ค้นหาในเว็บไซต์ :
คติธรรม คำคม โดนใจ

ขอเชิญทุกท่านที่มีคติธรรม คำคม สอนใจ ได้เอื้อเฟื่อเผื่อแผ่แก่สาธารณชนทั่วไป เป็นข้อคิดสะกิดใจ ในการใช้ชีวิตประจำวันในสังคม



# เรื่อง อ่าน
 จิตที่มีคุณสมบัติพอที่จะกำหนดรู้อริยสัจคือทุกข์ได้ คือจิตที่มีความสุข
 ไม่ใช่นิ่งเพื่อนิ่งนะ แต่นิ่งเพื่อรู้เท่าทันสิ่งทั้งหลายที่ไม่นิ่ง
 พระพุทธศาสนาจะดำรงสืบไปในอนาคตหรือไม่นั้น ย่อมไม่ขึ้นอยู่กับวัตถุอย่างหินทรายหรือกระทั่งหินแกรนิต หากขึ้นอยู่กับการประคับประคองเปลวเทียนแห่งพุทธธรรมให้ส่องสว่างในจิตใจของทุกชีวิต
 ความชั่ว ทีละเล็กทีละน้อย สะสมทีละหยด ทีละหยด ความชั่วเต็มตุ่มน้ำได้ ความดี ทำทีละเล็กทีละน้อย เหมือนหยดน้ำลงไป มันก็เต็มตุ่มน้ำได้
 การเวียนว่ายตายเกิดไม่ใช่หลักคำสอนที่ต้องหลับหูหลับตาเชื่อ แต่เป็นกรอบทฤษฎีให้เราเข้าใจชีวิต
 เราต้องเอาสติ ความสำรวม ความอดทน ความขยัน ความเมตตา คุณธรรมต่างๆ ใส่ลงไปในใจ ใส่ลงไปในชีวิตอย่างสม่ำเสมอ
 ทำแล้วมีความสุขไม่ใช่ว่าจะเป็นบุญเสมอไป ปัญญาจึงต้องสอดส่องพิจารณาว่าสิ่งที่เราทำเป็นการยกจิตยกชีวิตให้สูงขึ้นจริงหรือเปล่า
 สงสัยเพราะรู้ตัวว่าข้อมูลไม่พอที่จะตัดสินได้ไม่ใช่กิเลส สงสัยแบบนี้เป็นอาการของความอ่อนน้อมถ่อมตน และความรอบคอบมากกว่า ยอมรับว่าไม่รู้แล้วแสวงหาข้อมูลที่ยังขาดไปก่อนตัดสินเป็นทางไปสู่ความเจริญ
 ความกลัวเปรียบเสมือนเงาของความรัก...พุทธศาสนาสอนให้เรารักด้วยปัญญา สำนึกในความไม่แน่นอนของชีวิตของตนและคนรอบข้างอยู่เสมอ ปัญญาเกิดขึ้นความกลัวก็น้อยลง ความกลัวน้อยลงความโกรธก็น้อยลง ความโกรธน้อยลงจิตจะมีความพร้อมเพื่อทำสิ่งที่ดีที่สุดในแต่ละเหตุการณ์
 เราอาจจะได้ความสงบแบบหนึ่ง เมื่อปิดหูปิดตาต่อความเปราะบางและไม่มั่นคงของชีวิต แต่จะได้ความสงบอันยิ่งกว่าด้วยการเปิดตารับรู้ความเป็นไปของสิ่งต่างๆ
 วาระสุดท้ายของชีวิต คนจำนวนไม่น้อยที่รู้ตัวว่านับวันหรือนับชั่วโมงที่ยังเหลืออยู่ได้แล้ว จึงจะรู้สึกว่า ชีวิตอันสั้นเหลือเกินนี้ เราได้ปล่อยให้ผ่านไปโดยเปล่าประโยชน์เยอะจริงๆ ยุ่งอยู่กับสิ่งที่นึกว่าสำคัญ แต่ที่จริงมองย้อนหลังไป ดูเหมือนความฝัน
 พระพุทธองค์ทรงสอนให้เราพิจารณากามสุข เนื่องจากความเข้าใจลึกซึ้งในโทษของกามจะทำให้จิตสามารถถอนตัวออกจากกามได้
 ไฉนสิ่งที่ดูเหมือนชัดเจน...อย่างการเห็นเป็นสักแต่ว่าการเห็น การได้ยินเป็นสักแต่ว่าการได้ยิน ...กลับทำได้ยากเหลือเกิน
 ."เสบียงบุญ" (หลวงปู่ฝั้น อาจาโร)
  วินัยไม่ใช่เครื่องบังคับ แต่เป็นเครื่องจัดสรรโอกาสในการที่จะพัฒนาตนเองหรือพัฒนาสังคม
 เมื่อใจไม่มัวทุกข์มัวเศร้า ก็เอาปัญญามาใช้แก้ปัญหา
 พัฒนาความรักได้ ความสุขก็พัฒนาด้วย
 คนที่อยู่ในชุมชนร่วมกันทั้งหมดนี้จะมีศีล คือมีพฤติกรรมดีงาม ไม่เบียดเบียนกัน ก็ต้องรู้จักควบคุมกายวาจาของตนเองได้ ไม่ทำตามใจชอบของตัว ถ้าเอาแต่ใจชอบอย่างเดียวก็เบียดเบียนกัน
 ถ้าจะให้สังคมดี เราก็ต้องเอาสติปัญญาความรู้ความสามารถของแต่ละคนมาใช้ประโยชน์ในการสร้างสังคมนั้น คือต้องให้คนมีโอกาสและสามารถใช้โอกาสที่จะแสดงหรือเสนอสติปัญญาความสามารถของเขาออกมา
 ความอ่อนแออ่อนกำลังของร่างกายนั้นย่อมมีผลต่อจิตใจ แต่ถ้ารักษาจิตใจไว้ดีแล้ว ความเจ็บปวดนั้นก็มีแต่น้อย

« 1 2 3 4 6 7 8 9 10 11 12 13 14 15 16 17 18 19 20 21 22 23 24 25 26 27 28 29 30 31 32 »


จีรัง กรุ๊ป    

 ธรรมะไทย