ขอเชิญจาริกแสวงบุญสู่ศรีลังกา วันที่1-6 พฤษภาคม 2556

 Doreen     12 ม.ค. 2556

ขอเชิญจาริกแสวงบุญส่แดนพระพุทธศาสนา ศรีลังกา

ต้นพระศรีมหาโพธิ์ กิ่งเดิมจากพุทธคยาที่ตรัสรู้ อนุราธปุระมรดกโลก ถ้ำดัมบุลละ ถ้ำอลุวิหาร ที่ทำสังคายนา
นูวาระแอลิยะ ชมภูเขาไร่ชา น้าตกลอยฟ้า หรรษาไปกับทะเลสวยฟ้าใส เพลินใจไปกับธรรมชาติที่บริสุทธิ์

พิเศษ...! ฉลองพุทธชยันตี ครบ 2,600 ปี แห่งการตรัสรู้ของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า สาธยายพระไตรปิฎก
ณ ต้นพระศรีมหาโพธิ์ เมืองอนุราธปุระ ต้นเดิมตอนกิ่งจากพุทธคยา/อินเดีย มีแห่งเดียวในโลกที่ศรีลังกา

นำคณะโดย : พระอาจารย์มหาสุชาติ ถิรญาโณ ป.ธ.9, อ.บ.
ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดราชสิงขร กทม. โทร. 086-1002195


วันแรก : กรุงเทพฯ–สนามบินกะตุนายกะ (ศรีลังกา) – นิคัมโบ

18.30 น. - พร้อมกันที่สนามบินสุวรรณภูมิ ชั้น 4 ประตู 4 เคาร์เตอร์ S สายการบินศรีลังกันแอร์ไลน์+ มีเจ้าหน้าที่บริการ
20.05 น. - ออกเดินทางไปสู่ศรีลังกา โดยสายการบินศรีลังกาแอร์ไลน์ เที่ยวบินที่ UL 889 (มีบริการอาหาร)
22.00 น.- (ตามเวลาท้องถิ่นศรีลังกาช้ากว่าเวลาไทย 1 ชั่วโมงครึ่ง) ถึงสนามบินกะตุนายกะ ผ่านพิธีการตรวจคนเข้าเมือง
- จากนั้นต่อรถโค้ชปรับอากาศเดินทางสู่นิคัมโบ (ระยะทาง 14 กม.) พักที่โรงแรม Sunset Beach หรือเทียบเท่า 

วันที่สอง : นิคัมโบ–อนุราธปุระ–ต้นพระศรีมหาโพธิ์-สาธยายพระไตรปิฎก

07.00 น – บริการอาหารเช้าที่โรงแรม+จากนั้นเดินทางสู่อนุราธปุระ เมืองหลวงแห่งแรกของอาณาจักรกรุงลังกา
11.30 น. – ถวายภัตตาหารเพล/บริการอาหารเที่ยง ณ ภัตตาคารระหว่างทาง+เดินทางต่อผ่านเมืองคุรุนายกะ-มาตะเล
13.00 น. - เดินทางสู่อนุราชปุระ เมืองหลวงแห่งแรก ตั้งขึ้นประมาณ พ.ศ.100ปี+นมัสการต้นพระศรีมหาโพธิ์ ซึ่งตอน
กิ่งจากต้นเดิมที่ตรัสรู้ โดยพระนางสังฆมิตตาเถรี ราชธิดาของพระเจ้าอโศกมหาราช อัญเชิญไปถวายพระเจ้า
เทวานัมปิยติสสะ เมื่อ พ.ศ. 236 วันเพ็ญขึ้น 15 คํ่า เดือน 12+สาธยายพระไตรปิฎกก 84,000 พระธรรมขันธ์
และบทพระธัมมจัปปวัตตนสูตร ฉลองพุทธชยันตรี 2,600 ปี แห่งการตรัสรู้ ชมโลหะปราสาท+เจดีย์ถูปาราม
ที่บรรจุพระรากขวัญ (ไหปล้าร้า) เบื้องขวาของพระพุทธเจ้าสถานที่ทำสังคายนาครั้งที่ 4+เจดีย์อภัยคีรี+เจดีย์
สุวรรณมาลี สวดมนต์ ปฎิบัติธรรม เวียนเทียนรององค์พระเจดีย์ช้างล้อม มีรูปปั้นของพระเจ้าทุฎฐคามินีอภัย
19.00 น. – ถวายนํ้าปานะ/บริการอาหารเย็น ณ ภัตตาคาร+พักที่โรงแรม Randiya หรือเทียบเท่า พักผ่อนตามอัธยาศัย

