อิทธิบาท ..... นามขันธ์ ของบุคคลผู้บรรลุธรรม
[๕๐๘] คำว่า อิทธิ ได้แก่ ความสำเร็จ ความสำเร็จด้วยดี การสำเร็จ การสำเร็จด้วยดี
ความได้ ความได้อีก ความถึง ความถึงด้วยดี ความถูกต้อง ความกระทำให้แจ้ง
ความเข้าถึง ซึ่งธรรมเหล่านั้น
คำว่า อิทธิบาท ได้แก่ เวทนาขันธ์ สัญญาขันธ์ สังขารขันธ์ วิญญาณขันธ์
ของบุคคลผู้บรรลุธรรมเหล่านั้น
คำว่า เจริญอิทธิบาท ได้แก่ ย่อมเสพ เจริญ ทำให้มาก ซึ่งธรรมเหล่านั้น
ด้วยเหตุนั้น จึงเรียกว่า เจริญอิทธิบาท
# 1 / กระบี่ไร้เงา / 21 ต.ค. 2553 เวลา 21:57 น.
อิทธิ คือ ความสำเร็จ หรือความได้
บาท นั้นไซร้ คือฐาน งานทุกสิ่ง
อิทธิบาท คือจิตของ ผู้รู้จริง
แจ้งในสิ่ง เข้าถึง ซึ่งธัมมา
การเจริญอิทธิบาทอันประกอบด้วยฉันทสมาธิปธานสังขาร
ความพอใจ ในธรรม นั่น ฉันทะ
ที่เพียรละ อกุศล ดลตัณหา
ระมัดระวัง มิให้เกิด ในจินตนา
เพราะจะพา จิตเจ้า เคล้าธรรมดำ
งานสิ่งใด ใช้ฉันทะ เป็นที่ตั้ง
ย่อมจะยัง จิตตั้งไว้ ในทางสัมม์
ปรารภเพียร ประคองจิตไว้ ในกุศลธรรม
เพียรละ บั่น อกุศล ที่ยลใจ
ฉันทะ เป็น ปธานสังขาร ในจินตนา
องค์ธรรมพา วิริยา ให้ผ่องใส
ทั้งจิตตะ วิมังสา เกิดร่วมใน
หลอมรวมไซร้ แจ้งประจักษ์ เอกัคคตา
เจริญในธรรมค่ะ
# 2 / กระบี่ไร้เงา / 22 ต.ค. 2553 เวลา 09:55 น.
[๕๐๕] อิทธิบาท ๔ คือ
๑. ภิกษุในศาสนานี้ เจริญอิทธิบาทอันประกอบด้วยฉันทสมาธิปธานสังขาร
๒. เจริญอิทธิบาทอันประกอบด้วยวิริยสมาธิปธานสังขาร
๓. เจริญอิทธิบาทอันประกอบด้วยจิตตสมาธิปธานสังขาร
๔. เจริญอิทธิบาทอันประกอบด้วยวิมังสาสมาธิปธานสังขาร
[๕๐๖] ก็ภิกษุ เจริญอิทธิบาท อันประกอบด้วย ฉันทสมาธิปธานสังขารเป็นอย่างไร
ถ้าภิกษุ ทำฉันทะให้เป็นอธิบดีแล้วจึงได้สมาธิ ได้เอกัคคตาแห่งจิต
สมาธิ นี้เรียกว่า ฉันทสมาธิ
ภิกษุนั้น
ทำฉันทะให้เกิด พยายาม ปรารภความเพียร ประคองจิตไว้
ทำความเพียร เพื่อป้องกันบาปอกุศลธรรมที่ยังไม่เกิดขึ้นมิให้เกิดขึ้น
ทำฉันทะให้เกิด พยายาม ปรารภความเพียร ประคองจิตไว้
ทำความเพียร เพื่อละบาปอกุศลธรรมที่เกิดขึ้นแล้ว
ทำฉันทะให้เกิด พยายาม ปรารภความเพียร ประคองจิตไว้
ทำความเพียร เพื่อสร้างกุศลธรรมที่ยังไม่เกิดขึ้นให้เกิดขึ้น
ทำฉันทะให้เกิด พยายาม ปรารภความเพียร ประคองจิตไว้
ทำความเพียร เพื่อความดำรงอยู่ ความไม่สาบสูญ ความภิยโยยิ่ง
ความไพบูลย์ ความเจริญ ความบริบูรณ์ แห่งกุศลธรรมที่เกิดขึ้นแล้ว
สภาวธรรมเหล่านี้ เรียกว่า ปธานสังขาร
ฉันทสมาธิและปธานสังขารดังกล่าวมานี้ ประมวลย่อ ๒ อย่างนั้นเข้าเป็นอันเดียวกัน
ย่อมถึงซึ่งอันนับว่า ฉันทสมาธิปธานสังขาร ด้วยประการฉะนี้
[๕๐๗] ในบทเหล่านั้น
ฉันทะ เป็นไฉน
ความพอใจ การทำความพอใจ ความใคร่เพื่อจะทำ ความฉลาด ความพอใจในธรรม
นี้เรียกว่า ฉันทะ
สมาธิ เป็นไฉน
ความตั้งอยู่แห่งจิต ความดำรงอยู่แห่งจิต ความมั่นอยู่แห่งจิต ความไม่ส่ายไปแห่งจิต
ความไม่ฟุ้งซ่านแห่งจิต ภาวะที่จิตไม่ส่ายไป ความสงบ สมาธินทรีย์ สมาธิพละ สัมมาสมาธิ อันใด
นี้เรียกว่า สมาธิ
ปธานสังขาร เป็นไฉน
การปรารภความเพียรทางใจ ความขะมักเขม้น ความบากบั่น ความตั้งหน้า ความพยายาม
ความอุตสาหะ ความทนทาน ความเข้มแข็ง ความหมั่น ความก้าวไปอย่างไม่ท้อถอย
ความไม่ทอดทิ้งฉันทะ ความไม่ทอดทิ้งธุระ ความประคับประคองธุระไว้ด้วยดี
วิริยะ วิริยินทรีย์ วิริยพละ สัมมาวายามะ อันใด
นี้เรียกว่า ปธานสังขาร
ภิกษุ เป็นผู้เข้าไปถึงแล้ว เข้าไปถึงแล้วด้วยดี เข้ามาถึงแล้ว เข้ามาถึงแล้วด้วยดี
เข้าถึงแล้ว เข้าถึงแล้วด้วยดี ประกอบแล้วด้วยฉันทะ สมาธิ และ ปธานสังขาร ดังกล่าวมานี้
