางเรื่องดูเป็นเรื่องที่ดีและไม่ผิด แต่ในทางธรรมแล้วเป็นเรื่องที่นำความเดือดร้อนมาสู่ตนในภายหน้าตามกฏอันเที่ยงตรงแห่งการให้ผลของกรรมหรือเจตนานั้นๆ..ข้อนี้ จึงเป็นความจำเป็นที่จะต้องศึกษาธรรมะอันพระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ทรงเมตตาสอนไว้ ให้เข้าใจ เพื่อให้มีปัญญาที่จะสามารถวิเคราะห์ได้ถึงคุณและโทษของการทำกรรมทางกายวาจาและใจของตนในแต่ละขณะ...
บางคนเชื่อว่ากฏแบบโลกๆเท่านั้นที่ถูกต้อง และปฏิเสธกฏแห่งธรรมโดยสิ้นเชิง นั่นเพราะเขาไม่ได้คบหากัลยาณมิตรเช่นพระพุทธเจ้าเป็นต้น จึงขาดโอกาสที่ได้"สดับ"รับฟังสัจจะธรรม จึงขาดที่พึ่งทางปัญญา
พระพุทธเจ้าทั้งหลายกอปรด้วยพระปัญญาอันยิ่ง พร้ิอมด้วยพระสัพพัญญุตตญานอันไม่มีที่สิ้นสุดทั้งไม่สาธารณในสัตว์อื่นใดเมื่อทรงทราบถึงกฏสากลแห่งสัจจะธรรมะทั้งหลายจึง "ทรงนำมาบอก"ให้เหล่าเวไนยสัตว์ทราบ พระองค์มิได้"สร้าง,บัญญัติ หรือกำหนดหลักแห่งศีล"ขึ้นมาเพื่อเรียกศรัทธาหรือสาวก แต่สิ่งเหล่านี้เป็นธรรมชาติที่มีอยู่แล้ว
เพียงทรงแนะว่า หากเธอปฏิบัติเช่นนี้ๆจะมีคุณอย่างไร หรือถ้าไม่ปฏิบัติจะมีโทษอย่างไร...
ท่านจะสังเกตุเห็นว่าพระพุทธเจ้ามิได้ข่มขู่บังคับใครว่าถ้าเธอไม่เชื่อฉัน ไม่ทำตามที่ฉันบอกสอน เธอต้องถูกลงโทษอย่างใดอย่างหนึ่งดังปรากฏเป็นปรกติในลัทธินอกศาสนาอื่นๆ นั่นเพราะเหตุไร? เพราะทรงเป็นเพียงผู้ชี้ทาง ไม่ใช่ผู้สร้างอะไรๆดังที่ลัทธิอื่นๆอ้าง..เมื่อใครไม่เชื่อยังคงหลงทำกรรมชั่วอยู่ พระพุทธเจ้าก็ไม่ได้เนรมิตนรกไว้ลงโทษใคร ดังนี้ เราทั้งหลายพึงกระทำไว้ในใจโดยแยบคายว่าพระพุทธเ้จ้าเป็นรู้ยิ่งกว่าใครๆในโลก เราจักน้อมในฟังธรรมอันพระองค์ตรัสไว้ดีแล้ว มีการให้ทาน รักษาศีล และเจริญภาวนาเป็นต้น ..ย่อมได้ชื่อว่าเป็นผู้รู้รักษาตนยิ่ง..
1.ศีลข้อ 1 ไม่ฆ่าและเบียดเบียนสัตว์ แล้วถ้าสมมติว่าผู้พิพากษาสั่งลงโทษประหารคนร้าย ซึ่งคนร้ายไม่มีญาติที่ไหน มีแต่ลูกเล็ก ๆ ที่ต้องดูแล แบบนี้เป็นการ (สั่ง) ฆ่าคนร้ายและเบียดเบียนลูกให้กำพร้าพ่อไหมครับ
อยู่ที่เจตนาครับ...ผู้พิพากษา หรือเพชรฆาต ตลอดจนเจ้าหน้าที่บังคับคดี หรือผู้คุมขังต่างๆนั้น .....จะดีหรือไม่ดี ก็อยู่ที่เจตนาของแต่ละบุคคล
หากทำอะไรลงไป โดยตั้งเจตนาแห่งบุญ ตรงนั้นก็เป็นบุญ...หากทำไปด้วยโทสะ ตรงนั้นก็เป็นโทษแห่งตน
ดังนั้นหากผู้ทำการตัดสินคนดี ปรารภว่า โอหนอ..แม้กฏหมายก็ห้ามปรามอย่างแข็งแรงอย่างนี้... แม้กระนั้น บุคคลผู้เหี้ยมโหดคนนี้ก็ยังโหดร้ายทำลายคนอื่นถึงเพียงนี้เชียวหนอ บัดนี้เราจำต้องกำหนดโทษตามที่กฏหมายบ้านเมืองกำหนดไว้แล้ว มิฉะนั้นคนดีๆจะเดือดร้อน..บัดนี้ กรรมชั่วของบุคคลนี้ได้ตัดสินเขาผู้นี้แล้ว กรรมชั่วของเขานั่นแหละเป็นผู้สินพิพากษาโทษของเขาเอง เพราะหากเขาประพฤติดี เขาย่อมเป็นสุข ปราศจากเวรภัยทั้งปวง บัดนี้ เราจักพึงอุเบกขาเสียกับคนอาภัพผู้นี้....
หากผู้ที่ตัดสิน หรือเกี่ยวข้องกับเรื่องอย่างนี้ มนสิการอย่างนี้ ชื่อว่า เป็นผู้วางใจด้วยกุศล พิจารณาเรื่องกรรมเรื่องผลของกรรมเป็นหลัก ตรงนั้นเป็นไปกับกุศลได้
อย่างไรชื่อว่า เป็นไปกับอกุศล?
