ถือธุดงค์ ปฏิบัติธรรม สนทนาธรรม .... ทำบุญอะไรได้ผลบุญเท่าไหร่ ?
		
		
			
			
			
			
			
			
			
						
			
				  ผลบุญ
ทำบุญอะไรได้ผลบุญเท่าไหร่ ?
สมมุติมีเงิน  ๑๐๐  บาท  ซื้ออาหาร  ๔  อย่าง  ได้ข้าว กับข้าว ขนม และผลไม้
ใส่ในปิ่นโต  ๔  เถา หรือ  ๔  ชั้น
ให้ทานนี้แก่สัตว์เดรฉาน  หวังผลได้  ๑๐๐  เท่า
ให้ทานนี้แก่โจรหรือขอทานผู้ไม่มีศีล  หวังผลได้  ๑,๐๐๐  เท่า
ให้ทานนี้แก่คนธรรมดาผู้มีศีล  หวังผลได้  ๑๐๐,๐๐๐  เท่า
ให้ทานนี้แก่ผู้ได้ฌานสมาบัติ ๑ – ๘ ภายนอกพระพุทธศาสนา  หวังผลได้  ๑๐๐,๐๐๐  โกฏิเท่า  หรือ  ๑ ล้านล้านเท่า
ให้ทานนี้แก่พระโสดาบันผู้ละสังโยชน์  ๓  ได้หมดสิ้น  หวังผลได้นับไม่ถ้วน
ให้ทานแก่นี้แก่พระโสดาบัน  ๑๐๐  องค์ยังมีอานิสงส์ไม่เท่าถวายทานนี้แก่พระสกทาคามีผู้ทำกามราคะและพยาบาทให้บางเบา  ๑  องค์
ให้ทานแก่นี้แก่พระสกทาคามี  ๑๐๐  องค์ยังมีอานิสงส์ไม่เท่าถวายทานนี้แก่พระอนาคามีผู้ละกามราคะและพยาบาทให้หมดสิ้น  ๑  องค์
ให้ทานแก่นี้แก่พระอนาคามี  ๑๐๐  องค์ยังมีอานิสงส์ไม่เท่าถวายทานนี้แก่พระอรหันต์ผู้ละสังโยชน์  ๑๐  ให้หมดสิ้น  ๑  องค์
ให้ทานแก่นี้แก่พระอรหันต์  ๑๐๐  องค์ยังมีอานิสงส์ไม่เท่าถวายทานนี้แก่พระปัจเจกพุทธเจ้าผู้ตรัสรู้เองแต่ไม่อาจจำแนกธรรมสอนผู้อื่น  ๑  องค์
ให้ทานแก่นี้แก่พระปัจเจกพุทธเจ้าผู้ตรัสรู้เองแต่ไม่อาจจำแนกธรรมสอนผู้อื่น  ๑๐๐  องค์ยังมีอานิสงส์ไม่เท่าถวายทานนี้แก่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าผู้ตรัสรู้เอง  และสามารถจำแนกธรรมสอนผู้อื่น  ๑  องค์
ถวายทานนี้แก่พระสัมมาสัมพุทธเจ้า  ก็ยังมีอานิสงส์ไม่เท่าถวายทานนี้เป็นสังฆทานซึ่งมีพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเป็นประธาน
ถวายทานนี้เป็นสังฆทานซึ่งมีพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเป็นประธาน  ก็ยังมีอานิสงส์ไม่เท่าถวายทรัพย์สบทบทุนสร้างเสนาสนะถวายเป็นวิหารทานแก่สงฆ์ผู้มาจากทิศทั้ง  ๔
สังฆทานและวิหารทาน  เป็นยอดของทานที่ทำด้วยอามิส  คือวัตถุปัจจัยต่าง ๆ