วันที่สาม : อนุราธปุระ - ดัมบุลล่า - แคนดี้– พระเขี้ยวแก้ว
06.00 น.- ถวายภัตตาหารเช้า/บริการอาหารเช้าที่โรงแรม+ออกเดินทางไปดัมบุลล่า+ไหว้พระที่วัดทองคำ (Goden Temple)
“ถ้าดัมบุลล่า” ,“ถ้าอลุวิหาร”
11.30 น. – ถวายภัตตาหารเพล/บริการอาหารเที่ยง ณ ภัตตาคาร+จากนั้นช้อปปิ้งยาสมุนไพร มีบริการนวดนํ้ามันยาสมุนไพร
15.00 น.- ถึงแคนดี้ เมืองหลวงแห่งที่ 3 สร้างประมาณ พ.ศ. 1809 สูงจากระดับนํ้าทะเล 1,600 ฟุต+นำคณะเข้าเฝ้าสมเด็จ
พระสังฆราชของศรีลังกา “พระพุทธรักขิตตะมหาเถระ”
17.00 น. – ถวายนํ้าปานะ/บริการอาหารเย็น ณ โรงแรม+เข้าพักผ่อนอิริยาบถที่โรงแรม Queen’s หรือเทียบเท่า
18.00 น. - นมัสการพระเขี้ยวแก้วด้านซ้ายของพระพุทธเจ้า (พระทันตธาตุ) ณ วิหารใหญ่ศรีดาละดามัลลิกาวะ

วันที่สี่ : แคนดี้ – นูวาระแอลลิยะ ภูเขาไร่ชา
06.00 น. – ถวายภัตตาหารเช้า/บริการอาหารเช้าที่โรงแรม+จากนั้นนำคณะช้อปปิ้งสิ้นค้า เช่น ผ้าไหม เครื่องเงิน อัญมณี
11.30 น. – ถวายภัตตาหารเพล/บริการอาหารเที่ยง ณ ภัตตาคาร ริมนํ้าตก ท่ามกลางธรรมชาติภูเขา ป่าไม้ ไร่ชาที่สวยงาม
16.00 น. - ถึงนูวาระแอลิยะ+เที่ยวชมตัวเมืองชอปปิ้งสินค้าที่ตลาด มีผัก ผลไม้ ของที่ระลึก+ชมสวนดอกไม้เมืองหนาว
18.00 น. – ถวายนํ้าปานะ/บริการอาหารเย็น ณ โรงแรมบนยอดเขาไร่ชา ท่ามกลางธรรมชาติที่บริสุทธิ์ สดชื่นสวยงาม

วันที่ห้า : นูวาระแอลลิยะ–แคนดี้–โคลัมโบ-นิคัมโบ้
06.00 น. – ถวายภัตตาหารเช้า/บริการอาหารเช้าที่โรงแรม+จากนั้นเทียวชมธรรมชาติทิวทัศน์ ฝั่งหนึ่งเป็นภูเขา อีกฝั่ง
เช้า - เป็นทะเลสาบนํ้าจืดที่สวยงาม อิสระนั่งเรือรอบทะเลสาบ (เสียค่าเรือเอง คนละ 200-300 บาท) ถ่ายรูปที่ระลึก
จากนั้นเดินทางกลับ ผ่านชมโรงงานผลิตชา เลือกซื้อชาซีลอนที่มีชื่อเสียงของโลก เป็นที่นิยมของฝรั่งตะวันตก
11.30 น. – ถวายภัตตาหารเพล/บริการทานอาหารเที่ยง ณ ภัตตาคารระหว่างทาง+เดินทางผ่านเมืองแคนดี้สู่กรุงโคลัมโบ
15.00 น. - ถึงกรุงโคลัมโบ+ชมวัดกัลยาณี นมัสการพระเจดีย์กัลยาณี ที่กษัตริย์และชาวสิงหลสร้างเป็นอนุสรณ์ตรงที่
พระพุทธองค์เสด็จมาประทับบนรัตนะบัลลังก์ แสดงธรรมโปรดพระเจ้ามาไนชิกะ พระราชวงศ์ 3 กษัตริย์น้า-
หลาน และชาวสิงหล+ชมวิหารหลวงโบราณ อายุ 2,000 กว่าปี ชมภาพเขียนจิตรกรรมฝาผนัง แหล่งเรียนรู้
ประวัติศาสตร์ที่สำคัญทางพระพุทธศาสนา+นมัสการต้นพระศรีมหาโพธิ์ที่ตอนกิ่งมาจากเมืองอนุราธปุระ
16.00 น. - เยี่ยมชมวัดคงคาราม+พิพิธภัณฑ์พระธาตุและพระพุทธรูป มีโบราณวัตถุมากมาย+ชมอุโบสถกลางน้า
17.00 น. – ช้อปปิ้งสินค้าที่ตลาดโคลัมโบ มีห้างสรรพสินค้า ร้านขายของที่ระลึก อัญมณี ฯลฯ พอสมควรแก่เวลา
19.00 น. - ถวายนํ้าปานะ/บริการอาหารเย็น ณ ภัตตาคาร+พักผ่อนอิริยาบถ+จากเดินทางไปสนามบิน (ระยะทาง 35 กม.)
22.00 น. - ถึงสนามบินกัตตุนายกะ+มีเจ้าหน้าที่คอยบริการเช็คอิน+ตรวจสัมภาระ+แจกบัตรที่นั่งให้แก่ทุกท่าน