ด้วยเหตุนั้น จึงเรียกว่า ประกอบด้วยฉันทสมาธิปธานสังขาร ด้วยประการฉะนี้
[๕๐๘] คำว่า อิทธิ ได้แก่ ความสำเร็จ ความสำเร็จด้วยดี การสำเร็จ การสำเร็จด้วยดี
ความได้ ความได้อีก ความถึง ความถึงด้วยดี ความถูกต้อง ความกระทำให้แจ้ง
ความเข้าถึง ซึ่งธรรมเหล่านั้น
คำว่า อิทธิบาท ได้แก่ เวทนาขันธ์ สัญญาขันธ์ สังขารขันธ์ วิญญาณขันธ์
ของบุคคลผู้บรรลุธรรมเหล่านั้น
คำว่า เจริญอิทธิบาท ได้แก่ ย่อมเสพ เจริญ ทำให้มาก ซึ่งธรรมเหล่านั้น
ด้วยเหตุนั้น จึงเรียกว่า เจริญอิทธิบาท
จากพระไตรปิฎก เล่มที่ ๓๕ พระอภิธรรมปิฎก เล่มที่ ๒
http://www.84000.org/tipitaka/pitaka_item/v.php?B=35&A=6817&Z=6854
# 3 / กระบี่ไร้เงา / 23 ต.ค. 2553 เวลา 11:05 น.
อิทธิ คือ ความสำเร็จ หรือความได้
บาท นั้นไซร้ คือฐาน งานทุกสิ่ง
อิทธิบาท คือจิตของ ผู้รู้จริง
แจ้งในสิ่ง เข้าถึง ซึ่งธัมมา
การเจริญอิทธิบาทอันประกอบด้วยวิริยสมาธิปธานสังขาร
ใช้เพียร เป็นปธาน
การณ์ที่ตั้ง
ฉันทะประดัง จิตตะ วิมังสา
ก็เกิดร่วม เกิดพร้อม ในจินตนา
รวมเป็นหนึ่ง เอกัคคตา แห่งจิตตน
การปรารภ ความเพียร ในดวงจิต
พาเข้าชิด ธัมมา พาสู่กุศล
กุศลใด ยังไม่เกิด ก่อให้ดล
ส่วนกุศล ที่เกิดแล้ว ให้แพร้วงาม
เจริญในธรรมค่ะ
# 4 / กระบี่ไร้เงา / 25 ต.ค. 2553 เวลา 11:34 น.
[๕๐๕] อิทธิบาท ๔ คือ
๑. ภิกษุในศาสนานี้ เจริญอิทธิบาทอันประกอบด้วยฉันทสมาธิปธานสังขาร
๒. เจริญอิทธิบาทอันประกอบด้วยวิริยสมาธิปธานสังขาร
๓. เจริญอิทธิบาทอันประกอบด้วยจิตตสมาธิปธานสังขาร
๔. เจริญอิทธิบาทอันประกอบด้วยวิมังสาสมาธิปธานสังขาร
[๕๐๙] ก็ภิกษุ เจริญอิทธิบาทอันประกอบด้วยวิริยสมาธิปธานสังขารเป็นอย่างไร
ถ้าภิกษุ ทำความเพียรให้เป็นอธิบดีแล้วจึงได้สมาธิ ได้เอกัคคตาแห่งจิต
สมาธินี้เรียกว่า วิริยสมาธิ
ภิกษุนั้น
ทำฉันทะให้เกิด พยายาม ปรารภความเพียร ประคองจิตไว้
ทำความเพียร เพื่อป้องกันบาปอกุศลธรรมที่ยังไม่เกิดขึ้นมิให้เกิดขึ้น
