
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคเจ้าพระองค์นั้น
ผู้ซึ่งไกลจากกิเลส ตรัสรู้ชอบด้วยพระองค์เอง
คนจน ... ความจน
๐ บางคนนำจนอ้าง ..... ขวางบุญ
ว่าจนมิอาจหนุน ......... บุญได้
ยิ่งหันหลังให้บุญ ........ อกุศล ทวีนา
อ้างหาเช้ากินค่ำไซร้ ... มิได้สร้างบุญ

เจริญในธรรม เจ้าค่ะ
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคเจ้าพระองค์นั้น
ผู้ซึ่งไกลจากกิเลส ตรัสรู้ชอบด้วยพระองค์เอง
คนจน ที่ไม่จนบุญ
๐ คนจนที่จิตมิ ........... จนบุญ
น้อมจิตสู่พุทธคุณ ...... คุ้มเกล้า
น้อมธรรมมานำหนุน ... เกิดก่อ บุญนา
ไตรรัตน์น้อมเข้าเคล้า . จิตและวิญญาณ
๐ จิตนั้นตั้งมั่นพร้อม ... ยินดี
รู้จำแนกทานทวี ......... ยิ่งแล้ว
เพื่อลดละตระหนี่ ........ ในจิต เจ้าเอย
ยินดีทุกเมื่อแล้ว ......... ยื่นให้ในทาน
๐ สมาทานศีลมั่นใน .... จินตนา
ระวังกายวาจา ............ ทุกเมื่อ
สำรวมในสีลา ............ ปาฏิโมกข์
กลิ่นฟุ้งจึงอะเคื้อ ........ หอมด้วยกลิ่นศีล
๐ สำรวมจิตตั้งไว้ ........ ในฌาน
ฌานก่อให้เกิดญาณ ..... ยิ่งแล้ว
สมาธิตั้งมั่นนาน .......... เกิดก่อ
สามทางนี้บุญแก้ว ........ มิข้องความจน
เจริญในธรรม เจ้าค่ะ

# 1 / หิ่งห้อยน้อย / 19 เม.ย. 2555 เวลา 01:33 น.
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคเจ้าพระองค์นั้น
ผู้ซึ่งไกลจากกิเลส ตรัสรู้ชอบด้วยพระองค์เอง
คนรวย ... ที่จนบุญ
๐ คนรวยยกตนอ้าง .... ขวางบุญ
ใช่บุญมาค้ำจุน .......... รวยนั่น
มรดกพ่อแม่หนุน ........ เกิดก่อ มั่งมี
มิเคยทำบุญนั้น .......... โชคช่วยบันดาล
๐ เพราะมิจฉาทิฏฐิเจ้า . ให้ผล
จิตจึ่งสู่อกุศล ............. กล่อมเจ้า
มิรู้ว่าเพราะกุศล .......... เจ้าสร้าง สมมา
จึงได้เสวยสุขเคล้า ...... โภคทรัพย์เนืองนอง
๐ เมื่อประมาทนี่นี้ ....... เข้าครอง
บุญใหม่บ่มีประคอง ..... เจ้าได้
ทรัพย์ที่ไหลเนืองนอง .. กลับสูญ สิ้นนา
ผลบุญนั้นหมดไซร้ ...... อกุศลวิบากครอง
******************
๐ คนรวยที่จิตมิ ........... ขวางบุญ
บุญก่อกุศลเพิ่มบุญ ...... ยิ่งแท้
ทาน ศีล ภาวนา หนุน .. ลาภยศ สักการ
กุศลวิบากส่งแล้ .......... ร่วมสร้างทางบุญ
เจริญในธรรม เจ้าค่ะ

# 2 / หิ่งห้อยน้อย / 22 เม.ย. 2555 เวลา 09:30 น.
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคเจ้าพระองค์นั้น
ผู้ซึ่งไกลจากกิเลส ตรัสรู้ชอบด้วยพระองค์เอง
ทางสว่างแห่งบุญ .. คนไม่มีเวลา
๐ บางคนยกงานอ้าง ..... เวลา
งานยุ่งพุ่งเจตนา ........... หลบนั่น
ยังไม่ถึงกาลจักพา ........ สะสม บุญเอย
จิตประมาทพลาดสะบั้น .. หลีกลี้หนีบุญ
๐ คนวุ่นที่จิตมิ ............ วุ่นวาย
สัทธามั่นมิคลาย .......... พุทธเจ้า
ทุกขณะจิตมิกราย ........ อกุศล ใดนา
ไตรรัตน์เนาอยู่เคล้า ..... จิตและวิญญาณ
๐ จิตนั้นตั้งมั่นพร้อม .... ในทาน
รู้จำแนกตามกาล ......... ยิ่งแล้ว
จับตระหนี่นี้ปหาน ........ จากจิต เจ้าเอย
ยินดีมิยอมแคล้ว ......... คลาดให้จากทาน
๐ สมาทานศีลมั่นใน .... วิญญา
ระวังกายวาจา ............ ทุกเมื่อ
สำรวมในสีลา ............ ปาฏิโมกข์
กลิ่นศีลซ่านอะเคื้อ ...... เฟื่องฟุ้งทวนลม
๐ สำรวมจิตตั้งไว้ ....... ในฌาน
ฌานก่อให้เกิดญาณ .... ยิ่งแกล้ว
สมาธิตั้งมั่นผลาญ ...... นิวรณ์ ห้าเอย
สามทางนี้บุญแก้ว ...... มิข้องเวลา
เจริญในธรรม เจ้าค่ะ

# 3 / หิ่งห้อยน้อย / 26 เม.ย. 2555 เวลา 00:13 น.
อนุโมทนากับคุณหิ่งห้อยน้อยด้วยครับ เห็นด้วยเป็นอย่างยิ่ง
คำว่าจน อ้างไม่ได้เลย ในบุญกิริยาวัตถุ 10 ประการ ทานเป็นแค่ประการเดียวเท่านั้นซ้ำ "อภัยทาน" ก็ไม่ต้องใช้เงิน ผู้อ้างเช่นนี้จะจนทั้งเงินจนทั้งบุญ (แล้วเค้าจะรวยไปได้มั๊ยเนี่ย)
บางคนรวย อ้างมรดก หารู้ไม่ว่ากำลังกินของเก่า(บุญเก่า)อยู่ มรดกย่อมมีเหตุปัจจัยหนุนนำมาในกาลก่อนที่เขาอาจไม่รู้เพราะไม่เชื่อเรื่องภพชาติ มิได้ลอยมาเฉยๆ จำได้ว่าวิปัสสนาญาณที่ 2 คือ ปัจจยปริคหญาณที่หมายถึงการรู้เหตุปัจจัยของนามรูป ถ้าเชื่อในพระรัตนตรัย(ไม่มีเหตุผลที่จะต้องไม่เชื่อนะครับเพราะการเชื่อในพระรัตนตรัยคือการเชื่อในความจริง)จะพอเทียบเคียงได้ว่า อะไรอะไร ไม่ได้ลอยมาเฉยๆ ย่อมต้องมีเหตุปัจจัยมาในกาลก่อนเสมอ
บางคนบอกว่าไม่มีเวลา ถ้ามีเวลาหายใจ ย่อมถือศีลได้ ย่อมเจริญภาวนาได้ กุศลสูงกว่าฝ่ายทานอีกนะครับ
# 4 / คืนถิ่น / 27 เม.ย. 2555 เวลา 11:35 น.
ขออนุโมทนาด้วยครับ...
# 5 / baimaingam / 15 พ.ค. 2555 เวลา 00:16 น.