วิปัสสนา

เรื่องที่ ๓ : คำสารภาพของเสือโฮม ( ๒ )
โดย : ห้องวิปัสสนาธรรมะไทย


บรรดาโจทก์ที่ร้องเรียนกล่าวโทษข้าพเจ้าไว้นั้นมีจำนวนมากมาย ในเวลานั้นศาลจังหวัด ปราจีนบุรีได้ตัดสินลงโทษข้าพเจ้าไปแล้ว ๑ คดี เป็นโทษ ๒๐ ปีบรรดาโจทก์ที่ร้องเรียนกล่าว โทษข้าพเจ้าไว้ ได้ถอนคดีของตนเสียเองก็หลายรายที่เจ้าพนักงานเห็นว่าหลักฐานไม่สมบูรณ์ สั่งไม่ฟ้องเสียก็มากที่เจ้าหน้าที่ฟ้องศาล แล้วศาลนี้ได้ประหารชีวิตข้าพเจ้าอีก ๑ คดี รวมเป็น โทษที่ข้าพเจ้าได้รับคำพิพากษาของศาลคือ ประหารชีวิต กับจำคุก ๒๐ ปี ในระหว่างนั้น เจ้า หน้าที่ได้ส่งตัวข้าพเจ้ามาอยู่ที่ห้องประหารเรือนจำกลางบางขวาง ส่วนคดีอื่นๆที่ยังไม่ได้ ดำเนินการ ก็ได้รออยู่ เมื่อคดีทั้ง ๒ นั้นถึงที่สุดแล้ว เจ้าหน้าที่จึงงดคดีอื่นๆเสีย ไม่ได้ดำเนิน การต่อไป เว้นแต่คดีที่ยังอยู่ในระหว่างพิจารณาของศาลเท่านั้น แต่ในระหว่างนั้น ประจวบกับ เวลานั้น พระบาทสมเด็จพระพุทธเจ้าหลวง พระปิยมหาราชเจ้า รัชกาลที่ ๕ ได้ทรงพระกรุณา โปรดเกล้าฯ ให้ลดโทษผู้ต้องพระราชอาญาอยู่ในเรือนจำต่างๆ คือโทษประหารชีวิต ให้ลด เหลือตลอดชีวิต โทษ ๒๐ ปี ให้ลดเหลือ ๑๖ ปี เป็นอันว่าข้าพเจ้าได้ลดโทษลง และได้ย้ายออก มาจากห้องประหาร

ต่อมาเจ้าพนักงานเรือนจำ ใช้ให้ข้าพเจ้าทำงานต่างๆ เช่นเดียวกับนักโทษอื่นๆข้าพเจ้าได้ พยายามขัดขืนและก่อความไม่สงบ ตามนิสัยสันดานของข้าพเจ้า จึงได้ถูกตีตรวนใหญ่ และ ถูกฟ้องเพิ่ม โทษอยู่เรื่อยๆรวมโทษที่ข้าพเจ้าได้รับเพิ่มขึ้นใน เรือนจำอีก ๘๔ ปี รวมเป็นโทษ นอกเรือนจำ เป็นตลอดชีวิต กับ ๑๐๐ ปี