ทำฉันทะให้เกิด พยายาม ปรารภความเพียร ประคองจิตไว้
ทำความเพียร เพื่อละบาปอกุศลธรรมที่เกิดขึ้นแล้ว
ทำฉันทะให้เกิด พยายาม ปรารภความเพียร ประคองจิตไว้
ทำความเพียร เพื่อสร้างกุศลธรรมที่ยังไม่เกิดขึ้นให้เกิดขึ้น
ทำฉันทะให้เกิด พยายาม ปรารภความเพียร ประคองจิตไว้
ทำความเพียร เพื่อความดำรงอยู่ ความไม่สาบสูญ ความภิยโยยิ่ง
ความไพบูลย์ ความเจริญ ความบริบูรณ์ แห่งกุศลธรรมที่เกิดขึ้นแล้ว
สภาวธรรมเหล่านี้ เรียกว่า ปธานสังขาร
วิริยสมาธิและปธานสังขาร ดังกล่าวมานี้ ประมวลย่อ ๒ อย่างนั้นเข้า
เป็นอันเดียวกัน ย่อมถึงซึ่งอันนับว่า วิริยสมาธิปธานสังขาร ด้วยประการฉะนี้
[๕๑๐] ในบทเหล่านั้น วิริยะ เป็นไฉน
การปรารภความเพียรทางใจ ความขะมักเขม้น ความบากบั่น ความตั้งหน้า ความพยายาม
ความอุตสาหะ ความทนทาน ความเข้มแข็ง ความหมั่น ความก้าวไปอย่างไม่ท้อถอย
ความไม่ทอดทิ้งฉันทะ ความไม่ทอดทิ้งธุระ ความประคับประคองธุระ วิริยะ
อินทรีย์คือวิริยะ วิริยะพละ สัมมาวายามะ อันใด
นี้เรียกว่า วิริยะ
สมาธิ เป็นไฉน
ความตั้งอยู่แห่งจิต ความดำรงอยู่แห่งจิต ความมั่นอยู่แห่งจิต
ความไม่ส่ายไปแห่งจิต ความไม่ฟุ้งซ่านแห่งจิต ภาวะที่จิตไม่ส่ายไป
ความสงบ สมาธินทรีย์ สมาธิพละ สัมมาสมาธิ อันใด นี้เรียกว่า สมาธิ
ปธานสังขาร เป็นไฉน
การปรารภความเพียรทางใจ ความขะมักเขม้น ความบากบั่น ความตั้งหน้า ความพยายาม
ความอุตสาหะ ความทนทาน ความเข้มแข็ง ความหมั่น ความก้าวไปอย่างไม่ท้อถอย
ความไม่ทอดทิ้งฉันทะ ความไม่ทอดทิ้งธุระ ความประคับประคองธุระไว้ด้วยดี
วิริยะ วิริยินทรีย์ วิริยพละ สัมมาวายามะ อันใด
นี้เรียกว่า ปธานสังขาร
ภิกษุ เป็นผู้เข้าไปถึงแล้ว เข้าไปถึงแล้วด้วยดี เข้ามาถึงแล้ว เข้ามาถึงแล้วด้วยดี
เข้าถึงแล้ว เข้าถึงแล้วด้วยดี ประกอบแล้ว ด้วยวิริยะสมาธิ และปธานสังขาร
ดังกล่าวมานี้ ด้วยเหตุนั้นจึงเรียกว่า ประกอบด้วยวิริยสมาธิปธานสังขาร ด้วยประการฉะนี้