วันที่หก : กรุงโคลัมโบ – กรุงเทพฯ
01.30 น. - ออกเดินทางกลับไทย โดยสายการบินศรีลังกาแอร์ไลน์ เที่ยวบินที่ UL 888
06.25 น. - ถึงสนามบินสุวรรณภูมิ กรุงเทพฯ โดยสวัสดิภาพ พร้อมเก็บความทรงจาและความประทับใจ


เงื่อนไข : อัตราค่าบริการ ท่านละ 29,900.- บาท (พักเดี่ยวเพิ่ม 6,000 บาท)
มัดจาก่อน 10,000 บาท และจ่ายที่เหลือก่อนเดินทาง 15 วัน

ค่าใช้จ่ายนี้รวม :- ค่าตั๋วเครื่องบินไป-กลับระหว่างประเทศไทย-ศรีลังกา+ค่ารถโค้ช+ค่าประกันอุบัติภัย 1,000,000 บาท/คน
- ค่าภาษีสนามบินทุกแห่งตลอดรายการ – ค่าวีซ่าประเทศ+ ค่าเข้าชมสถานที่ทุกแห่งตามที่ระบุไว้ในรายการ
- ค่าอาหารทุกมื้อตามที่ระบุไว้ในรายการ+ค่าขนกระเป๋าเดินทางและค่าทิปต่างๆ+ค่ามัคคุเทศก์ทั้งชาวไทยและศรีลังกา
ค่าใช้จ่ายนี้ไม่รวม :- - ค่าธรรมเนียมหนังสือเดินทางและเอกสารต่างด้าว
- ค่าทิปเก็บรวม 6 วัน ให้คนขับรถ/เด็กรถ/ไกด์ท้องถิ่น ท่านละ 250 บาท (เฉลี่ยคนขับ 100+ไกด์ท้องถิ่น 100+เด็กรถ 50=250.-)
- ค่าทิปหัวหน้าทัวร์ไทยตามที่ท่านพึงพอใจ หรือให้ตามศรัทธา หรือไม่ให้ก็ได้ตามที่เห็นสมควร เช่น ท่านละ 50 บาท
- ค่าใช้จ่ายส่วนตัวอื่นๆ เช่น ค่าโทรศัพท์ โทรสาร ค่าซักรีด ค่าเครื่องดื่มและค่าใช้จ่ายนอกเหนือที่ระบุ
หลักฐานในการเดินทาง : ส่งก่อนเดินทางอย่างน้อย 10 วัน
(1) หนังสือเดินทางอายุการใช้งานเหลือไม่ต่ากว่า 6 เดือน (2) รูปถ่ายภาพสี พื้นหลังขาว 2 นิ้ว จานวน 1 ใบ




