เชิญชวนร่วมปฏิบัติธรรมชำระใจเนื่องในวันวิสาขะบูชา 23 - 31 พฤษภาคม 2556 ณ ศูนย์วิปัสสนากรรมฐานพระธาตุห้วยบอนเก่า
ตารางอบรมวิปัสสนาภาวนาหลักสูตร 7 วัน
วันที่ 23 พค. 56 13.00 16.30 น. รายงานตัว ลงทะเบียนเข้ารับการอบรม เข้าที่พัก
18.00 21.00 น. ปฐมนิเทศ ความรู้เรื่องการภาวนา ฝึกวิธีภาวนาใน 4 อิริยาบท
21.00 น. พักผ่อน
วันที่ 24 ถึงวันที่ 30 พค. 56 (รวมเวลาปฏิบัติจริงเท่ากับ 7 วันเ ต็ม)
04.00 น .ตื่นนอน ทำกิจวัตรส่วนตัว (ระฆังปลุก)
ปฏิบัติภาวนา
06.00 น. เดินจงกรมหมู่
06.30 น. ร่วมกันทำความสะอาดศาลาปฏิบัติธรรม หอฉัน บริเวณ และอาคารที่พัก
07.00 น. รับประทานอาหารเช้า(ระฆัง)
08.00 ฟังธรรมเทศนา (ระฆัง)
09.00 ปฏิบัติภาวนา
11.00 น. รับประทานอาหารกลางวัน ทำกิจส่วนตัวแล้วเดินจงกรมเดี่ยว
12.30 น. 3 วันแรก ฟังบรรยายสรุปธรรม วันที่ 4 7 ปฏิบัติภาวนา (ระฆัง)
14.00 น. ปฏิบัติภาวนา
16.00 น. น้ำปานะ พักผ่อน อาบน้ำ ทำกิจส่วนตัว (สอบอารมณ์)
18.00 น. ปฏิบัติภาวนา (สอบอารมณ์) (ระฆัง)
ฟังสรุปและคำแนะนำเพิ่มเติมประจำวัน
21.00 น. พักผ่อน
วันที่ 31 พค.56 (วันปิดอบรม)
04.00 น. ตื่นนอน ทำกิจวัตรส่วนตัว ปฏิบัติภาวนา ฟังปัจฉิมนิเทศ (ระฆังปลุก)
06.00 น. พิธีปิดการอบรม
คุณสมบัติและข้อปฏิบัติสำหรับผู้เข้ารับการอบรม
1.อายุไม่ต่ำกว่า 15 ปี ไม่จำกัดเพศ ชาย หญิง หรือนักบวช ไม่จำกัดศาสนา
2.ไม่อยู่ในระหว่างการเจ็บป่วย หรือเป็นโรคที่สังคมรังเกียจ
3.ไม่สูบบุหรี่ ไม่เคี้ยวหมาก ไม่เสพย์สิ่งเสพย์ติด หรือสามารถงดบุหรี่และการเคี้ยวหมากได้ตลอด ระยะเวลาการอบรม
4.ไม่นำเครื่องประดับหรือสิ่งของมีค่ามากติดตัวมาด้วย
5.งดการฟังวิทยุหรือเครื่องเสียงต่างๆ โทรศัพท์มือถือให้ฝากไว้กับกรรมการจัดการอบรมโดยจะคืนให้หลังปิดการอบรม
6.เครื่องแต่งกายระหว่างการอบรม ให้เป็นชุดที่สุภาพ หลวมๆ นุ่งห่มสบาย สีไม่ฉูดฉาด โดยไม่จำเป็นต้องเป็นชุดขาวก็ได้
7.ยินดีและยอมรับปฏิบัติตามระเบียบและข้อบังคับของการอบรม
8.สำรวมอินทรีย์ สำรวม กาย วาจา ใจ ปิดวาจา ตลอดระยะเวลาการอบรม จะสนทนาแต่เฉพาะกับอาจารย์ผู้สอนในเรื่องข้อธรรมหรือกับ ธรรมบริกรในความจำเป็นเร่งด่วนเท่านั้น
9.งดการจุดธูปเทียน งดการสวดมนต์ไหว้พระในช่วงเวลาระหว่างการอบรม ให้ทำปฏิบัติบูชาแทน
10.รักษาศีล 8 อาหาร จะจัดอาหารมังสะวิรัติให้วันละ 2 มื้อ เช้า กลางวัน ตอนบ่ายมีน้ำปานะ
# 1 / เนินฆ้อ / 3 พ.ค. 2556 เวลา 12:15 น.
เหตุผลประการสำคัญอย่างหนึ่งที่เจ้าชายสิทธัตถะทรงบรรลุธรรมเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าในวันวิสาขะบูชาคือ........อุตุสัปปายะ........อันหมายถึงอุณหภูมิของอากาศ บรรยากาศ แวดล้อมที่เหมาะสม......ทำไมถึงกล่าวเช่นนั้น?
