ปุถุชนจะรู้ว่าใครเป็นพระอรหันต์ แลเป็นผู้เจริญอรหัตตมัคค ได้หรือไม่

 หิ่งห้อยน้อย   26 เม.ย. 2554

 
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคเจ้าพระองค์นั้น
                     ผู้ซึ่งไกลจากกิเลส ตรัสรู้ชอบด้วยพระองค์เอง




ปุจฉา ... ???

องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ตรัสถึง

๑.การที่บุคคลทั่วไปจะสามารถรู้ว่าภิกษุรูปใด หรือบุคคลใด
เป็นพระอรหันต์ หรือกำลังเจริญอรหัตตมัคคนั้นเป็นไปได้หรือไม่อย่างไร

๒. การมีศีล ความสะอาด กำลังใจของตน และปัญญา จะรู้ได้อย่างไร


เจริญในธรรม เจ้าค่ะ




 





วิสัชนา




๑. บุคคลธรรมดาที่ยังมีเหย้าเรือน ยังยินดีในกาม
ยากที่จะรู้ได้ว่าบุคคลใดเป็นพระอรหันต์
ยากที่จะรู้ได้ว่าบุคคลใดกำลังเจริญอรหัตมัคค


๒. จะรู้ว่าบุคคลใดมีศีล
พึงรู้ได้ด้วยการคบหา หรืออยู่ด้วยกัน
จะต้องใช้ระยะเวลานาน ไม่ใช่ระยะเวลาสั้น
จะต้องใช้การพิจารณาโดยแยบคาย โดยถ่องแท้
และคนมีปัญญาเท่านั้นจะทราบได้ ผู้มีปัญญาทรามไม่สามารถทราบได้


๓. จะรู้ว่าบุคคลใดหมดจด หรือเป็นคนสะอาด
พึงรู้ได้โดยการปราศรัย
จะต้องใช้ระยะเวลานาน ไม่ใช่ระยะเวลาสั้น
จะต้องใช้การพิจารณาโดยแยบคาย โดยถ่องแท้
และคนมีปัญญาเท่านั้นจะทราบได้ ผู้มีปัญญาทรามไม่สามารถทราบได้


๔. จะรู้ว่าเกิดกำลังใจ
พึงรู้ได้เมื่อเกิดอันตรายแก่ตน
จะต้องใช้ระยะเวลานาน ไม่ใช่ระยะเวลาสั้น
จะต้องใช้การพิจารณาโดยแยบคาย โดยถ่องแท้
และคนมีปัญญาเท่านั้นจะทราบได้ ผู้มีปัญญาทรามไม่สามารถทราบได้


๕. จะรู้ว่าบุคคลใดมีปัญญา
พึงรู้ได้โดยการสนทนาโต้ตอบ พูดคุย ปรึกษาหารือ
จะต้องใช้ระยะเวลานาน ไม่ใช่ระยะเวลาสั้น
จะต้องใช้การพิจารณาโดยแยบคาย โดยถ่องแท้
และคนมีปัญญาเท่านั้นจะทราบได้ ผู้มีปัญญาทรามไม่สามารถทราบได้


***************************
ปราศรัย หมายถึง
การพูดด้วยไมตรีจิต, เป็นการแสดงอัชฌาสัยในระหว่างผู้ใหญ่ต่อผู้น้อยหรือผู้ที่เสมอกัน


เจริญในธรรม เจ้าค่ะ













[๑๓๓] ดูกรมหาบพิตร
มหาบพิตรเป็นคฤหัสถ์ บริโภคกาม ทรงครองฆราวาสอันคับคั่งด้วยพระโอรสและพระมเหสีอยู่
ทรงใช้สอยผ้าแคว้นกาสีและจันทน์อยู่ ทรงทัดทรงดอกไม้ ของหอม และเครื่องประเทืองผิวอยู่
ทรงยินดีเงินและทองอยู่ ยากที่จะทรงทราบได้ว่า ท่านเหล่านี้เป็นพระอรหันต์ หรือว่า
ท่านเหล่านี้บรรลุอรหัตตมรรค ฯ


ดูกรมหาบพิตร


ศีล .....
พึงทราบได้ด้วยการอยู่ร่วมกัน
และศีลนั้นแลพึงทราบได้โดยกาลนาน ไม่ใช่โดยกาลนิดหน่อย
เมื่อมนสิการพึงทราบได้ ไม่มนสิการไม่พึงทราบ
ผู้มีปัญญาพึงทราบได้ ผู้มีปัญญาทรามไม่พึงทราบ ฯ


