พระอารามหลวง
ชั้นตรี
ชนิดสามัญ
สังกัดคณะสงฆ์ : มหานิกาย
วันตั้งวัด : พ.ศ. 2413
วันรับวิสุงคามสีมา : พ.ศ. 2479
วัดตานีนรสโมสร
ปัตตานี
ประวัติและความสำคัญ
วัดตานีนรสโมสร สร้างเมื่อประมาณปี พ.ศ. 2395 แด่เดิมย้ายจากบริเวณเมืองเก่าที่บ้านนา ตำบลกรือเซะ อำเภอเมือง จังหวัดปัตตานี สีตะวันกรมการเมืองปัตตานี สร้างขึ้นเป็นที่ถือน้ำพระพิพัฒน์สัตยาประจำมณฑลปัตตานี เดิมชื่อว่าวัดบางน้ำจืด แต่ประชาชนทั่วไปเรียกว่าวัดกลาง ในระยะแรกของการเริ่มสร้างวัดไม่มีถาวรวัตถุที่มั่นคง อีกทั้งพระสงฆ์จำพรรษาก็ไม่มีหลักฐานระบุแน่นอน จนถึงปี พ.ศ. 2430 ทางคณะสงฆ์ได้มอบหมายให้พระครูธรรมโมลีวัดมัชฌิมาวาส จังหวัดสงขลา และคณะเดินทางมาจัดการปกครอง ซึ่งขณะนั้นเจ้าอธิการสุขเป็นเจ้าอาวาส ต่อมา พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว พระราชทานสมณศักดิ์เป็นพระครูพิพัฒน์สมณกิจ และในปีนี้พระครูพิพัฒน์สมณกิจกับนางละนง แซ่เล่า ได้จัดสร้างพระอุโบสถเป็นศิลปะแบบจีน
วันที่ 10 กันยายน พ.ศ. 2431 พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวเสด็จประพาสเมืองปัตตานี ทรงทอดพระเนตรเห็นศาลาการเปรียญหลังคามุงจากมีสภาพทรุดโทรม จึงทรงพระราชทานทรัพย์เพื่อสร้างศาลาการเปรียญขึ้นใหม่ ดังปรากฏในจดหมายเหตุ รัชกาลที่ 5 เสด็จพระราชดำเนินไปที่หอนั่งพระยาตานี และเสด็จกลับทางเดิม ทรงเรือพระที่นั่งล่องมาประทับขึ้นที่วัดตานี เสด็จทอดพระเนตรในโบสถ์ซึ่งพึ่งทำใหม่เป็นอย่างจีน พระพุทธรูปก็ทำใหม่พึ่งเสร็จ มีพระ 14 รูป ทรงทราบว่า การถือน้ำประจำปีเจ้าเมืองกรมการประชุมถือน้ำที่วัดนี้ทุกคราว จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานเงินให้ทำศาลาการเปรียญเป็นที่สำหรับเด็กเรียนหนังสือด้วย และให้เป็นที่สำหรับเจ้าเมืองกรมการประชุมถือน้ำ แทนศาลาหลังคาจากของเก่า (ประยูรเดช คณานุรักษ์, 2538, น. 42) ส่วนพระราชทรัพย์ที่ทรงพระราชทานเป็นจำนวนเงิน 5 ชั่ง ตามหลักฐานที่ระบุในจดหมายเหตุรายวันของสมเด็จพระบรมราชปิตุลาธิบดี เจ้าฟ้ามหาวชิรุณหิศ ตอนหนึ่งว่า แล้วเสด็จมาทรงเรือพระที่นั่งมาประทับที่วัดของจีนจูหลาย กัปตันจีนสร้างมีพระสงฆ์อยู่ 14 รูป โบสถ์ทำอย่างจีน พระเจ้าบ้านแขกไม่ได้ รับสั่งให้นิมนต์มาถวายเงิน สมเด็จแม่ก็ถวายด้วย แล้วประทานเงินกัปตันจีนไว้ห้าชั่งให้ทำศาลาการเปรียญเป็นที่สำหรับเด็กเรียนหนังสือ ให้เป็นที่สำหรับเจ้าเมืองกรมการประชุมถือน้ำด้วย (ประยูรเดช คณานุรักษ์, 2538, น. 47)