ขออนุโมทนาบุญกับข้อมูลดีๆ นี้ด้วยค่ะ





สาธูค่ะ















เมืองอนุราชปุระ


เมืองอนุราชปุระ


เมืองอนุราชปุระ


เมืองอนุราชปุระ


ด้านพุทธศาสนาและวัฒนธรรม

เหตุผลที่ชัดเจนหนึ่งในการมาเที่ยวศรีลังกาคือด้านพุทธศาสนาเพราะศรีลังกามี สิ่งศักดิ์สิทธิ์หนึ่งที่พิเศษไม่มีที่ไหนในโลกคือพระเขี้ยวแก้ว (พระทนต์ของพระพุทธเจ้า)ซึ่งกล่าวกันว่ามีเพียง 2 แห่งในโลกมนุษย์คือที่ศรีลังกาและที่จีนอีกแห่งหนึ่ง หากเพื่อการไปสักการะพระเขี้ยวแก้วแล้ว ก็เห็นว่าสมควรจะมา เพราะหลังพระพุทธองค์เสด็จปรินิพพานแล้วสิ่งที่เหลือคือพระธรรมกับพระสงฆ์ และวัตถุต่างๆ ที่เราทราบกันว่าคือพระบรมสารีริกธาตุบ้าง รอยพระบาทบ้าง สถานที่พระพุทธเจ้าเคยบำเพ็ยเพียรหรือที่เกี่ยวข้องในฐานะสังเวชนียสถานทั้ง 4 แห่งบ้าง รวมทั้งต้นพระศรีมหาโพธิ์ที่พุทธคยา ซึ่งชาวพุทธยังคงถือว่ามีความศักดิ์สิทธิ์ยิ่งนัก ดังนั้นในบรรดาสิ่งที่หลงเหลืออยู่ ที่เป็นวัตถุและเป็นอนุสรณ์ของพระพุทธเจ้าที่สำคัญก็คือพระเขี้ยวแก้วซึ่ง เป็นส่วนหนึ่งของพระพุทธเจ้า ศรีลังกาจึงมีคุณค่าสำหรับชาวพุทธฉะนี้

นอกจากนั้นศรีลังกายังมีอีกสิ่งหนึ่งที่น่าตื่นเต้นคือต้นพระศรีมหาโพธิ์ ซึ่งเป็นกิ่งที่มาจากต้นพระสรีมหาโพธิ์ต้นแรกที่พระพุทธองค์ทรงบำเพ็ญเพ ยรและตรัสรู้เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าฯ เป็นกิ่งที่พระนางสังฆมิตตา ธิดาของพระเจ้าอโศกมหาราชนำมาศรีลังกาในรัชสมัยนั้น ดังนั้นจึงถือเป็นต้นพระศรีมหาโพธิ์ที่แท้แน่นอนและมีอายุยืนนานที่สุดในโลก

ต้นพระศรีมหาโพธิ์ที่พุทธคยาในอินเดียนั้นนับเป็นต้นที่สืบต่อมาเป็นช่วง ที่ 4 จากจุดที่เชื่อกันว่าเป็นจุดที่พระพุทธเจ้าประทับบำเพ็ญเพียร นั่นก็หมายความว่าต้นพระศรีมหาโพธิ์ต้นเดิมนั้นถูกทำลายไปถึง 3 ครั้ง 3 ครา ต้นที่อยู่ที่พุทธคยาในปัจจุบันเซอร์คันนิ่งแฮมได้นำหน่อที่พบในบริเวณที่ เชื่อว่าเป็นจุดบำเพ็ญเพียรจนตรัสรู้และปลูกเอาไว้ซึ่งก็ถือว่าเป็นรุ่นที่ 4 แล้วในจุดเดิม ดังนั้นถ้าว่าถึงต้นพระศรีมหาโพธิ์ที่เก่าแก่ที่สุดก็คือต้นที่พระนางสังฆมิ ตตาได้นำไปปลูกที่เมืองอนุราธปุระซึ่งก็เป็นต้นที่มีคุณค่าทางประวัติศาสตร์ มาก เพียงแค่ไปศรีลังกาเพื่อการนี้ ก็ถือว่าคุ้มค่าแล้ว

เมืองมรดกโลก

นอกจากสองประเด็นที่ว่าแล้ว ศรีลังกายังมีเมืองที่เป็นมรดกโลกหลายแห่ง โดยเฉพาะสามเหลี่ยมวัฒนธรรม ดัมบูลา อนุราธปุระและโปโลนนารุวะ ซึ่งเป็นโบราณสถานคล้ายอยุธยาและสุโขทัยในบ้านเรา ใครที่ชอบประวัติศาสตร์และโบราณคดี ก็ไม่ควรพลาดการไปเยือนศรีลังกาเพื่อการนี้