ที่กล่าวเช่นนั้นก็เ พราะว่า ช่วงเวลาตั้งแต่กลางเดือนถึงปลายเดือนพฤษภาคม จะเป็นช่วงของเวลาต้นฤดูฝน ฝนได้ตกลงมาสร้างความชุ่มฉ่ำให้แก่แผ่นดินบนผิวโลก เหล่าตฤนชาติ พฤกษาชาติ ต้นไม้ใบหญ้าต่างๆ กำลังผลิดอกออกใบใหม่ เขียวขจี ป่ากลับมาสู่ความชุ่มชื้น ร่มเย็น อากาศสดชื่่น รื่นรมย์ ทั่วแผ่นดินและผืนป่าเต็มไปด้วยผลาหาร มังสาหารต่างๆ ให้มนุษย์และสัตว์โลกทั้งหลายได้บริโภคอย่างอิ่มหนำสำราญหลังจากความอดหยากแห้งแล้งของฤดูแล้งในหน้าหนาวและหน้าร้อนผ่านพ้นไป
เป็นโอกาสอันดียิ่งสำหรับการบำเพ็ญเพียรทางจิตเพื่อบรรลุอมตะธรรม
ที่พระธาตุห้วยบอนก็เช่นกัน ถึงแม้จะเป็นสำนักปฏิบัติธรรมเล็กๆ แต่บรรยากาศแวดล้อมในช่วงเดือนพฤษภาคมก็สดชื่น รื่นรมมย์ เย็นสบาย ไม่ร้อน ไม่หนาวจนเกินไป เหมาะแก่การบำเพ็ญเพียรภาวนายิ่งนัก...ที่นั่นนอกจาก อุตุ จะสัปปายะแล้ว....บุคคล...ธัมมะ...
อาหาร...และสัปปาายะอื่นๆก็พร้อมมูล ผู้คนที่จะมาร่วมปฏิบัติก็ไม่มากจนเกินไป อาจารย์ผู้สอนสามารถสอบอารมณ์ ติดตามดูแลการปฏิบัติของโยคีผู้ปฏิบัติธรรมทุกคนได้อย่างใกล้ชิดและทั่วถึง โยคีผู้ปฏิบัติธรรมมีปัญหาข้อสงสัยในการปฏิบัติภาวนา ก็สามารถถามปัญหา สนทนาธรรมและรับฟังคำตอบคำชี้แนะได้อย่างเต็มที่ .......
โอกาสที่จะได้ทำความลึกซึ้งเข้าถึงธรรม เกิดดวงตาเห็นธรรมก็มีค่อนข้างสูง....จึงเป็นสิ่งที่น่าสนใจสำหรับทุกๆท่านที่ปารถนาความก้าวหน้าและความหลุดพ้นให้ทันในปัจจุบันชาตินี้ ที่จะไปลองสัมผัสรับการฝึกหัดอบรมวิปัสสนาภาวนา และปฏิบัติธรรมเป็นพุทธบูชาโดยอาศัยช่วงเวลาวันวิสาขะบูชาปุณมีดิถีอันวิเศษ และมีวันหยุดยาวติดต่อกัน 3 วัน บวกกับ เวลาลาพักร้อน หรือจะใช้เทคนิคสับเปลี่ยนแลกเวรกัน เพื่อทำให้สามารถเข้ารับการอบรมปฏิบัติธรรมได้จนครบ 7 วันก็ยิ่งจะมีผลมาก มีอานิสงมาก เพื่อจะมาพัฒนาชีวิตจิตใจของตนให้เข้าถึงธรรมะที่แท้จริงตามคำสอนอันฤูกต้องของพระบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้า ด้วยการลงมือปฏิบัติวิปัสสนาภาวนาด้วยตนเองจริงๆ จังๆ ต่อเนื่องกันนนานจนพอที่จะได้สัมผัสธรรมสัมผัสความจริง พิสูจน์ธรรมที่เคยเรียนรู้มาแต่ภาคทฤษฎี
# 2 / เนินฆ้อ / 3 พ.ค. 2556 เวลา 13:04 น.
การเดินทางจากกรุงเทพหรือที่ต่างๆไปสู่ศูนย์วิปัสสนากรรมฐานพระธาตุห้วยบอนเก่า หากจะขับรถไปเองให้ตรวจสอบเส้นทางจาก Google Map โดยลองไปเปิดดูภาพแผนที่ตามลิงค์และรายละเอียดในกระทู้ที่แนบมานี้
http://www.dhammathai.org/meditationguide/dbview.php?No=314
ท่านสามารถจะจะเข้า Street View ดูทางโดยละเอียดก็ได้เพราะทาง Google ได้ไปทำการถ่ายภาพให้เห็นจนถึงป้ายทางขึ้นวัดเลยทีเดียว
การเดินทางโดยขนส่งมวลชน
จะมีรถโดยสารปรับอากาศชั้น 1 และชั้น 2 ของบริษัทนิววิริยะยานยนต์ทัวร์ และของรถ999 ของบริษัทขนส่งวิ่งไปกลับกรุงเทพ เชียงใหม่ ฝาง ท่าตอน เป็นประจำทุกวัน ออกจากขนส่งหมอชิต 2 ตั้งแต่07.00 น. 16.30 น. 17.45 น. 19.00 น. 19.45 น..20.00 น. 21.00 น.