ต่อมาข้าพเจ้าได้ฆ่าเพื่อนนักโทษในเรือนจำตายอีกคนหนึ่ง แต่คดีนี้ข้าพเจ้าได้เพื่อนนักโทษ ที่กำลังพ้นโทษผู้หนึ่งเป็นพยาน โดยหาว่าผู้ตายไล่แทงข้าพเจ้าก่อนข้าพเจ้าได้วิ่งหนี ต่อเมื่อ จนมุม หนีไม่พ้นแล้ว จึงได้แย่งมีดจากผู้ตาย แทงผู้ตาย ดังกล่าว.........เป็นอันว่าข้าพเจ้าพ้น คดี โดยไม่ต้องถูกเพิ่มโทษ สำหรับคดีนี้ จากนั้นข้าพเจ้าก็ถูกส่งไปแก้คดีที่จังหวัดนครราชสีมา จึงเป็นโอกาสให้ข้าพเจ้า รวบรวมเพื่อนนักโทษได้ ๑๘ คน ทำการแหกคุกในคืนวันหนึ่ง จับ พัสดีเรือนจำมัด และแทง.. แต่ไม่ตาย ไล่ผู้คุมซึ่งกำลังตกตะลึง ต่อเหตุการณ์เข้าไปขังในที่ ทำการชั้นบน ต่างคนได้ยึดเอาอาวุธในห้อง ทำงานที่มี ปืนยาวอยู่ ๑๖ กระบอก และปืนสั้นอีก ๑ กระบอกได้ช่วย กันหากุญแจไขตรวนเปิดประตูออกไป เมื่อความทราบถึงตำรวจป้อมที่รักษา การณ์อยู่ ได้ยิงป้องกัน แต่ไม่มีผู้ใดเป็นอันตราย ได้พากันหนีไปได้ ด้วยความปลอดภัยทุกคน

เมื่อออกมาสู่อิสรภาพแล้ว ข้าพเจ้าก็ได้ปรึกษากับเพื่อนร่วมตายว่า พวกเรายังไม่มีอาวุธครบ มือกัน ควรจะเข้าบุกโรงพักข้างเรือนจำนี้ เพื่อจะได้เอาอาวุธไปใช้ให้ ครบตัวกัน บรรดาพรรค พวกก็เห็นชอบด้วย ตอนเช้ามืดของวันที่แหกคุกนั้นเอง พวกเราก็ได้เข้าทำการบุกโรงพักตาม แผนการที่กำหนดไว้ จับหัวหน้าโรงพักได้ ข้าพเจ้าได้ยิงตำรวจตายอีกคนหนึ่ง เราได้เก็บอาวุธ และสิ่งของมีค่าที่พอจะเอา ไปได้ทั้งหมด การที่ข้าพเจ้าและพรรคพวกทำการได้สำเร็จโดย ง่ายดายก็เพราะ ตำรวจไม่ทันรู้ตัว พวกข้าพเจ้าจึงได้พากันหลบหนีไปด้วยความปลอดภัยอีก ครั้งหนึ่งสำหรับตัวข้าพเจ้าเองนั้น ทราบว่าทางการประกาศจับตาย

ต่อมาข้าพเจ้าพาพวกลงมาจากเขาใหญ่ ในเขตจังหวัดนครราชสีมา ตั้งใจจะมาปราบตำรวจ พวกนี้ แต่ได้ถูกเจ้าหน้าที่ล้อมจับ ได้ต่อสู้กันจนข้าพเจ้าสลบไป มารู้สึกตัวต่อเมื่อ เจ้าหน้าที่ ได้ควบคุมตัวไว้แน่นหนาแล้ว ส่วนลูกน้องข้าพเจ้าได้ทราบภายหลังว่าตายไปเสียหลายคน ที่ หลบหนีไปได้ก็มีบ้าง ข้าพเจ้าได้ถูกส่งตัวมาที่เรือนจำ และเจ้าหน้าที่ได้ทำการรักษาพยาบาล ข้าพเจ้าเป็นเวลานาน จึงหาย เมื่อหายป่วยแล้ว จึงได้ถูกดำเนินคดีต่อไป ในที่สุด ศาลจังหวัด นครราชสีมาได้ตัดสินจำคุก รวมโทษเพิ่มอีก ๕ ปี ๖ เดือน เจ้าหน้าที่ได้ส่งตัวข้าพเจ้ากลับมา อยู่ที่เรือนจำกลางบางขวางอีก ข้าพเจ้าได้ทอดอาลัยในชีวิต คงจะไม่มีโอกาสได้ออกมาเห็น โลกภายนอกอีกเป็นแน่แท้




จีรัง กรุ๊ป    

 ธรรมะไทย