น้อมบูชาในวัน อัฏฐมีบูชา

 คืนถิ่น   12 มิ.ย. 2555

สองพันหกร้อยปี เป็นสักขีความยิ่งใหญ่
ปลดบ่วงหมู่เวไนย ได้พ้นไปตามพระองค์

สังสาฯสุดอันตราย ซ้ำมากมายหลายพิษสง
หากพุทธยังยืนยง ก็ยังคงมีช่องทาง

กระแสวัตถุธรรม แม้กระหน่ำมาขัดขวาง
เป็นได้เพียงบ้านร้าง งามพิลาศแต่ปราศคน

เนื่องด้วยเหล่าชาวพุทธ ไม่สะดุดมิสับสน
หมายมุ่งเพื่อฝึกตน ไม่เปปนกับความลวง

ให้กลับมากลายกร้ำ เข้ารัดซ้ำเป็นโซ่บ่วง
วันร้ายก็กลายพ่วง กระชากรัดมัดจนตาย

วันนี้พระราชทานเพลิง พระสรีระน่าใจหาย
ธรรมแท้มิเคยตาย แม้พระองค์ไม่ทรงชนม์

กี่พันกี่หมื่นปี จะยอมพลีเพื่อฝึกฝน
ขัดเกลาในตัวตน เพราะเห็นค่าว่าสิ่งดี

แม้นพ้นวันนี้ไป ก็มิใช่จะหันหนี
กตัญญูกตเวที องค์สูงสุดเป็นพุทธบูชา

วันนี้เป็นวัน อัฐมีบูชา พระราชทานเพลิงพระสรีรกาย หลายวัดมีเวียนเทียน
อย่าลืมไปกันนะครับ พิธีการเหมือนวิสาขบูชาแต่บทสวดหรือคำกล่าวคนละอย่าง
วันแสนเศร้าวันหนึ่งในอดีต(จนถึงปัจจุบันและในกาลอนาคต)ที่เป็นสัญลักษณ์บอก
ว่าแต่นี้ไปไม่มีพระองค์อีกต่อไปแล้ว คืนถิ่นไม่เคยลืมที่พระองค์ตรัสว่า ธรรมวินัย
อันใดที่พระองค์ตรัสไว้ดีแล้วจักเป็นศาสดาของพวกเราต่อไป และ ไม่เคยเห็นพระ
วาจาเป็นสิ่งเล็กน้อยเลยจะทำให้ดีที่สุดเพื่อถวายเป็นพุทธบูชาเสมอ เพราะแม้เราเคารพ
ผู้อาวุโสท่านอื่นแต่ก็ไม่เคยยึดเป็นที่พึ่งเป็นสรณะเลย ถ้าไม่ใช่พระรัตนตรัยแล้วสำหรับ
ผมทางอื่นหรือสิ่งอื่นไม่มี





ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคเจ้าพระองค์นั้น
                     ผู้ซึ่งไกลจากกิเลส ตรัสรู้ชอบด้วยพระองค์เอง




วันธรรมสวนะ แรม ๘ ค่ำเดือน ๗
วันอัฏฐมีบูชา .... วันสำคัญที่หลายคนไม่รู้จัก

๐ แรมแปดค่ำ เดือนหก ยกมาเล่า
จักขอเท้า ความถึง พึงสิกขา
ถวายพระเพลิง สรีระ พระศาสดา
อัฏฐมีบูชา ก่อเกิดกาล

๐ เมื่อพระมหากัสสปะ ได้มาถึง
ณ ที่ซึ่ง เตรียมการณ์ไว้ ได้อธิษฐาน
ขอพระบาท ทั้งคู่ เพื่อสาธุการ
เกิดปาฏิหาริย์ พระบาทแทรก แยกผ้ามา

๐ พระเถระ นำทูนไว้ เหนือเศียรเกล้า
น้อมนำเหล่า ภิกษุไซร้ ได้ปรารถนา
ทั้งห้าร้อย ได้มาจาก เมืองปาวา
สู่กุสินารา ประทักษิณา จิตกาธาน

๐ เมื่อถวายบังคม พระบรมศพ
ทุกคนนั้น ได้ประสบ พบกล่าวขาน
พระเพลิง ลุกไหม้เอง ในจิตกาธาน
ปาฏิหาริย์ ได้ประจักษ์ ชัดแจ้งจินต์


เจริญในธรรม เจ้าค่ะ







ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคเจ้าพระองค์นั้น
                     ผู้ซึ่งไกลจากกิเลส ตรัสรู้ชอบด้วยพระองค์เอง




ดูกรวาสิฏฐะทั้งหลาย
ความประสงค์ของพวกเทวดาว่า ท่านพระมหากัสสปนี้
พร้อมด้วยภิกษุสงฆ์หมู่ใหญ่ประมาณ ๕๐๐ รูป
เดินทางไกลจากเมืองปาวามาสู่เมืองกุสินารา
จิตกาธารของพระผู้มีพระภาคจักยังไม่ลุกโพลงขึ้น
จนกว่าท่านพระมหากัสสปจะถวายบังคมพระบาททั้งสอง
ของพระผู้มีพระภาคด้วยมือของตน ฯ

ท่านพระมหากัสสปเข้าไปถึงมกุฏพันธนเจดีย์ของพวกเจ้ามัลละ
ในเมืองกุสินารา และถึงจิตกาธารของพระผู้มีพระภาค
ครั้นแล้วกระทำจีวรเฉวียงบ่าข้างหนึ่ง ประนมอัญชลี
กระทำประทักษิณจิตกาธาร ๓ รอบ

แล้วเปิดทางพระบาท ถวายบังคมพระบาททั้งสอง
ของพระผู้มีพระภาคด้วยเศียรเกล้า
แม้ภิกษุ ๕๐๐ รูป เหล่านั้น ก็กระทำจีวรเฉวียงบ่าข้างหนึ่ง
ประนมอัญชลี กระทำประทักษิณ ๓ รอบ
แล้วถวายบังคมพระบาททั้งสอง
ของพระผู้มีพระภาคด้วยเศียรเกล้า

เมื่อท่านพระมหากัสสปและภิกษุ ๕๐๐ รูปนั้น ถวายบังคมแล้ว
จิตกาธารของพระผู้มีพระภาคก็โพลงขึ้นเอง

ฯลฯ

*******************

http://www.84000.org/tipitaka/pitaka_item/item.php?book=10&item=156&items=1&preline=0




เจริญในธรรม เจ้าค่ะ






 เปิดอ่านหน้านี้  5773 

  แสดงความคิดเห็น



จีรัง กรุ๊ป    

 ธรรมะไทย