จิตเดิมนี้ผ่องใส : หลวงปู่เหรียญ วรลาโภ

 จำปาพร  




  พระอาจารย์เหรียญ วรลาโภ
วัดอรัญญบรรพต
อ.ศรีเชียงใหม่ จ.หนองคาย



ดังนั้นแหละในพุทธศาสนานี่ พระพุทธเจ้าก็จึงทรงสั่งสอนพุทธบริษัทว่า ให้หมั่นประชุมกันเนืองนิตย์ ในอปริหานิยธรรมนะ ๗ อย่างนั่นน่ะ ทรงแสดงไว้ ผู้ใดมีคุณธรรม ๗ ประการนี้อยู่ในใจแล้ว ผู้นั้นไม่มีความเสื่อมเลย มีแต่ความเจริญฝ่ายเดียว พระองค์ทรงแสดงไว้อย่างนี้ มันก็นับว่าเป็นความจริงนะ เพราะคนเรามันไม่ได้รู้มาแต่เมื่อเกิด จริงอยู่หรอกแต่ชาติก่อนนั้นก็คงได้เรียนรู้อะไรต่ออะไรมาบ้าง แต่เมื่อตายแล้วอวิชชาตัณหามันครอบงำจิตใจไป พอเกิดขึ้นไปชาติใหม่ต่อไปนี่มันก็ต้องตั้งเค้าเรียนใหม่อีก ตั้งเค้าพยายามพากเพียรละอวิชชาตัณหานั่นให้เบาบางออกไปจากจิตใจ เช่นนี้แล้วไอ่ความรู้ที่เรียนมาแต่ชาติก่อนนั่นมันจึงจะโผล่ขึ้นมา ให้รู้ให้เห็นได้ แต่ถ้าหากว่าผู้ใดยังไม่สนใจที่จะฝึกตนนะ ปล่อยให้อวิชชาตัณหามันครอบงำจิตอยู่อย่างนั้น ความรู้ความจำอะไรที่ติดตามมาแต่ก่อนนู่นมันก็เกิดขึ้นไม่ได้ เหมือนกับมืดกับสว่างนี้นะ พอมันมืดแล้วอย่างนี้มันก็ไม่สว่าง..มันเป็นอย่างนั้นแหละ


แต่ทีนี้คนเรามันก็มีปัญญา เอ้า พยายามผลิตแสงสว่างให้เกิดขึ้นเพื่อทำลายความมืดนั้น มันเป็นอย่างนั้น ผลิตกระแสไฟให้เกิดขึ้น ไฟฟ้าบ้าง ไฟฉายบ้าง อะไรหมู่นี้ พอเปิด กดสวิตช์เข้าไปเท่านั้น แสงสว่างมันก็พุ่งออกมาจากหลอดไฟ สว่างไปทั่ว อันนี้ก็เช่นเดียวกันนั่นแหละ ทุกคนที่เกิดมาในโลกนี้มันถูกอวิชชาตัณหาครอบงำจิตใจเหมือนกันหมด ทีนี้เมื่อมาได้ฟังคำสอนของพระพุทธเจ้าแล้ว รู้จักอุบายวิธีกำจัดอวิชชาตัณหานี้แล้ว แล้วก็ลงมือปฏิบัติกัน เมื่อลงมือปฏิบัติไป จนไปถึงขั้นภาวนา ทำใจให้สงบระงับลงไป ละกิเลสอย่างหยาบ อย่างกลาง ให้สงบไปจากดวงจิตนี้ให้ได้ เมื่อใจสงบอยู่ได้เพราะการละกิเลสเหล่านี้ให้สงบลงไป จิตใจนั้นก็ย่อมผ่องใสตามเดิมของมัน


เพราะตามปกติของจิตนี้นะ พระพุทธเจ้าทรงตรัสว่า มันผ่องใสอยู่เหมือนอย่างทองคำธรรมชาตินี้นะ ตัวทองคำธรรมชาติแท้ๆนั้นมันย่อมมีสีสันวรรณะเลื่อมประภัสสร สีเหลืองอร่าม แต่ว่าอาศัยดินกับหินนั้นหุ้มห่อไว้ รัศมีของทองคำอันนั้นจึงไม่ปรากฏแม้แก้วก็เหมือนกัน ที่ว่าใสที่สุดก็คือ แก้ว แต่เมื่อจมอยู่ในดินในหิน ก็ไม่มีแสงออกมา พอขุดค้นเอาจากดินจากหินมาแล้วอย่างนี้ มันก็ส่องแสงสว่างออกมาทันทีเลย เออ เป็นอย่างนั้น อันนี้ก็เช่นเดียวกันนั่นแหละ เมื่อบุคคลใดมาฝึกฝนอบรมจิตนี่ให้สงบระงับจากนิวรณธรรมทั้ง ๕ ประการนั้นได้ จิตของผู้นั้นก็ย่อมผ่องใส เมื่อจิตผ่องใสนี่ก็หมายความว่า ก็เหมือนอย่างที่กดสวิตช์ไฟฟ้าอย่างที่ว่านั่นแหละก็สว่างจ้า บาดนิจิตนี่ก็เหมือนกันน่ะเมื่อทำให้สงบลงไปแล้วมันก็มีความสว่างไสวเกิดขึ้นมา พอนึกว่าอยากจะรู้เรื่องนั้นอย่างนี้ เรื่องนั้นก็จะปรากฏขึ้นในใจ มันเป็นอย่างนั้น


ส่วนหนึ่งจากพระธรรมเทศนาหัวข้อ
"ตามรอยพระศาสดา"  

5,573







จีรัง กรุ๊ป    

 ธรรมะไทย