โครงตะโพนไม้ ..... ที่ไม่มีเหลือ

 หิ่งห้อยน้อย   25 มิ.ย. 2555

 
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคเจ้าพระองค์นั้น
                     ผู้ซึ่งไกลจากกิเลส ตรัสรู้ชอบด้วยพระองค์เอง




๐ ตะโพนแตก เสียงที่ตี ดีไม่ได้
พวกช่างไม้ หาลิ่ม ทิ่มตอกสาน
เสียงที่ดี ไพเราะ เพราะมานาน
ย่อมคลายไป ไม่ชื่นบาน เสียงเปลี่ยนไป

๐ การณ์ต่อมา โครงเก่า ก็มิเหลือ
ลิ่มที่เจือ เป็นทั้งลูก จักทำไฉน
เสียงโครงเก่า กับโครงลิ่ม ต่างกันไกล
แม้ฉันใด ธรรมทั้งหลาย ก็ฉันนั้น



เจริญในธรรม เจ้าค่ะ







ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคเจ้าพระองค์นั้น
                     ผู้ซึ่งไกลจากกิเลส ตรัสรู้ชอบด้วยพระองค์เอง




๐ สัทธรรม อันงดงาม และวิจิตร
ถูกประดิษฐ์ แต่งเติม เสริมแปรผัน
ธรรมอันลึก โลกุตตรา ค่าอนันต์
ชนทั้งหลาย เมินพลัน ว่ายากไป

๐ ไม่สนใจ ไม่ใส่ใจ ในธุระ
จิตเมินผละ จากสัทธรรม ที่สดใส
ยึดนักปราชญ์ กวีอื่น ดาษดื่นไป
จิตร่าเริง ใส่ใจ ศึกษากัน

๐ โลกุตรธรรม สัทธรรม แห่งสัมมาฯ
ของศาสดา อันตรธาน ถูกผลาญผัน
ทองคำปลอม แทนทองจริง ทิ้งค่าพลัน
ฝีมือเรา ทั้งนั้น สาธุชน



เจริญในธรรม เจ้าค่ะ






ขอนมัสการพระผู้มีพระภาคเจ้า นมัสการพระธรรม น้อมน้อมพระสงฆ์
และกราบสวัสดีคุณหิ่งห้อยน้อยครับ


คำกล่าวอ้างว่ายากไปใช่เหตุผล
ควรฝึกตนฝึกไปในแก่นสาร
แม้ติดบ่วงพวงดอกไม้กิเลสมาร
อย่าหมายมั่นว่ามารจะชื่นชม

แค่เพียงลวงให้หลงตรงเหยื่อล่อ
ความไม่พอคือตัณหาน่าขื่นขม
อย่าหลงว่าพวงดอกไม้ให้เชยชม
ความขื่นขมคงผ่านมาไม่ช้าก็เร็ว

เคยได้ยินว่าพระพุทธองค์ทรงตรัสว่า พุทธศาสนาจะเสื่อมไปโดยพุทธบริษัท๔ด้วยกันเอง
และในส่วนของพระอภิธรรมจะเริ่มที่คัมภีร์มหาปัฏฐาน ฟังแล้วค่อนข้างใจเสียและรู้สึกโชคดีว่า
เรายังไม่อยู่ในยุคสมัยนั้น น่าเสียใจแทนผู้ที่เกิดในสมัยที่ ไม่มีผู้ใดมาบอกแล้วว่า ทุกข์คืออะไร
สิ่งใดเป็นเหตุแห่งทุกข์ นิโรธคืออะไร หรือ ทุกขนิโรคธามินีปฏิปทา คืออะไร ทำเช่นใดบ้าง
เลยมาคิดว่าถ้าไม่รีบในชาตินี้ อย่าว่าแต่จะได้เกิดเป็นมนุษย์อีกเลย ถึงเกิดเป็นมนุษย์ก็อาจไม่ได้
พบพระพุทธศาสนาอีกต่อไป ถ้าเพียงเพราะไปคิดว่า สิ่งใดที่เป็นปฏิปทาให้ดำเนินไปสู่ความดับ
ทุกข์นั้นยากและไม่สอดคล้องกับกิเลสของตัวเอง (ธรรมย่อมไม่เคยคิดจะเป็นปรปักษ์กับใครแต่
กิเลสมักเห็นธรรมเป็นปรปักษ์เสมอ)




"ตะโพนธรรม"

@ ตะโพนแตก แปลกดี เสียงตีแปลก
เมื่อเริ่มแรก ก็เพราะดี เสียงตี เสนาะ
ฟังเพลงเก่า เพลงใหม่ ก็ไพเราะ
จะตีเคาะ คราใด ให้ชื่นบาน

@ เมื่อเก่าเกิน เนิ่นกาล ก็พานแปลก
ตะโพนแตก เสียงเปลี่ยนไป ไม่ประสาน
ต้องใช้ลิ่ม ตอกเคาะ เกาะยึดงาน
เกิดเสียงซ่าน ไม่เสนาะ เพราะเหมือนเดิม

@ โศลกธรรม นำพา ให้น่าคิด
จะถูกผิด “ธรรมสา-กัจฉา ”เพิ่ม
มรดกธรรม ล้ำค่า มิกล้าเติม
เหมือนคนเริ่ม เรียนรู้ ไม่คู่ควร

