พระพุทธคุณ : ท่านพ่อลี ธัมมธโร

 จำปาพร  

 พระอาจารย์ลี ธัมมธโร
วัดอโศการาม
อ.เมือง จ.สมุทรปราการ

แสดงพระธรรมเทศนาเนื่องในวันมาฆบูชา (ภาคค่ำ)
วันที่ ๗ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๔๙๗
ณ วัดป่าคลองกุ้ง อ.เมือง จ.จันทบุรี


...

ท่านแสดงโดยย่อว่าดังนี้

๑.) "อิติปิโส ภควา" พระองค์มีความดีเท่าใด ไม่เคยหวงไว้
ทรงแจก ทรงชี้แจงแนะนำให้คนอื่นรู้ตาม ปฏิบัติตามด้วย

๒.) "อรหํ" พระองค์เป็น "ผู้ไกลจากกิเลส"
ทาง "กาย" ของพระองค์ก็บริสุทธิ์ เพราะธาตุ ขันธ์ อายตนะของพระองค์
ที่ได้ทรงเพ่งเล็งมาแล้วอย่างยิ่งก็ได้สะอาดบริสุทธิ์หมดสิ้น
คือ เมื่อพระองค์ได้ทรงเพ่ง "กายคตาสติ"
มีผม ขน เล็บ ฟัน หนัง ฯลฯ อาการ ๓๒ เหล่านี้อันใด เมื่อนั้นสิ่งนั้น
ก็เป็นสิ่งบริสุทธิ์หมดจด และ "พระหฤทัย" ของพระองค์
ก็ไม่ให้มีโลภ โกรธ หลง ไม่มีความเศร้าหมอง

๓.) "สมฺมาสมฺพุทฺโธ" พระองค์ตรัสรู้เองโดยไม่มีใครมาสอนให้ทำ หรือบังคับให้ทำ

๔.) "วิชฺชา" พระองค์ทรงพระปรีชา ฉลาดยิ่งกว่าใครๆ คือ มีวิชชา ๓ วิชา ๘ ได้แก่

- ปุพฺเพนิวาสานุสฺสติญาณ ระลึกชาติอดีตได้

- จุตูปปาตญาณ รู้ความตายของมนุษย์และสัตว์ทั้งหลายที่ทำกรรมอันใดไว้
จึงได้มาเกิดเป็นอย่างนั้นอย่างนี้ และตายแล้วจะไปไหนอีก

- อาสวกฺขยญาณ พระองค์ทรงรู้จักวิธีกำจัดกิเลสให้สิ้นไปจากพระสันดานของพระองค์

- ทิพฺยจักขุ ไม่ว่าใกล้หรือไกล แม้เปลือกตาหนาตั้ง ๘ ฟุตพระองค์ก็ทรงสามารถมองเห็นอะไรๆได้
ในเมื่อพระองค์ต้องการจะเห็น

- ทิพฺพโสต ใครจะพูดกันที่ไหนว่าอะไรพระองค์ก็ทรงสามารถจะได้ยินทั้งหมด
ถ้าพระองค์ทรงต้องการจะฟังเมื่อใดก็ได้ฟัง ถ้าไม่ต้องการฟังก็ไม่ฟัง
เหมือนวิทยุที่เราอยากจะฟังเมื่อใดก็เปิดเครื่องรับได้เมื่อนั้น

-อิทฺธิวิธิ พระองค์ทรงสามารถแสดงฤทธิ์ดำดิน เหาะเหินเดินอากาศได้
บุกป่าก็ไม่ถูกหนาม บุกน้ำก็ไม่เปียกกาย

- เจโตปริยญาณ กำหนดรู้วาระน้ำจิตของบุคคลอื่นได้

- มโนมยิทฺธิ พระองค์ทรงใช้อำนาจจิต บังคับคนให้เป็นไปตามความประสงค์
เช่น พระองค์นึกถึงใครก็อธิษฐานจิตให้คนนั้นแลเห็นพระรูปกายของพระองค์
ไปปรากฏอยู่เฉพาะหน้า ทำให้คนๆนั้นเห็นอำนาจของพระองค์
จนเกรงกลัวหรือทำให้เขาเชื่อมั่นในพระองค์จนคลายจากการกระทำชั่วก็ได้
เหล่านี้เรียกว่า "วิปสฺสนาญาณ"

๕.) "จรณสมฺปนฺโน" พระองค์ทรงดำเนินอยู่ด้วยการประพฤติปฏิบัติ
ในศีล สมาธิ ปัญญา มิได้ทรงละแม้จะสำเร็จเป็น "พระสัมมาสัมพุทธเจ้า"แล้ว
พระองค์ก็ยังทรงดำเนินด้วยกาย วาจา ใจ ดีอยู่ ศีลก็ยังทรงทำ
สมาธิก็ยังทรงเจริญ ปัญญาก็ยังทรงใช้พิจารณาในกองสังขารอยู่เสมอ


๖.) "สุคโต" พระองค์เสด็จไปไหนก็มีคนรัก ถวายความต้อนรับเป็นอันดี
จะมาก็ดี อยู่ก็ดี ไม่มีคนเกลียดชังพระองค์

๗.) "โลกวิทู" พระองค์ทรงรู้แจ้งตลอดทั้งโลก มนุษย์ เทวดาและพร้อม

๘.) "อนุตฺตโร ปุริสทมฺสารถิ"
พระองค์ทรงเป็นบุรุษผู้ฝึกหัดทรมานบุคคลเลิศยิ่ง
ไม่มีผู้ใดสู้ คือ ทรงเป็นนายสารถีที่ขับคนให้เดินตรงทาง ไม่คดเคี้ยว
ให้เข้าสู่ศีล สมาธิ ปัญญา


๙.) "สตฺถา เทวมนุสฺสานํ"
พระองค์ทรงเป็นครูสั่งสอนเทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย
คือ สอนมนุษย์ให้เป็น"เทวดา" สอนเทวดาให้เป็น"พรหม"
สอนพรหมให้เป็น"อริยะ" สอนอริยะให้เป็น "อรหันต์"

๑๐.) "พุทฺโธ ภควาติ" นี้แหละพระองค์จึงทรงเป็นผู้ตื่น ผู้เบิกบาน ดังนี้
แล้วก็มี "พระปัญญาคุณ พระบริสุทธิคุณและพระมหากรุณาธิคุณ"
ถ้าเราน้อมความดีของพระองค์เหล่านี้เข้ามาที่ตัวเราเมื่อใด
เราก็จะถึง "พระพุทธคุณ" เมื่อนั้น

...

คัดลอกเนื้อหาจาก
หนังสือแนวทางวิปัสสนา-กัมมัฏฐาน, พระอาจารย์ลี ธมฺมธโร.
โดยชมรมกัลยาณธรรม ปี พ.ศ. ๒๕๕๒. หน้า ๓๐๘-๓๑๑. 

5,627







จีรัง กรุ๊ป    

 ธรรมะไทย