[๕๑๑] คำว่า อิทธิ ได้แก่ ความสำเร็จ ความสำเร็จด้วยดี การสำเร็จ การสำเร็จด้วยดี
ความได้ ความได้อีก ความถึง ความถึงด้วยดี ความถูกต้อง ความกระทำให้แจ้ง
ความเข้าถึง ซึ่งธรรมเหล่านั้น
คำว่า อิทธิบาท ได้แก่ เวทนาขันธ์ สัญญาขันธ์ สังขารขันธ์ วิญญาณขันธ์
ของบุคคลผู้บรรลุธรรมเหล่านั้น
คำว่า เจริญอิทธิบาท ได้แก่ ย่อมเสพ เจริญ ทำให้มาก ซึ่งธรรมเหล่านั้น
ด้วยเหตุนั้น จึงเรียกว่า เจริญอิทธิบาท
จากพระไตรปิฎก เล่มที่ ๓๕ พระอภิธรรมปิฎก เล่มที่ ๒
http://www.84000.org/tipitaka/pitaka_item/item.php?book=35&item=509&items=3
# 5 / กระบี่ไร้เงา / 7 พ.ย. 2553 เวลา 21:51 น.
อิทธิ คือ ความสำเร็จ หรือความได้
บาท นั้นไซร้ คือฐาน งานทุกสิ่ง
อิทธิบาท คือจิตของ ผู้รู้จริง
แจ้งในสิ่ง เข้าถึง ซึ่งธัมมา
การเจริญอิทธิบาทอันประกอบด้วยจิตตสมาธิปธานสังขาร
แม้ผู้ใด ใช้จิตตเป็นประธาน
ขณะกาลย่อมเกิด ธรรมทั้งสาม
ทั้งฉันทะ วิริยะ พาพ้นกาม
วิมังสา ปัญญางาม ย่อมเจริญ
การปรารภ ความเพียร ในดวงจิต
พาเข้าชิด ธัมมา น่าสรรเสริญ
กุศลใด ยังไม่เกิด ต้องรีบเจริญ
ที่เกิดแล้ว อย่ามัวเพลิน เจริญไว้
เจริญในธรรมค่ะ
# 6 / กระบี่ไร้เงา / 9 พ.ย. 2553 เวลา 20:16 น.
[๕๐๕] อิทธิบาท ๔ คือ
๑. ภิกษุในศาสนานี้ เจริญอิทธิบาทอันประกอบด้วยฉันทสมาธิปธานสังขาร
๒. เจริญอิทธิบาทอันประกอบด้วยวิริยสมาธิปธานสังขาร
๓. เจริญอิทธิบาทอันประกอบด้วยจิตตสมาธิปธานสังขาร
๔. เจริญอิทธิบาทอันประกอบด้วยวิมังสาสมาธิปธานสังขาร
[๕๑๒] ก็ภิกษุ เจริญอิทธิบาทอันประกอบด้วยจิตตสมาธิปธานสังขาร
เป็นอย่างไร
ถ้าภิกษุทำจิตให้เป็นอธิบดีแล้วจึงได้สมาธิ ได้เอกัคคตาแห่งจิต สมาธินี้
เรียกว่า จิตตสมาธิ
ภิกษุนั้น
ทำฉันทะให้เกิด พยายาม ปรารภความเพียร ประคองจิตไว้
ทำความเพียร เพื่อป้องกันบาปอกุศลธรรมที่ยังไม่เกิดขึ้นมิให้เกิดขึ้น
ทำฉันทะให้เกิด พยายาม ปรารภความเพียร ประคองจิตไว้
ทำความเพียร เพื่อละบาปอกุศลธรรมที่เกิดขึ้นแล้ว
ทำฉันทะให้เกิด พยายาม ปรารภความเพียร ประคองจิตไว้
ทำความเพียร เพื่อสร้างกุศลธรรมที่ยังไม่เกิดขึ้นให้เกิดขึ้น
