"มันยังไม่พอกิน" (หลวงปู่เจี๊ยะ จุนโท)

 วิริยะ12  

.
 "มันยังไม่พอกิน"

" .. ตอนนั้นมีพระอยู่รูปหนึ่ง "นั่งภาวนาเกิดความสงบมาก ๆ อัศจรรย์มหัศจรรย์ภายในจิต ใครจะไปใครจะมารู้ล่วงหน้าหมด ถึงขั้นไปอวดใส่พระอาจารย์เจี๊ยะเลย เพราะจิตมันสงบมากก็อาจหาญ ไม่กลัวท่าน" เดินดุ่ม ๆ เข้าไปกราบเรียนท่านว่า ..

"ท่านอาจารย์พรุ่งนี้จะมีรถคันหนึ่งวิ่งเข้ามาที่วัด มันคันใหญ่ ๆ คล้าย ๆ รถไฟ ท่อต่ออยู่ข้างบนหลังคา คอยรอพิสูจน์ดูว่าพรุ่งนี้จะมีมาจริงหรือไม่ เหมือนในนิมิตภาวนา"

พอถึงรุ่งเช้าวันใหม่ "ก็มีรถยีเอ็มซีคันใหญ่ ๆ มีปล่องท่อไอเสียอยู่ข้างบน วิ่งเข้ามาพระก็มาดูกันใหญ่" พระรูปนั้นก็กราบเรียนพระอาจารย้เจี๊ยะว่า

นี่ไง ๆ สิ่งที่ผมเห็นในนิมิตที่เล่าให้ฟังเมื่อวานนี้ ที่ท่านอาจารย์ว่า "นั่งสมาธิจิตสงบเป็น อัปปนาสมาธิไม่พอกินได้อย่างไร" ใครจะตายก็รู้ ใครจะไปจะมาก็รู้ มันวิเศษขนาดนี้จะไม่พอกินได้ อย่างไรกันครับ

พระอาจารย์เจี๊ยะก็ดุว่าด้วยเสียงดัง ๆ แบบตวาด ๆ ใกล้ไปทางตะโกนแต่ไม่ใช่ตะโกน ..

เฮ้ย! .. ปฏิบัติอย่างนี้มันไม่พอกิน มันไม่พอแดก ประสารถ "ไม่ต้องนั่งภาวนาให้เสียเวลาก็ เห็นได้ชัดกว่านั่งภาวนาดูอีก" เนี่ย! กูก็ยังเห็นอยู่เนี่ย มันจะวิเศษอะไร ประสาเห็นรถ

พระรูปนั้นก็ไม่ยอมลงใจในสิ่งที่ท่านสอนว่า "ไม่พอกิน ไม่พอแดก ในการปฏิบัติแบบนี้" เพราะเธอเกิดความอัศจรรย์ในสมาธิมากหลาย จึงคัดค้านอยู่ในใจในสิ่งที่ท่านสอน "เอ๊ะ!... อาจารย์ของเรานี้เป็นอย่างไร?"

สักพักหนึ่งจึงไดโต้ตอบท้าทายพระอาจารย์เจี๊ยะว่า "ท่านอาจารย์... เดี๋ยว วันพรุ่งนี้จะมีรถข้างหน้าสีขาว ๆ ส่วนด้านข้างเป็นอีกสึหนึ่ง ดู ๆ ไม่ค่อยเหมือน รถแต่มันก็เป็นรถ"

พอรุ่งเช้ามา "ก็มีรถที่ยังโปัวสีไม่เสร็จ ลักษณะอย่างที่ว่า วิ่งตะบึงเข้ามา" จริง ๆ พระทั้งหลายก็ขึ้!ปที่รถว่า "นั่นไง ๆ มาแล้ว แน่จริง ๆ วาระจิตนี้" สมัยก่อนวัดญาณฯ อยู่กลางทุ่ง นาน ๆ จะมีรถมาคันหนึ่ง การที่จะสุ่มเดาทายเอาจึงไม่ใช่เรื่องง่าย ๆ

พระรูปนั้นก็กราบเรียนพระอาจารย์เจี๊ยะขึ้นอีกว่า เอ!...ท่าน อาจารย์ ครับมันอัศจรรย์มาก "เรื่องการที่จิตออกไปรับรู้ ท่านอาจารย์ก็ไม่เคยสอนเลย อันนี้จิตผมไปรู้เองท่านอาจารย์จะว่าไม่พอกินได้อย่างไรครับ"

เฮ้ย! ..มันยังไม่พอกิน เฮ้ย! .. มันยังไม่พอแดกพอยาไส้ สำหรับผู้ปฏิบัติเพื่อจะไปสู่พระนิพพาน ที่เธอว่าจิตเธอมหัศจรรย์ทางด้านสมาธิเหลือหลายนั้น "ให้เธอลองทางด้านปัญญาบ้างว่า จะมหัศจรรย์แค่ไหน สมาธิเป็นเพียงเครื่องกั้นกิเลส แต่ปัญญาเป็นเครื่องทำลายเขื่อนคือกิเลสนั้นให้พังทลาย" จะมหัศจรรย์แบบตาแจ้ง ๆ แบบท่านเดินไปไหนเห็นได้เลย

ไม่ต้องมานั่งเข้าสมาธงสมาธิ มหัศจรรย์ตาแจ้ง ๆ ทั้ง ๆ ที่คนอยู่เยอะ ๆ หรือคนน้อย ๆ ทั้งที่กิริยาท่าทางคุยกันได้ เดินคุยไปกันได้อย่างนี้ หรืออย่างที่ผมคุยกับท่านอยู่เวลานี้ "ให้ท่านลองพิจารณาทางด้านปัญญาบ้าง ไอ้อันที่ท่านทำอยู่นี่ทิ้งไปเลย" .. ไม่พอแดก .. สำหรับภาษาธรรมของ ผมนะ .. "

"หลวงปู่เจี๊ยะ จุนโท"
พระผู้ดั่งเป็นผ้าขี้ริ้วห่อทอง
 

5,609







จีรัง กรุ๊ป    

 ธรรมะไทย