สังฆทานและวิหารทาน  ก็ยังมีอานิสงส์ไม่เท่าผู้นั้นถึงไตรสรณะคมณ์ว่า  
พุทธัง  สรณัง  คัจฉามิ 
ธัมมัง  สรณัง  คัจฉามิ
สังฆัง  สรณัง  คัจฉามิ
ถึงไตรสรณะคมณ์  ก็ยังมีอานิสงส์ไม่เท่าการถึงไตรสรณะคมณ์แล้วสมาทานศีล  ๕  ด้วย
ถึงไตรสรณะคมณ์แล้วสมาทานศีล  ๕  ด้วย  ก็ยังมีอานิสงส์ไม่เท่าผู้นั้นเจริญเมตตาธรรมชั่วระยะสูดลมหายใจเข้า
เจริญเมตตาธรรมชั่วระยะสูดลมหายใจเข้า  ก็ยังมีอานิสงส์ไม่เท่าผู้นั้นเจริญอนิจจสัญญาคือเห็นความสิ้นความเสื่อมแห่งอัตตภาพ  ชั่วลัดนิ้วมือเดียว
เจริญอนิจจสัญญาเห็นความสิ้นความเสื่อมแห่งอัตตภาพ  ชั่วลัดนิ้วมือเดียว  ก็ยังมีอานิสงส์ไม่เท่าผู้นั้นบรรลุปฐมฌาน ๆ  มีอานิสงส์  ๑  กัป
บรรลุทุติยฌาน ๆ  มีอานิสงส์  ๘  กัป
บรรลุตติยฌาน ๆ  มีอานิสงส์  ๖๔  กัป
บรรลุจตุตถฌาน ๆ  มีอานิสงส์  ๕๐๐  กัป
บรรลุอากาสานัญจายตนฌาน ๆ  มีอานิสงส์  ๒๐,๐๐๐  กัป
บรรลุวิญญานัญจายตนฌาน ๆ  มีอานิสงส์  ๔๐,๐๐๐  กัป
บรรลุอากิญจัญญายตนฌาน ๆ  มีอานิสงส์  ๖๐,๐๐๐  กัป
บรรลุเนวสัญญานาสัญญายตนฌาน ๆ  มีอานิสงส์  ๘๔,๐๐๐  กัป
ท่องพระคาถา ๑ บทท เช่น
 จิตที่ตั้งมั่นไม่หวั่นไหวดั่งภูเขาศิลา 
ไม่กำหนัดในอารมณ์
อันเป็นที่ตั้งแห่งความกำหนัด 
ไม่โกรธในอารมณ์
อันเป็นที่ตั้งแห่งความโกรธ 
จิตของบุคคลใด อบรมได้ดั่งนี้
ความทุกข์จะมีมาแต่ที่ใดเล่า ?  มีอานิสงส์ ๑๐๐,๐๐๐ กัป
แต่ที่กล่าวมาทั้งหมดนี้ยังเวียนตายเวียนเกิดอยู่ในวัฏฏะสงสาร  ยังมีอานิสงส์ไม่เท่าบรรลุเป็นพระโสดาบัน ๆ  เวียนตายเวียนเกิดอีกไม่เกิน  ๗  ชาติ  แล้วบรรลุเป็นพระอรหันต์  ดับขันธ์ปรินิพพาน
บรรลุเป็นพระสกทาคามี ๆ  เวียนตายเวียนเกิดอีกเพียงชาติเดียว  แล้วบรรลุเป็นพระอรหันต์  ดับขันธ์ปรินิพพาน
บรรลุเป็นพระอนาคามี ๆ  ไม่เวียนตายเวียนเกิดมาเป็นมนุษย์อีก  ไปเกิดในพรหมโลกชั้นสุทธาวาส  ๕  ชั้น  แล้วบรรลุเป็นพระอรหันต์  ดับขันธ์ปรินิพพาน
บรรลุเป็นพระอรหันต์สุขที่สุด
เพราะพระอรหันต์สิ้นอาสาวะกิเลสและสังโยชน์แล้ว
ดับขันธ์ปรินิพพานในชาตินี้  ไม่เกิดกันอีก
.