ควรศึกษาว่า ผู้ใดที่เราควรเคารพนับถือ : หลวงปู่เหรียญ วรลาโภ

 จำปาพร  

พระอาจารย์เหรียญ วรลาโภ
วัดอรัญญบรรพต
อ.ศรีเชียงใหม่ จ.หนองคาย

...

ผู้สิ้นกิเลสแล้วท่านเคารพแต่ "พระพุทธเจ้า พระธรรม พระสงฆ์"
เท่านั้นแหละ..ไม่ไปเคารพอย่างอื่นนะ เป็นอย่างนั้น
ดังนั้นพุทธศาสนิกชนควรจะพากันพิจารณาให้ดี
เพราะทุกวันนี้ลัทธิต่างๆระบาดมากเหลือเกิน
จะเป็นใครก็ตามแหละที่พูดนี่นะว่าหากผู้นั้นละกิเลส
ให้หมดสิ้นไปแล้วนั้นเป็นบุคคลที่ควรเคารพนับถือจริงๆ
แต่ทีนี้มีหลักเกณฑ์อยู่ว่า ถ้าผู้นั้นละอาสวะกิเลส
หมดสิ้นไปแล้วจริงๆ ถ้าไม่บวชเป็นภิกษุสาวกของพระพุทธเจ้า
ก็ดับขันธ์เข้าสู่นิพพานเลย จะอยู่ในเพศคฤหัสถ์นั้นไม่ได้เลยอย่างนี้


ถ้าหากว่า ท่านผู้ชำระอาสวะกิเลสให้หมดสิ้นไปนั้นน่ะ
ท่านพิจารณาเห็นว่า อายุของท่านยังอยู่
เช่นนี้ท่านก็จะไปขอบวชกับพระศาสดาอย่างนี้
หรือขอบวชกับพระอรหันต์ที่ท่านฟังคำสอนแล้ว
ได้บรรลุมรรคผลธรรมวิเศษนั้น เมื่อท่านได้บวช
ทรงผ้ากาสาวพัสตร์แล้วก็จึงมีชีวิตอยู่ไปได้
นี่เป็น "คุณลักษณะของพระอรหันต์" ก็ต้องเข้าใจไว้

ไม่ใช่ว่าผู้สิ้นกิเลสแล้วยังเป็นคฤหัสถ์อยู่นุ่งดำห่มดำอยู่อย่างนี้
แล้วก็เที่ยวไปให้คนกราบคนไหว้บูชาว่าฉันเป็นพระอรหันต์
ไอ้อย่างนี้..ผิดจากหลักคำสอนพระพุทธเจ้าเลย

ชาวพุทธเราควรจะเรียนรู้ไว้อย่างนี้
พระสงฆ์สาวกของพระพุทธเจ้านั้น
เมื่อท่านปฏิบัติดีปฏิบัติชอบตามธรรมวินัยแล้วอย่างนี้
ท่านไม่ได้ทำให้ใครเดือดร้อนเลย ท่านไม่ได้ไปหลอกลวงใคร
ให้เสียเงินเสียทองอย่างนี้ อันลัทธิต่างๆเท่าที่ฟังมา
หรือผู้ใดจะเข้ารีตเขาต้องเสียเงินน่ะ อย่างนี้
ต้องคนละเท่านั้นเท่านี้ไปเลยอย่างนี้
เท่าที่ศึกษาสดับตรับฟังมา จึงจะเข้ารีตของเขาได้เป็นอย่างนั้น

สำหรับพระพุทธศาสนานี้ไม่เป็นอย่างนั้นนี่
ใครมีศรัทธาเลื่อมใสแล้ว ได้ดอกไม้ธูปเทียน
มาบูชาพระพรัตนตรัยแล้วก็มากล่าวคำปฏิญาณตน
ถึงพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ว่าเป็นที่พึ่งตลอดชีวิต
ต่อหน้าพระสงฆ์เสียอย่างนี้แล้วก็เป็นชาวพุทธไปเลย
ไม่ต้องเสียเงินเสียทองอะไรนะ อย่างนี้นะก็พากันเข้าใจไว้

