วิปัสสนา

เรื่องที่ ๒ : คำสารภาพของเสือโฮม ( ๑ )
โดย : ห้องวิปัสสนาธรรมะไทย


อานิสงส์ของการ "เจริญวิปัสสนา" นั้น ท่านจะเชื่อหรือไม่ ว่าสามารถกลับจิตใจของเสือร้าย ในอดีตได้อย่างไม่น่าเชื่อ "เสือโฮม" ที่กำลังจะกล่าวถึงนี้ เป็นนักโทษประหาร ซึ่งก่อคดีฆ่าคน มานับไม่ถ้วน "การเจริญวิปัสสนา" ช่วยเปลี่ยนแปลงนิสัยของเสือร้ายผู้นี้ได้อย่างไร เราลองมา อ่านบันทึก "คำสารภาพของเสือโฮม" กันดู น่าสนใจทีเดียวเสือโฮมได้เขียนบันทึก เล่าเรื่องราว ของตัวเองไว้ดังนี้

ข้าพเจ้าเกิดที่บ้านแหลมไผ่ ตำบลทุ่งโพธิ์ อำเภอกบินทร์บุรี จังหวัดปราจีนบุรี โดยข้าพเจ้า ได้รับการศึกษาวิชาการต่างๆ เฉพาะอย่างยิ่งความรู้ทางศีลธรรมค่อนข้างน้อย ฉะนั้นจิตใจ ของข้าพเจ้าจึงหนักไปข้างพาลเกเรมาตั้งแต่เป็นเด็ก เมื่อข้าพเจ้ามีอายุได้ ๑๓ ปี ก็ได้ฆ่าเพื่อน บ้านตายไปคนหนึ่ง ซึ่งเหตุผล ถ้าจะกล่าวตามความรู้สึก ในขณะนี้ ก็เป็นเรื่องเล็กน้อย ไม่น่าจะ เป็นไปได้ถึงเพียงนั้น เมื่อเกิดการกระทำผิดขึ้น เจ้าหน้าที่ก็จับตัวข้าพเจ้าไปทำการไต่สวน แต่ โดยที่อายุข้าพเจ้ายังอยู่ในฐานะเป็นผู้เยาว์ ข้าพเจ้าจึงรอดพ้นอาญาแผ่นดินมาได้ แทนที่ข้าพเจ้า จะรู้สึกเกรงกลัวต่ออาญาแผ่นดิน ระวังตนไม่กระทำความผิดอีกต่อไป กลับมีความรู้สึกฮึกเหิม ในใจเป็นยิ่งนัก เป็นอันว่าข้าพเจ้าได้เริ่มเบนวิถีชีวิตออกจากทางของสุภาพชนแต่นั้นมา ชอบ กระทำตนเป็นคนเกเรยิ่งขึ้น มีการทะเลาะวิวาทตีรัน ฟันแทงกับบุคคลอื่นๆอยู่เรื่อย

จนต่อมาเมื่ออายุได้ ๑๖ ปี ก็ได้ฆ่าคนตายอีกคนหนึ่ง เมื่อไปล่าเนื้อในป่าด้วยกัน บุคคลผู้นี้ ข้าพเจ้าได้ยิงด้วยจงใจ จะฆ่าให้ตายจริงๆ และด้วยการโกรธพอประมาณเท่านั้น เมื่อเจ้าหน้าที่ มาจับแล้ว ข้าพเจ้าก็ หลบหนีไปอยู่ในป่า ต่อจากนั้นอาชีพของข้าพเจ้าในขั้นแรก ก็เพียงลักเล็ก ขโมยน้อยเขากินไปเรื่อยๆ เมื่อเกิดความเคยชินในการประพฤติดังกล่าวนี้อยู่เสมอแล้ว ในที่สุดก็ หันเข้าชุมนุมพรรคพวกทำการปล้นสะดมอย่างอุกอาจ จนชื่อเสียงของข้าพเจ้าลือกระฉ่อนไปทั่ว เขตอำเภอต่างๆ ในจังหวัดปราจีนบุรี... เป็นอันว่า ข้าพเจ้าได้ดำเนินวิถีชีวิตเป็นโจรอย่างเต็มที่ แล้วเจ้าพนักงานได้ยกกำลังออกทำการปราบปราม แต่ธรรมดาโจรต้องมีไหวพริบในการหลบ หนีได้อาศัยป่าและภูเขาเป็นที่กำบังซ่อนเร้น ส่วนการทำอาหารนั้น ตกมาชั้นนี้ไม่เป็นของยาก เพราะเมื่อเข้าบ้านไหน ต้องการอะไรก็ได้ทั้งนั้นไม่มีการขัดข้องแต่ประการใดเลย โดยที่ชาว บ้านทั้งหลายเหล่านั้นมี ความกลัวตายด้วยกันทั้งสิ้น และถ้าหากผู้ใดขัดขืน หรือแสดงอาการ ว่า เป็นหูเป็นตาให้เจ้าหน้าที่แล้ว ก็ประหารชีวิตเสีย

ข้าพเจ้าได้ฆ่าคนในระยะนี้ ทั้งที่แสดงอาการขัดขืน และทั้งที่ทำการปล้นตรงๆ ประมาณ ๑๑ คน การฆ่าคนของข้าพเจ้าในสมัยนั้น เป็นการกระทำง่ายๆ และดูเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลย เพราะสถานที่เกิดเหตุแต่ละรายอยู่ห่างไกลกับตำรวจมาก กว่าตำรวจจะทราบเรื่องและยกกำลัง มา ข้าพเจ้าก็ไปเสียไหนๆแล้ว และกำลังตำรวจสมัยนั้นก็ต่างกับสมัยนี้มาก แต่อย่างไรก็ตาม ทางเจ้าหน้าที่ก็ได้พยายามสืบสวนติดตามข้าพเจ้าอยู่เสมอต่อมาข้าพเจ้าได้กลับมายังบ้านเดิม พอมาถึงก็ล้มป่วยลง เพราะถูกยาพิษ จึงได้หยุดพักรักษาตัวอยู่เป็นเวลาไม่นานนัก พอจวนจะ หายป่วย ก็พอดีเจ้าหน้าที่ได้เข้าทำการล้อมจับ ข้าพเจ้าตั้งใจสู้ตาย และเชื่อว่าจะต้องตายแน่ๆ ในระหว่างต่อสู้กันนั้น ข้าพเจ้าได้ยิงเจ้าหน้าที่ตาย ๑ คน ในที่สุดข้าพเจ้าก็สลบไป จึงถูกเจ้า หน้าที่จับได้ ได้นำตัวมารักษาที่เรือนจำ จังหวัดปราจีนบุรี

เมื่อข้าพเจ้าหายป่วยแล้ว ก็ได้ถูกนำตัวไปสอบสวน และส่งไปตามจังหวัดต่างๆ ในท้องที่เกิด เหตุและมีโจทก์ร้องเรียนกล่าวโทษข้าพเจ้าไว้ เพื่อดำเนินคดีต่อไป





จีรัง กรุ๊ป    

 ธรรมะไทย