ต่อมาเมื่อคราวเสด็จเมืองหนองจิก วันที่ 30 กรกฎาคม พ.ศ. 2432 ขณะที่ประทับอยู่ในเรือพระที่นั่งหน้าเมืองหนองจิกนั้น ทรงทราบว่าศาลาการเปรียญที่โปรดเกล้าฯ ให้สร้างขึ้นที่วัดบางน้ำจืด เมื่อคราวเสด็จตรังกานูเกือบเสร็จแล้วจึงอัญเชิญพระราชหัตถเลขาฉบับที่ 3 ซึ่งกล่าวถึงเหตุการณ์ดังนี้ พระยาตานีมาคอยอยู่ 4 วันแล้วพึ่งกลับไปพระยาหนองจิกให้ไปบอก ก็ขึ้นมาพร้อมกับพระศรีบุรีรัฐ พระพิพิธภักดี หลวงจีนคณานุรักษ์ ทราบว่าศาลาการเปรียญที่วัดตานี ซึ่งฉันสร้างไว้นั้น เกือบเสร็จแล้ว จึงคิดว่าเป็นโอกาสดีพอที่จะฉลองได้ จึงปล่อยให้พวกเมืองตานีกลับไปจัดการรับที่เมืองตานี (ประยุทธ สิทธิพันธ์, 2524, น. 381)
วันที่ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2432 พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวเสด็จวัดบางน้ำจืด โดยเรือพระที่นั่งบูรทิศในการพระราชพิธีฉลองการเปรียญ ทรงมีพระราชหัตถเลขา ในการพระราชพิธีดังกล่าวถึงเหตุการณ์ในการฉลองศาลาการเปรียญและได้พระราชทานนามวัดว่า วัดตานีนรสโมสร และได้รับยกฐานะเป็นพระอารามหลวง ชั้นตรีชนิดสามัญ นับเป็นอารามหลวงแห่งแรกของจังหวัดปัตตานี ตั้งแต่วันที่ 4 กุมภาพันธ์
พ.ศ. 2509
วัดตานีนรสโมสรกับจัดการศึกษาในจังหวัดปัตตานี
ในสมัยพระครูพิพัฒน์สมณกิจ (สุข) เป็นเจ้าอาวาส ปี พ.ศ. 2444 ได้มีการจัดตั้งโรงเรียนภาษาไทยตามหลักสูตรประถมศึกษา ซึ่งมีหลวงสุนทรธนารักษ์เป็นผู้ให้การสนับสนุนเป็นครั้งแรกตั้งชื่อโรงเรียนว่า สุนทรวิทยาทาน นับเป็นโรงเรียนแห่งแรกในปัตตานี และในสมัยพระธรรมโมลีเป็นเจ้าอาวาสได้เล็งเห็นความสำคัญของการศึกษาของเยาวชนจึงนำเงินที่ประชาชนบริจาคเพื่อบำรุงมาสร้างโรงเรียนสอนภาษาไทย 1 หลัง ทรงไทยตรีมุข กว้าง 12 เมตร ยาว 20 เมตร มี 12 ห้องเรียนจัดเป็นสถานที่ให้การศึกษาแก่เยาวชน (ปัจจุบันขยายเป็น 24 ห้องเรียน) และสร้างโรงเรียนนักธรรมบาลีด้วยทุนทรัพย์ของวัดเป็นทรงปั้นหยากว้าง 10 เมตร ยาว 20 เมตร คอนกรีตเสริมเหล็ก วัดตานีรนรสโมสรจึงมีโรงเรียนสอนพระปริยัติธรรมสำหรับพระภิกษุสามเณรด้วย เพราะฉะนั้นวัดตานีนรสโมสรจึงเป็นสถานที่การศึกษาทั้งทางโลกและทางธรรมให้กับนักเรียนชาวจังหวัดปัตตานี และจังหวัดใกล้เคียงมาเป็นเวลานาน