ทำฉันทะให้เกิด พยายาม ปรารภความเพียร ประคองจิตไว้
ทำความเพียร เพื่อความดำรงอยู่ ความไม่สาบสูญ ความภิยโยยิ่ง
ความไพบูลย์ ความเจริญ ความบริบูรณ์ แห่งกุศลธรรมที่เกิดขึ้นแล้ว
สภาวธรรมเหล่านี้ เรียกว่า ปธานสังขาร
จิตตสมาธิและปธานสังขารดังกล่าวมานี้ ประมวลย่อ ๒ อย่างนั้น เข้า
เป็นอันเดียวกัน ย่อมถึงซึ่งอันนับว่า จิตตสมาธิปธานสังขาร ด้วยประการฉะนี้
[๕๑๓] ในบทเหล่านั้น จิต เป็นไฉน
จิต มโน มานัส หทัย ปัณฑร มโน มนายตนะ มนินทรีย์ วิญญาณ วิญญาณขันธ์
มโนวิญญาณธาตุที่สมกัน อันใด
นี้เรียกว่า จิต
สมาธิ เป็นไฉน
ความตั้งอยู่แห่งจิต ความดำรงอยู่แห่งจิต ความมั่นอยู่แห่งจิต
ความไม่ส่ายไปแห่งจิต ความไม่ฟุ้งซ่านแห่งจิต ภาวะที่จิตไม่ส่ายไป
ความสงบ สมาธินทรีย์ สมาธิพละ สัมมาสมาธิ อันใด นี้เรียกว่า สมาธิ
ปธานสังขาร เป็นไฉน
การปรารภความเพียรทางใจ ความขะมักเขม้น ความบากบั่น ความตั้งหน้า ความพยายาม
ความอุตสาหะ ความทนทาน ความเข้มแข็ง ความหมั่น ความก้าวไปอย่างไม่ท้อถอย
ความไม่ทอดทิ้งฉันทะ ความไม่ทอดทิ้งธุระ ความประคับประคองธุระไว้ด้วยดี
วิริยะ วิริยินทรีย์ วิริยพละ สัมมาวายามะ อันใด
นี้เรียกว่า ปธานสังขาร
ภิกษุ เป็นผู้เข้าไปถึงแล้ว เข้าไปถึงแล้วด้วยดี เข้ามาถึงแล้ว เข้ามาถึงแล้วด้วยดี
เข้าถึงแล้ว เข้าถึงแล้วด้วยดี ประกอบแล้ว ด้วยวิริยะสมาธิ และปธานสังขาร
ดังกล่าวมานี้ ด้วยเหตุนั้นจึงเรียกว่า ประกอบด้วยวิริยสมาธิปธานสังขาร ด้วยประการฉะนี้
[๕๑๔] คำว่า อิทธิ ได้แก่ ความสำเร็จ ความสำเร็จด้วยดี การสำเร็จ การสำเร็จด้วยดี
ความได้ ความได้อีก ความถึง ความถึงด้วยดี ความถูกต้อง ความกระทำให้แจ้ง
ความเข้าถึง ซึ่งธรรมเหล่านั้น
คำว่า อิทธิบาท ได้แก่ เวทนาขันธ์ สัญญาขันธ์ สังขารขันธ์ วิญญาณขันธ์
ของบุคคลผู้บรรลุธรรมเหล่านั้น
คำว่า เจริญอิทธิบาท ได้แก่ ย่อมเสพ เจริญ ทำให้มาก ซึ่งธรรมเหล่านั้น
ด้วยเหตุนั้น จึงเรียกว่า เจริญอิทธิบาท
จากพระไตรปิฎก เล่มที่ ๓๕ พระอภิธรรมปิฎก เล่มที่ ๒
http://www.84000.org/tipitaka/pitaka_item/item.php?book=35&item=512&items=3&preline=0
# 7 / หิ่งห้อยน้อย / 12 พ.ย. 2553 เวลา 06:14 น.