@ ตะโพนดี ตีดัง ก็ฟังเพราะ
เสียงสดใส ไพเราะ เพราะทุกส่วน
เหมือนสัทธรรม ล้ำลึก ตรึกใคร่ครวญ
พุทธธรรม สำนวน ล้วนชื่นใจ

@ ตะโพนแตก เสียงเพี้ยน ก็เลี่ยนหู
มิอาจสู้ ตะโพนดี ที่เสียงใส
สัทธรรมแท้ ล้ำค่า กว่าธรรมใด
สัทธรรมใหม่ อาจเจือปน ด้วยกลลวง...พุดเดิล

@ ...สวัสดีครับ อาจารย์แม่ หิ่งห้อยน้อย...พุดเดิล ..ห่างเหินเวทีไปนาน จนลืม รหัสผ่าน การทำสีอักษรก็ลืม อาจารย์แม่ กับเฟื่องฟ้า เคยสอนไว้ ลืมจริง ๆ แสดงว่า วิบากจากการห่างเหิน ไม่ขยัน หมั่นฝึกฝน ทำให้เกิดผลเช่นนี้...สัญญาความจำได้ หมายรู้ กำลังเสื่อมไปทุกขณะ ใช่ไหมครับ อาจารย์แม่...ช่วยตอกลิ่มเคาะสนิมให้ที ขอรับ...ขอบพระคุณครับ




ตะโพนที่หายไป

พระสัทธรรมที่เป็นโลกุตตระหายไป
เพราะพุทธบริษัท 4 แต่งคำสอนขึ้นมาใหม่
และสอนสิ่งใหม่แทนพระธรรมเทศนา


พระไตรปิฎก เล่มที่ ๑๖ พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๘ สังยุตตนิกาย นิทานวรรค

๗. อาณิสูตร
[๖๗๒] พระผู้มีพระภาคประทับอยู่ ณ พระเชตวัน อารามของท่าน
อนาถบิณฑิกเศรษฐี เขตพระนครสาวัตถี ... พระผู้มีพระภาคได้ตรัสว่า ดูกรภิกษุ
ทั้งหลาย เรื่องเคยมีมาแล้ว ตะโพนชื่ออานกะของพวกกษัตริย์ผู้มีพระนามว่า
ทสารหะได้มีแล้ว เมื่อตะโพนแตก พวกทสารหะได้ตอกลิ่มอื่นลงไป สมัยต่อมา
โครงเก่าของตะโพนชื่ออานกะก็หายไป ยังเหลือแต่โครงลิ่ม แม้ฉันใด ดูกรภิกษุ
ทั้งหลาย พวกภิกษุในอนาคตกาล เมื่อเขากล่าวพระสูตรที่ตถาคตกล่าวแล้ว อันลึก
มีอรรถอันลึก เป็นโลกุตตระ ประกอบด้วยสุญญตธรรม อยู่ จักไม่ปรารถนาฟัง
จักไม่เข้าไปตั้งจิตเพื่อรู้ และจักไม่สำคัญธรรมเหล่านั้น ว่าควรเล่าเรียน ควรศึกษา
แต่ว่าเมื่อเขากล่าวพระสูตรอันนักปราชญ์รจนาไว้ อันนักปราชญ์ร้อยกรองไว้ มี
อักษรอันวิจิตร มีพยัญชนะอันวิจิตร เป็นของภายนอก เป็นสาวกภาษิต อยู่ จัก
ปรารถนาฟังด้วยดี จักเงี่ยโสตลงสดับ จักเข้าไปตั้งไว้ซึ่งจิตเพื่อรู้ และจักสำคัญ
ธรรมเหล่านั้น ว่าควรเรียน ควรศึกษา ฯ

[๖๗๓] ดูกรภิกษุทั้งหลาย พระสูตรเหล่านั้น ที่ตถาคตกล่าวแล้ว
อันลึก มีอรรถอันลึก เป็นโลกุตตระ ประกอบด้วยสุญญตธรรม จักอันตรธาน
ฉันนั้นเหมือนกัน เพราะเหตุดังนี้นั้น เธอทั้งหลายพึงศึกษาอย่างนี้ว่า เมื่อเขา
กล่าวพระสูตรที่ตถาคตกล่าวแล้ว อันลึก มีอรรถอันลึก เป็นโลกุตตระ ประกอบ
ด้วยสุญญตธรรม อยู่ พวกเราจักฟังด้วยดี จักเงี่ยโสตลงสดับ จักเข้าไปตั้งไว้ซึ่ง
จิตเพื่อรู้ และจักสำคัญธรรมเหล่านั้นว่า ควรเรียน ควรศึกษา ดังนี้ ดูกรภิกษุ
ทั้งหลาย เธอทั้งหลายพึงศึกษาอย่างนี้แหละ ฯ.


ในกาลปัจจุบัน และกาลต่อ ๆ ไป
พุทธบริษัท 4 จักไม่รู้จักคำว่า สัมมาทิฎฐิ
ไม่รู้จักอริยสัจ 4
ไม่รู้จักทุข์
ไม่รู้จักเหตุให้เกิดทุกข์
ไม่รู้จักความดับทุกข์
ไม่รู้จักทางทางเข้าถึงซึ่งความดับทุกข์คือมรรคมีองค์ 8

จักรู้และปฏิบัติตามวิชาใหม่ที่คนรุ่นใหม่คิดค้นขึ้นเท่านั้น.




 เปิดอ่านหน้านี้  5682 

  แสดงความคิดเห็น










จีรัง กรุ๊ป    

 ธรรมะไทย