ทำเนียบเจ้าอาวาสวัดตานีนรสโมสร
1. พระครูพิพัฒน์สมณกิจ (สุข) พ.ศ. 2430 2446
2. พระครูพิพัฒน์สมณกิจ (เมิน) พ.ศ. 2446 2453
3. พระครูพิพัฒน์สมณกิจ (บุญ ปุญญลาโภ) พ.ศ. 2453 2460
4. พระครูสโมสรสิทธิการ (แก้ว) พ.ศ. 2460 2477
5. พระครูธรรมโมลี (เกตุ ติสฺสโร) พ.ศ. 2477 2540
6. พระครูศรีปัญญาวุธ (จรินทร์ ปญญธโร) พ.ศ. 2541 2554
7. พระครูศรีจริยาภรณ์ (ชรัช อุชุจาโร) พ.ศ. 2554 ปัจจุบัน
- สิ่งสำคัญคู่วัด -
พระอุโบสถ
สร้างเมื่อปี พ.ศ. ๒๔๗๘ โดยพระธรรมโมลี (ขณะเป็นพระญาณโมลี) พร้อมด้วยหลวงรัตนมนตรี (ฮวด คายนันท์) และพุทธศาสนิกชนร่วมกันก่อสร้างเป็นรูปทรงไทย กว้าง ๙ เมตร ยาง ๑๗ เมตร เป็นคอนกรีตเสริมเหล็กโบกปูน หน้าบันมีตราพระเกี้ยวกนกล้อมรอบ หน้าพระอุโบสถมีซุ้มประดิษฐานพุทธรูปปางมารวิชัย (ขนมต้ม) ศิลปะนครศรีธรรมราช หน้าตักกว้าง ๕๐ เซนติเมตร พระธรรมวโรดม (เซ่ง อุตฺตโม) มอบให้พำนักวัดตานีนสโมสร ภายในพระอุโบสถประดิษฐานพระประธานเป็นพระพุทธรูปปางมารวิชัย ศิลปะสมัยสุโขทัยหน้าตักกว้าง ๑ เมตร มีพระพุทธรูปยืนปางห้ามญาติ ศิลปะสมัยอยุธยาหรือละโว้ สูง ๒ เมตร สมเด็จเจ้าฟ้าฯ กรมหลวงลพบุรีราเมศร์ โปรดเกล้าให้พระเจ้าวรวงศ์เธอพระองค์เจ้าเฉลิมเขตรมงคล พระชายานำมาถวายวัดตานีนรสโมสร และมีพระพุทธรูปยืนปางห้ามสมุทร ศิลปะสมัยทวาราวดี สูง ๒เมตร เป็นพระพุทธรูปที่พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว พระราชทานให้แก่วัด
นพสงฆ์อนุสรณ์วัดตานีนรสโมสร
สร้างเพื่อเป็นอนุสรณ์สถานของพระภิกษุสงฆ์ที่สำคัญในจังหวัดปัตตานี
ศาลาการเปรียญ
สร้างเมื่อ พ.ศ. 2515 พระธรรมโมลี (ขณะเป็นพระเทพญาณโมลี) และขุนธำรงพันธ์ภักดีร่วมกันสร้าง เป็นอาคารคอนกรีตเสริมเหล็กฉาบปูนสองชั้นหน้าบันมีตราพระเกี้ยวกนกล้อมรอบเช่นเดียวกับพระอุโบสถ กว้าง 16 เมตร ยาว 36 เมตร มีการบูรณะเมื่อปี พ.ศ. 2557
หอระฆัง
สร้างเมื่อ พ.ศ. ๒๕๐๘ โดยขุนธำรงพันธุ์ภักดี เป็นหอระฆังศิลปะไทย กว้าง ๔ เมตร สูง ๑ เมตร ระฆังเป็นศิลปะอิสลาม