กลอนดอกสร้อย .. รำพึงในวัฏฏสงสาร

 หิ่งห้อยน้อย   28 ม.ค. 2555

 
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคเจ้าพระองค์นั้น
                     ผู้ซึ่งไกลจากกิเลส ตรัสรู้ชอบด้วยพระองค์เอง




๐ วัง เอ๋ย วังเวง
หง่างเหง่ง เสียงระฆัง ดังขับขาน
ตะวันลับ ขอบฟ้า มาเนิ่นนาน
หลายกัปกาล หลายเวลา พาทุกข์ทน

๐ ตะวันเริ่ม จะลับ ดับลงแล้ว
เสียงเจื้อยแจ้ว แห่งรัตติกาล ขานอีกหน
จุติแล้ว อุบัติขึ้น ในบัดดล
หมุนและเวียน เปลี่ยนหน วนวัฏฏ์เอยฯ

เจริญในธรรม เจ้าค่ะ




 





ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคเจ้าพระองค์นั้น
                     ผู้ซึ่งไกลจากกิเลส ตรัสรู้ชอบด้วยพระองค์เอง




๐ กาล เอ๋ย กาลเวลา
ไปข้างหน้า มิย้อนกลับ ลับเลยหาย
จะสุข ทุกข์ เศร้า ดีใจ ไม่เคยคลาย
เวลานั้น ไม่เคยกลาย ไม่รอรา

๐ ปัจจุบัน มาครอง มองไม่เห็น
ไม่เคยเป็น ปัจจุบัน นั่นปัญหา
จิตปุถุชน ที่ยังไร้ ญาณปัญญา
ได้แต่วิ่ง ตามเวลา น่าเศร้าเอยฯ

เจริญในธรรม เจ้าค่ะ









ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคเจ้าพระองค์นั้น
                     ผู้ซึ่งไกลจากกิเลส ตรัสรู้ชอบด้วยพระองค์เอง




ผู้ไม่ประมาท .. อยู่เหนือเวลา

๐ ต้องขึ้นมา อยู่เหนือเวลา เหนือประมาท
ก็จะเห็น ความพลั้งพลาด เหนือวิสัย
น้อมพุทธคุณ อุ่นเกล้า ปลุกเร้าใจ
ก้าวต่อไป ไม่ประมาท ไม่พลาดเอย

เจริญในธรรม เจ้าค่ะ









ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคเจ้าพระองค์นั้น
                     ผู้ซึ่งไกลจากกิเลส ตรัสรู้ชอบด้วยพระองค์เอง




๐ นักเอ๋ย นักรบ
เจ้าสยบ สัตรูร้าย ที่จองผลาญ
ได้สำเร็จ รวดเร็ว ไม่เสียกาล
มิต้องใช้ เวลานาน เปลืองเวลา

บัณฑิตผู้ ไม่ประมาท ไม่พลาดพลั้ง
ไม่ดึงรั้ง กิเลส เหตุตัณหา
เพียรประหาร ไม่รอ กาลเวลา
ได้ชื่อว่า ผู้ไม่พลาด ประมาทเอยฯ

เจริญในธรรม เจ้าค่ะ









ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคเจ้าพระองค์นั้น
                     ผู้ซึ่งไกลจากกิเลส ตรัสรู้ชอบด้วยพระองค์เอง




พลาดพลั้ง เพราะพลั้งพลาด

๐ พลาด เอย พลาดพลั้ง
ขาดสิ่งรั้ง ยั้งใจ ให้สู่ชั่ว
เพราะธุลี ในนัยน์ตา พาเมามัว
ช่างน่ากลัว มัวระเริง หลงกามา

มองโลกผิด เฝ้าแต่คิด ทำอย่างไร
ความสดใส ให้ชีวิต ชิดหรรษา
ทำอย่างไร ได้ลาภ ยศ สุข ฐานา
เพิ่มอัตตา มัวเมา น่าเศร้าเอยฯ

เจริญในธรรม เจ้าค่ะ








ขออภิวาทพระผู้มีพระภาคเจ้า นมัสการพระธรรม นอบน้อมพระสงฆ์

สวัสดีคุณ "หิ่งห้อยน้อย" ครับ
เข้ามาอ่านเก็บไว้เตือนใจ ขอร่วมแต่งด้วยนะครับ(แต่แต่งไม่เก่งเท่าไหร่)

น่าเอ๋ย น่าฟัง
เสียงระฆังแห่งความจริงอันล้ำค่า
เป็นสื่อนำแสดงแฝงธรรมมา
เสียงแห่งกาลเวลาใช่ทั้งปวง

แม้นประมาทพลาดพลั้งยังคิดว่า
กาลเวลาอันสุขสมคือแดนสรวง
มินำพาว่ากามาคือสิ่งลวง
คงติดบ่วงโอฆะวัฏฏะเอย


คิดเหมือนที่คุณหิ่งห้อยน้อยปรารภเลยครับ ความจริงสิ่งที่เป็น "อกาลิโก"
จะเอาสมมติบัญญัติทางโลกที่ชื่อว่า "ยุคสมัย" มาตัดสินไม่ได้เลยเพราะ
โดยปรมัติแล้ว ไม่เคยมีตั้งแต่แรก แต่ตั้ง กำหนดหรือทำสัญญาการสื่อสารเฉพาะ
กลุ่มขึ้นมาเอง(ซึ่งจะเปลี่ยนแปลงไปตามสิ่งที่เรียกว่า ยุคสมัย) สิ่งอันเป็นที่นิยม
ก็ได้รับการยอมรับ สิ่งใดไม่เป็นที่นิยมก็ไม่เป็นที่ยอมรับ สุดท้ายความจริงมีแค่สิ่งเดียว
คือ สัญญาอนัตตา สังขาราอนัตตา(แต่ก่อนที่จะเป็นอนัตตาจะผ่านอนิจจังและทุกขังมาก่อน)
คือ เป็นไปอย่างอิสระในตัวเอง ไม่ขึ้นอยู่กับการบังคับบัญชาของผู้ใดหรือสิ่งใด
ถ้าไม่สมมติกันขึ้นมาเองแต่แรก ความจริงแท้น่าจะปรากฏ





ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคเจ้าพระองค์นั้น
                     ผู้ซึ่งไกลจากกิเลส ตรัสรู้ชอบด้วยพระองค์เอง




๐ น่าเอ๋ย น่าฟัง
เสียงระฆัง จากคืนถิ่น ยินกันทั่ว
หลงระเริง ในกามา ช่างน่ากลัว
เย้ยยะยั่ว ให้มัวเมา พาเขลาไป

ติดวัตถุ ติดกาม ติดคามเหย้า
ติดตัวเรา ของเรา จักทำไฉน
เกิดตัวตน สักกาย หมายเอาไว้
จึงเวียนว่าย อยู่ใน วัฏฏะเอยฯ


ขอบพระคุณท่านคืนถิ่นเจ้าค่ะ


เจริญในธรรม เจ้าค่ะ








 เปิดอ่านหน้านี้  5597 

  แสดงความคิดเห็น


RELATED STORIES



จีรัง กรุ๊ป    

 ธรรมะไทย