ตอบว่า ยกตัวอย่างเช่น ท่านที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ ในคราวที่เห็น หรือรู้การกระทำของบุคคลใจโฉดนั้นก็เกิดความโกรธ ขัดเคือง ใจที่เป็นโทสะก็เกิดขึ้นหมายเอาว่า เอาละ เราจักลงโทษบุคคลนี้ให้สาสม..อย่างนี้ ชื่อว่าเป็นไปกับโทสะ
2.ศีลข้อ 2 ไม่ลักทรัพย์ แล้วการดาวน์โหลดเพลงมาฟังคนเดียว โดยไม่ได้เอามาเผยแพร่ต่อ ผิดศีลข้อ 2 ไหมครับ
ถ้าเขามีลิขสิทธิ์ ไม่ได้อนุญาตให้ใครฟรีๆ ก็เข้าข่ายล่วงศีลข้ออทินนาทาน
3.ศีลข้อ 3 ไม่ประพฤติผิดในกาม แล้วการจินตนาการว่าเราไปมีอะไรกับเขา ไม่ได้ไปฉุดนะครับ หรือดูหนังโป๊ ผิดศีลข้อ 3 ไหมครับ (ถ้าไม่สุภาพ ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยนะครับ)
ไม่ล่วงศีล แต่จิตเป็นอกุศลสั่งสมกิเลสและสันดานให้มักมากในกาม หากแก่กล้ามาก เมื่อได้เหตุปัจจัยก็พร้อมที่จะล่วงศีลข้อกาเมได้อย่างง่ายดาย
4.ศีลข้อ 4 ไม่พูดปด (หยาบคาย ส่อเสียด เพ้อเจ้อ) แล้วการวิพากษ์วิจารณ์ผลงานของใครสักคนในแง่ลบจนเขาเสียใจหรือผลงานของ เขาขายไม่ออก โดยเฉพาะวิจารณ์นักการเมืองในทางลบ ผิดข้อหยาบคายไหมครับ
ศีลข้อ4 ท่านหมายถึงการพูดโกหก กล่าวเท็จครับ ส่วนหยาบคาย ส่อเสียด เพ้อเจ้อนั้นเป็นกลุ่มมิจฉาวาจาในอกุศลกรรมบท 10
ในพระพุทธศาสนานั้นได้กำหนดคุณลักษณะของ ปิยวาจา ได้ 5 ประการ ซึ่งได้แก่
(๑) เป็นคำพูดที่เหมาะแก่เวลา สถานการณ์
(๒) เป็นคำสัตย์ คำจริง
(๓) เป็นคำพูดเพื่อสมัครสมานสามัคคี
(๔) เป็นคำพูดที่มีประโยชน์ต่อผู้ฟัง
(๕) เป็นการพูดด้วยเมตตากรุณา
หาก พิจารณาเช่นนี้แล้ว เราก็เข้าใจแล้วว่าคนที่ปฏิบัติธรรมหลายท่าน ทำไมท่านจึงพูดน้อย ต่อไปนี้ หากจะพูดอะไร เราก็จะพยายามถามตนเองว่า คำพูดนั้นเหมาะแก่เวลาไหม เป็นคำจริงไหม เป็นคำพูดเพื่อความสามัคคีไหม เป็นคำพูดที่มีประโยชน์ต่อผู้ฟังไหม และเป็นการพูดด้วยความเมตตาไหม
ตัวอย่างผู้ที่มี ปิยวาจาที่สุดคือ พระสัมมาสัมพุทธเจ้าครับ
ข้อนี้ท่านคงตอบได้เองนะครับ
5.ศีลข้อ 5 ไม่ดื่มสุราหรือเสพสิ่งมึนเมา แล้วเวลาไปงานเลี้ยงโต๊ะจีน อาหารบางอย่างผสมเหล้าจีน แล้วเราก็รู้ ถ้าเรากินจะผิดศีลข้อ 5 ไหมครับ
หากท่านมีเจตนายินดี เพ่งเล็งเหล้า ในอาหารเป็นหลัก ข้อนี้เป็นการล่วงศีลโดยแท้ แต่ถ้าท่านพิจารณาว่าเราไม่ยินดีในเหล้าที่ผสมมาในอาหารนี้แต่เพราะไม่มีอาหารอื่นๆให้กินเราจึงจำต้องกินเพื่อแก้ทุกข์คือความหิวเท่านั้นแต่ถ้าท่านยินดีแม้น้อยนิดในรสและอำนาจแห่งสุราเพื่อความเมาแล้วย่อมไม่พ้นจากการล่วงศีลข้อ 5 แน่นอน อนึ่ง ในข้อนี้ท่านที่รักศีลเสมอด้วยชีวิต จะไม่บริโภคแม้ยาที่เขาเจือด้วยเหล้า มิพักต้องกล่าวถึงอาหารที่มีเหล้าปนเลย..
ศีลอันบุคคลรักษาไว้ดีแล้วนั้นจักรักษาบุคคลผู้ประพฤติได้อย่างยอดเยี่ยมกว่าอุปกรณ์รักษาความปลอดภัยใดๆบรรดามีในโลก สมดังพระพุทธพจน์ว่า
ศีเลนสุขติงยันติ ศีลย่อมยังให้สู่สุคติ
ศีเลนโภคมัปทา ศีลย่อมยังให้เกิดโภคทรัพย์
ศีเลนพุทติงยันติ ศีลย่อมยังให้สู่พระนิพพาน
ขอบคุณมากครับ อนุโมทนากับทุกความคิดเห็นครับ
สาธุครับ ท่าน ddman