ควรไปรถตั้งแต่ 19.00 น. จะถึงอ.ฝาง ตอนสายประมาณ 7 - 8 โมงเช้า ซึ่งสะดวกในการเดินทางต่อขึ้นวัดซึ่งจะมีรถมอเตอร์ไซดรับจ้าง รับส่ง คิดค่ารถประมาณ 50 บาท
หรือจะโทรบอกทางวัดให้ส่งรถมารับก็ได้
เบอร์โทรติดต่อจองตั๋วหรือถามรายละเอียดของบริษัทนิววิริยะยานยนต์ทัวร์
หมอชิต 2 02-9362205 - 7 .......สามย่าน โทร 02-2343362
# 3 / เนินฆ้อ / 3 พ.ค. 2556 เวลา 13:35 น.
สรุปคำเรื่องที่อบรมบนรูปภาพแผ่นเดียว ถ้าดูและพิจารณาแล้วเข้าใจโดยตลอดก็เรียนจบหลักสูตร
# 4 / เนินฆ้อ / 6 พ.ค. 2556 เวลา 14:13 น.
ภาพที่เห็นชัดขึ้น
# 5 / เนินฆ้อ / 6 พ.ค. 2556 เวลา 14:15 น.
ภาพแสดงคำสอนที่ชี้ตรงกับงานที่ผู้รับการอบรมจะต้องปฏิบัติทุกวันตลอดเวลาของการอบรม......จนสามารถนำมาปฏิบัติไดในชีวิตประจำวัน
# 6 / เนินฆ้อ / 6 พ.ค. 2556 เวลา 14:17 น.
สิ่งที่ผู้รับการอบรมจะต้องท่องจำให้ได้จนขึ้นใจ
งานและหน้าที่ของชาวพุทธ
สำรวมกายใจมานิ่งรู้ นิ่งสังเกต
ปัจจุบันอารมณ์ จนละความเห็นผิดว่า
กาย ใจ นี้ เป็นอัตตาตัวกู ของกู
พอกพูนความเห็นถูกต้อง ว่ากาย ใจ นี้
เป็นอนัตตา บังคับบัญชาไม่ได้ ไม่ใช่ตัวกู ของกู
ทุกวัน เวลา นาที วินาที
ที่ระลึกได้และมีโอกาส
หัวใจวิปัสสนาภาวนา
ใจปัญญาอย่ายอมใจเป็นกู นิ่งดู นิ่งสังเกต พิจารณา
ด้วยวิริยะ อุตสาหะ ตบะ ขันติ
มิยอมถอย ถ้าสู้ได้ ทนได้ ไม่ตะบอย
กู จะถอยหรือตายดับ ไปจากใจ
# 7 / เนินฆ้อ / 6 พ.ค. 2556 เวลา 14:21 น.
กลอนและร่ายสรุปคำสอน
โฉลกธรรม
เพราะไม่รู้ จึงอยู่เช่น วัวควาย
กิน ขี้ สี่ นอน ไป เท่านี้
โกรธ โลภ หลง เต็มกาย ทั่วถ้วน
วนว่ายวัฏฏ์สุดลี้ ตราบชั่ว กัปกัลป์
จนกุศลส่งได้ เป็นคน
พบพุทธธรรมช่วยดล จิตให้
พลิกรู้สัจจ์ในตน จบแจ้ง
จึ่งจักอาจพ้นได้ ข่ายทุกข์ สงสาร
จงดูอริยสัจจ ๔ พิจร์ณให้ดีอย่าข้าม เพียรสอบถามผู้รู้ ทางออกสู่เสรี มีอยู่แล้วในตน อย่าวกวนบัญญัติ อย่าผูกมัดสิ่งใด จงเป็นไทยทุกเมื่อ เชื่อคำพระชินวร คำสอนท่านสุดง่าย เฝ้ารู้กายและจิต อย่างพินิจ พิจารณา ณ เพลาปัจจุ จักรู้ลุทั่วตัว ความเมามัวจักหาย หลักใหญ่คืออัตตา อย่าให้มาเข้าร่วม ทิ้งความเห็นเป็นตน กมลมั่นกับธรรม ที่เกิดตามยถา ซึ่งบัญชาไม่ได้ ไร้ศัพท์ใดบัญญัติ จึ่งจักอาจเห็นจริง ตัดทิ้งซึ่งตัวข้า โคนเหง้าแห่งอวิชชา ขาดสิ้น สู่มรรค ผล นิพพาน
# 8 / เนินฆ้อ / 6 พ.ค. 2556 เวลา 14:24 น.