@ ... วิปัสสนูปกิเลส !

 นิวพุดเดิล   9 ก.ย. 2553

วิปัสสนูปกิเลส
ตอนที่ ๑
“ติดสุข”
….
@ เกิด”โอภาส”รุนแรงเป็นแสงจ้า
สว่างตาสว่างใจไปทั้งห้อง
ผลแห่งการ ภาวนา ช่างน่ามอง
ดุจแสงทอง ส่องทาง สว่างเกิน

@ เมื่อเห็นทาง สว่างไสว ก็ใจสุข
คิดว่าใช่ แล้วพ้นทุกข์ สุขสรรเสริญ
บุญบารมี เราเกิด ประเสริฐเกิน
จึงเพลิดเพลิน ติดสุข สนุกสบาย

@ เราบรรลุ ธรรมแล้ว อย่างแน่วแน่
มิผันแปร แน่ยิ่ง สิ่งทั้งหลาย
สุขกับแสง แห่งธรรม เจิดกำจาย
แท้..งมงาย อย่างโง่ โธ่เอ๋ยคน

ตอน ๒
“ญาณ”
@ เกิดปัญญา ปราดเปรียว เฉลียวฉลาด
จนสามารถ แยกรูป-นาม ความสับสน
ได้แคล่วคล่อง ว่องไว ไม่วกวน
จึงสำคัญ ว่าตน คนมีญาณ

@ ญาณคือรู้ รูป-นาม ตามกำหนด
รู้ได้หมด ชัดเจน เป็นมาตรฐาน
รูปคือรูป มองเห็น เป็นรูปงาน
ส่วนนามต้อง มองผ่าน ด้วยญาณตน

@ ญาณหยั่งรู้ ทุกแห่ง รู้แจ้งยิ่ง
รู้ทุกสิ่ง ทันใจ ไม่สับสน
รู้ทั้งนอก ทั้งใน ไม่กังวล
มั่นใจจน คิดว่า ข้ารู้จริง

@ นี้แหละคือ ผลทำ กรรมฐาน
จึงมีญาณ รู้กิเลส วิเศษยิ่ง
สำคัญตน รู้กระจ่าง กล้าอ้างอิง
นี่ก็สิ่ง ที่จิต ติดงอมแงม

ตอน ๓
“ปิติ”
@ เกิดรู้สึก สุขสบาย กายเบาหวิว
เฉื่อยลมฉิว เย็นสบาย ผิวกายแจ่ม
ปิติสุข ซาบซ่า เข้ามาแจม
ยิ้มแอร่ม แจ่มบรรเจิด เพริดพริ้มเพรา

@ ไม่เคยพบ แผ้วพาน ในกาลก่อน
สุขแน่นอน อิ่มใจ ไม่มีเศร้า
สุขยิ้มกริ่ม อิ่มใจกาย สบายเบา
พบแล้วเรา สุขแท้ และแน่นอน

@ นี่ก็คือ กิเลส เหตุให้หลง
ทระนง องอาจ คาดไว้ก่อน
สำคัญผิด อย่างไม่ ได้สังวร
ทุกข์เดือดร้อน ย้อนหลัง ทุกครั้งไป

ตอน ๔
“ปัสสัทธิ”

@ สงบกาย สงบใจ ให้เย็นเยือก
หายใจเฮือก เย็นฉ่ำปอด ยอดไฉน
ไม่กระด้าง อบอุ่น ละมุนละไม
เวทนาไม่ มีทุกข์ สุขเต็มเต็ม

@ เป็นความสุข สงบ เพิ่งพบเห็น
สุขเยือกเย็น ด้วยธรรมะ อันเกษม
หลงเคลิบเคลิ้ม ยินดี ด้วยปรีย์เปรม
จนอิ่มเอม ติดสุข ทุกคืนวัน........พุดเดิล

(และตอนต่อ ๆ ไป)
   





วิปัสสนูปกิเลสที่ว่ามา
พุทธศาสนา ไม่ได้มี.ที่กล่าวนั้น
ธรรมทั้งสิบเป็นกุศลเกิดร่วมกัน
ในจิตอันเป็นกุศลโลกุตตรฌาน

ที่รู้มากล่าวมาท่านรู้ผิด
เข้าใจผิดบิดเบือนขอเตือนท่าน
เป็นยาพิษแห่งธรรมนำเป็นทาน
โปรดทำการศึกษามาให้ดี

ธรรมทั้งสิบเกิดเมื่อจิตบรรลุฌาน
จิตทุกท่านมีองค์ธรรมทั้งสิบนี้
เกิดร่วมพร้อมกุศลอื่นประดามี
ขออภัยที่กล่าวค้านการแสดงธรรม.




คำว่า " วิปัสสนูปกิเลส " ไม่ใช่คำสอนของพระพุทธเจ้า ไม่มีปรากฏในพระไตรปิฎก
แต่เป็นคำสอนผิด ๆ ของพระพม่าและพระไทยสายยุบหนอพองหนอ


องค์ธรรมทั้ง 10 ประการ เป็นองค์ธรรมที่เป็นกุศลเกิดร่วมเกิดพร้อมในกุศลจิต และกุศลวิบากจิตทั้หลายเป็นปกติอยู่แล้ว

กามาวจรกุศลจิต กามาวจรวิบากจิตก็มีองค์ธรรมที่เป็นกุศล 10 ประการนี้เกิดขึ้น
รูปาวจรกุศลจิต รูปาวจรวิบากจิตก็มีองค์ธรรมที่เป็นกุศล 10 ประการนี้เกิดขึ้น
อรูปาวจรกุศลจิต อรูปาวจรวิบากจิตก็มีองค์ธรรมที่เป็นกุศล 10 ประการนี้เกิดขึ้น
โสดาปัตติมัคคจิต โสดาปัตติผลจิตก็มีองค์ธรรมที่เป็นกุศล 10 ประการนี้เกิดขึ้น
สกทาคามีมัคคจิต สกทาคามีผลจิตก็มีองค์ธรรมที่เป็นกุศล 10 ประการนี้เกิดขึ้น
อนาคามีมัคคจิต อนาคามีผลจิตก็มีองค์ธรรมที่เป็นกุศล 10 ประการนี้เกิดขึ้น
อรหัตตมัคคจิต อรหัตตผลจิตก็มีองค์ธรรมที่เป็นกุศล 10 ประการนี้เกิดขึ้น


กระทู้นี้จึงเป็นการรู้ผิดเข้าใจผิด และเป็นการนำเสนอสิ่งผิด ๆ แก่ท่านผู้อ่านเจ้าค่ะ


เจริญในธรรมเจ้าค่ะ.

RELATED STORIES



จีรัง กรุ๊ป    

 ธรรมะไทย