เมืองแห่งสยามวงศ์

สำหรับชาวพุทธไทยยังมีอีกเรื่องหนึ่งที่น่าภูมิใจนั่นก็คือความสัมพันธ์ทาง พุทธศาสนาระหว่างสยามกับศรีลังกาในอดีตนั้นลึกซึ้งมาก นั่นคือการพึ่งพากันและกันของทั้งสองประเทศในด้านพุทธศาสนาและเป็นต้นกำเนิด ของพระสงฆ์สายสยามวงศ์ในศรีลังกา การได้ไปศรีลังกาจึงเสมือนไปย้อนรอยประวัติศาสตร์ความสัมพันธ์ระหว่างอยุธยา กับแคนดี้ซึ่งยังคงเด่นชัดมาจนถึงทุกวันนี้

ด้านธรรมชาติ

อีกด้านหนึ่งที่ศรีลังกามีจุดแข็งนั่นก็คือด้านธรรมชาติ ความสวยงามของธรรมชาติที่ยังบริสุทธิ์ ด้วยความที่เป็นประเทศเกาะและมีประวัติศาสตร์พุทธศาสนาเจริญเติบโตที่นั่น จึงเป็นเสน่ห์ที่พิเศษกว่าเกาะอื่นโดยทั่วไป ศรีลังกาเป็นเกาะขนาดเล็ก เดินทางจากฝั่งเกาะด้านหนึ่งไปอีกด้านหนึ่งจะใช้เวลาไม่กี่ชั่วโมง ไปที่ไหนก็จะเห็นแต่ความเขียวชอุ่มของต้นไม้ใบหญ้า ภูเขาและวัด นักท่องเที่ยวไทยหลายคนกล่าวว่าเมื่อมาศรีลังกาแล้วผิดคาดและไม่นึกว่าจะมี ธรรมชาติที่สวยงามแบบนี้ บางท่านบอกว่าเสน่ห์ของศรีลังกาอยู่ที่ธรรมชาติแบบดิบ ซึ่งหาที่ไหนไม่ค่อยได้ นอกจากนั้นหากชอบช้าง ศรีลังกามีป่าสงวนที่มีช้างป่ามากมายอีกทั้งช้างยังเป็นสัตว์ที่นำไปใช้ใน พิธีทางศาสนาคือการแห่งพระบรมสารีริกธาตุที่เรียกว่าพิธีเปราเฮรา จะใช้ช้างนับร้อยร่วมขบวนแห่ ซึ่งหาดูที่ไหนไม่ได้

ด้านสุขภาพบำบัด

ศรีลังกามีประเพณีและวัฒนธรรมในเรื่องของการดูแลสุขภาพที่เรียกว่าอายุรเวท ที่เก่าแก่และมีคุณค่าไม่แพ้ในอินเดีย จึงไม่น่าแปลกที่มีรีสอร์ทที่ทั้งที่พักผ่อนและรักษาสุขภาพพร้อมกันด้วยและ เป็นที่นิยมอย่างมากของนักท่องเที่ยวตะวันตก เป็นอีกเสน่ห์หนึ่งที่น่าสำรวจ รีสอร์ทเหล่านี้มีขนาดเล็กคล้ายโฮมสเตย์ในบ้านเราแต่จะจัดการดูแลเรื่อง สุขภาพของผู้ที่มาพักไม่ว่าจะเป็นอาหาร การนวดและกิจกรรมให้ความรู้เรื่องสมุนไพร ซึ่งเป็นอีกเสน่ห์หนึ่งที่ศรีลังกามี

ที่มา
http://www.thaiembassy.org/colombo/th/thai-people/27664-%E0%B8%84%E0%B8%B3%E0%B9%81%E0%B8%99%E0%B8%B0%E0%B8%99%E0%B8%B3%E0%B9%84%E0%B8%9B%E0%B8%97%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B9%80%E0%B8%97%E0%B8%B5%E0%B9%88%E0%B8%A2%E0%B8%A7%E0%B8%A8%E0%B8%A3%E0%B8%B5%E0%B8%A5%E0%B8%B1%E0%B8%87%E0%B8%81%E0%B8%B2.html


 4,062 

  แสดงความคิดเห็น


RELATED STORIES




จีรัง กรุ๊ป    

 ธรรมะไทย