ความเป็นผู้สะอาด .....
พึงทราบได้ด้วยการปราศรัย
และความเป็นผู้สะอาดนั้นแลพึงทราบได้โดยกาลนาน ไม่ใช่โดยกาลนิดหน่อย
มนสิการพึงทราบได้ ไม่มนสิการไม่พึงทราบ
ผู้มีปัญญาพึงทราบได้ ผู้มีปัญญาทรามไม่พึงทราบ ฯ


กำลังใจ .....
พึงทราบได้ในเพราะอันตราย
และกำลังใจนั้นแลพึงทราบได้โดยกาลนาน ไม่ใช่โดยการนิดหน่อย
มนสิการพึงทราบได้ ไม่มนสิการไม่พึงทราบ
ผู้มีปัญญาพึงทราบได้ ผู้มีปัญญาทรามไม่พึงทราบ ฯ


ปัญญา .....
พึงทราบได้ด้วยการสนทนา
ก็ปัญญานั้นแลพึงทราบได้โดยกาลนาน ไม่ใช่โดยการนิดหน่อย
มนสิการพึงทราบได้ ไม่มนสิการไม่พึงทราบ
ผู้มีปัญญาพึงทราบได้ ผู้มีปัญญาทรามไม่พึงทราบ ฯ



เจริญในธรรม เจ้าค่ะ







กราบนมัสการท่านยะมุนีและท่านอิทธิครับ กราบสวัสดีท่านผู้อาวุโสทุกท่านครับ

โอกาสดีได้มีข้อแตกต่าง
พินิจกว้างให้เห็นเป็นไฉน
ว่าคนพาลกับบัณฑิตเป็นเช่นไร
ต่างตรงไหนในมโนทวารา

จักอ่านเพียงชั่วครู่แค่ดูผ่าน
ให้จบไปอย่างเร็วนั้นไม่ยากหนา
แต่หากอ่านแบบพิจารณา
ได้ปัญญาประดับจิตคิดสำคัญ

แค่อ่านเพียงชั่วครู่ก็รู้ว่า
พระวาจาในบทกลอนที่สอนนั้น
แทรกปัญญาไว้ในคำประพันธ์
สิ่งสำคัญอ่านแล้วคิดให้ติดตา

ด้วยรีบร้อนจึงขอจำนำไปใช้
แม้วันหลังมาได้จะตามหา
อ่านอักษรย้อนพินิจพิจารณา
เหมือนดังว่าเป็นนกน้อยคอยหัดบิน

เสียดายมากที่ต้องรีบไป วันหลังจะมาเฟ้นนะครับ เรื่องดีๆทั้งนั้น(รอผมด้วย...แม้ต้องรั้งท้ายก็ไม่อยากหายไปจากเส้นทางตามรอยบาทพระศาสดา)

อนุโมทนาครับผม

กลอนผิดเพียบเลย ผมมัวแต่แก้ตรงสัมผัสระหว่างบทอยู่ มีบางจุดแปลกไปหรือเปล่าก็ไม่รู้หากตรงไหนแปลกขออภัยด้วยนะครับ ต่างจังหวัดถ้าเลย 18.00 ถือว่า critical แล้ว เดี๋ยวต้องไปซื้อกาวตาช้าง ไปก่อนนะครับ ต้องมาอ่านอีกแน่นอน




จะตัดสินว่าใครเป็นอรหันต์ไม่ใช่ดูที่ตอนเผาศพกระดูกเป็นพระธาตุนะจะบอกให้ พระอรหันต์ที่กระดูกไม่เป็นพระธาตุก็มี แล้วยุคนี้ พ.ศ. นี้ยังมีพระธาตุของท่านใดที่เป็นอรหันต์บ้างไหม ..น่าคิด ?ไม่อยากทะเลาะกับใครแต่อยากให้ไปค้นคว้าในพระวินัย เล่ม ๙ ฉบับมหามกุฏฯ ดูเอานะ จะได้คำตอบ




 เปิดอ่านหน้านี้  5573 

  แสดงความคิดเห็น



จีรัง กรุ๊ป    

 ธรรมะไทย