ถ้าหากว่า พระสงฆ์เหล่าใดไปเรียกเอาเงินเอาทองกับทายกทายิกา
ผู้ไปแสดงตนเป็นอุบาสกอุบาสิกาอย่างนี้ก็นับว่าไม่สมควรเลย
ไม่ใช่พระสงฆ์ที่ปฏิบัติตรงตามคำสอนของพระพุทธเจ้าเลย
อย่างนี้แหละ ต้องเข้าใจไว้ เราผู้นับถือพระพุทธศาสนา
ต้องศึกษาให้เข้าใจว่า บุคคลใดเป็นบุคคลที่ควรกราบควรไหว้
ควรเคารพสักการะบูชาอย่างนี้เราต้องศึกษาให้เข้าใจโดยแจ่มแจ้ง
ไม่ใช่ว่าเราจะไปเชื่อตามแต่ข่าวลือเท่านั้นนะไม่ถูกต้อง

ข่าวลือนี่มันลือไปทั่วแหละ คนดีมันก็ลือไป คนชั่วมันก็ลือไป
ก็เพราะเหตุว่า มันแสวงหาเงินหาทองกันแบบนั้นคนบางพวกบางเหล่านะ
แล้วก็ยกคนใดคนหนึ่งเป็นผู้วิเศษ ก็เที่ยวโฆษณาลงไป อย่างนี้นะ
ให้คนหลั่งไหลไปหา แล้วก็มีพิธีแปลกๆอะไร
อืมนั่นแหละคนเราย่อมมีเคราะห์มีเข็ญ
ต้องสะเดาะเคราะห์อย่างนั้นแล้วก็จะอยู่สุขสบายดี
ก็เชื่อไปเสียเงินเสียทองให้เขาไป

อันหมู่นี้ชาวพุทธเราควรจะรู้ไว้
ควรเรียนรู้ว่า พระพุทธเจ้าไม่ได้ทรงสอน
ไม่ได้ทรงแนะนำสั่งสอนให้ไปนับถือลัทธิประเพณีอะไร
ต่างๆในโลกนี้สารพัด มีร้อยแปดพันอย่าง

พระพุทธเจ้าทรงสอนว่าและทรงถามนะ
ทรงถามคนบางพวกแต่ครั้งนั้นน่ะ

“พวกท่านทั้งหลายจะสำคัญว่ายังไงน่ะ
เมื่อบุคคลมีความโลภความโกรธความหลงแล้ว
สามารถฆ่าสัตว์ลักทรัพย์ ประพฤติผิดในกาม
กล่าวมุสาวาท ดื่มสุราเมรัย กัญชา ยาฝิ่น เฮโรอีนได้ไหม”

อย่างนี้นะ ไอ้คนเหล่านั้นก็ตอบพระองค์ว่า

“เมื่อบุคคลใดมีความโลภเป็นต้นแล้ว
สามารถมีการทำบาปฆ่าสัตว์ เป็นต้นได้พระเจ้าข้า”

อย่างนี้ นั่นล่ะ

“ เมื่อบุคคลใดไม่โลภไม่โกรธไม่หลงแล้ว
เขาสามารถที่จะเว้นจากฆ่าสัตว์ เป็นต้นนั้นได้ไหม”

“ได้พระเจ้าข้า” นั่นแหละ

“เออนี่แหละ..ท่านทั้งหลายจงเข้าใจไว้
ศาสดาใด ครูใด สอนให้ละความโลภด้วยการบริจาคทาน
ให้ละความโกรธด้วยการรักษาศีลให้มั่นคง
ให้ละความหลงด้วยการภาวนาสมาธิ อย่างนี้แล้ว
กิเลสบาปอธรรมนั้นมันจะน้อยเบาบางออกไปจากจิตใจ
เมื่อศาสดาใด ครูใด สอนอย่างนี้นับว่าถูกทางแล้ว
ท่านทั้งหลายจงนับถือท่านผู้นั้นเป็นครูเป็นอาจารย์”

อย่างนี้ เมื่อพระองค์เจ้าทรงแสดงธรรม
แนะนำสั่งสอนอย่างนั้นนะ พวกกาลามชนในหมู่บ้าน
ที่พระองค์ไปพักนั้น ก็พร้อมใจกันปฏิญาณตน
ถึง "คุณพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์" เป็นที่พึ่งตลอดชีวิตเลย

...

ส่วนหนึ่งจากพระธรรมเทศนาหัวข้อ
"ความประเสริฐสุดของพระพุทธศาสนา"

5,573







จีรัง กรุ๊ป    

 ธรรมะไทย