วัดศรีมงคลใต้ มุกดาหาร





วัดศรีมงคลใต้ มุกดาหาร พระอารามหลวง ชั้นตรี สังกัดคณะสงฆ์ : มหานิกาย
วันตั้งวัด : พ.ศ. 2285
วันรับวิสุงคามสีมา : พ.ศ. 2331


วัดศรีมงคลใต้ ตั้งอยู่ริมแม่น้ำโขงในตัวเมืองมุกดาหาร ภายในพระอุโบสถประดิษฐานพระเจ้าองค์หลวงพระพุทธรูปก่ออิฐถือปูน เป็นพระพุทธรูปคู่บ้านคู่เมืองสร้างขึ้นก่อนตั้งเมืองมุกดาหาร พระเจ้าองค์หลวงเป็นพระประธานปางมารวิชัย หน้าตักกว้าง 2 เมตร 20 เซนติเมตร ความสูงจากฐาน 3 เมตร วัสดุก่ออิฐถือปูนศิลปะล้านช้าง นับเป็นพระพุทธรูปเก่าแก่คู่บ้านคู่เมืองของจังหวัดมุกดาหาร

ส่วนพระพุทธรูปองค์เล็กนั้นกลับปาฏิหาริย์ไปอยู่ใต้ต้นโพธิ์ดังเดิม เป็นเช่นนี้อยู่หลายครั้งทางวัดจึงได้สร้างแท่นบูชาไว้ ต่อมาตลิ่งริมแม่น้ำทรุดตัวลง พระเหล็กก็ทรุดจมลงจนเห็นพระเมาลี ชาวบ้านจึงสร้างแท่นหินครอบพระเกศนั้นไว้ เรียกกันว่าพระหลุบเหล็ก ภายหลังได้ถูกน้ำเซาะทรายหายไปเหลือแต่แท่นหินเท่านั้น บานแท่นหินตั้งอยู่ตรงทางขึ้นพระวิหาร

พระเจ้าองค์หลวงเป็นที่เคารพเลื่อมใสศรัทธาของชาวมุกดาหารและชาวพุทธศาสนิกชนทั่วไปเป็นที่เลื่องลือทั้งในด้านความศักดิ์สิทธิ์และพุทธานุภาพคุ้มครองให้ผู้สักการะบูชาอยู่เย็นเป็นสุข แคล้วคลาดจากภัยอันตรายทั้งปวงตลอดจนช่วยดลบันดาลให้ได้รับความสำเร็จในสิ่งที่ปรารถนาในทางที่ดีงาม

วัดศรีมงคลใต้เป็นวิหารขนาดใหญ่ ก่ออิฐถือปูนตั้งอยู่บนฐานนี้ไม่สูงนัก หลังคาเป็นหลังคาจั่วลดชั้น สร้างเมื่อ พ.ศ. 2313 ภายในวิหารประดิษฐานพระเจ้าองค์หลวง หันหน้าลงสู่แม่น้ำโขง ด้านหน้าจั่วของวิหารตกแต่งด้วยลาย ปูนปั้นสลักลายต่างๆ ที่เสาและผนังด้านข้างมีคันทวยไม้แกะสลักเป็นลายดอกไม้สวยงามมาก มีบันไดทางขึ้นวิหาร 3 ทางคือด้านหน้า 1 ทางเป็นประตูสำคัญบ้านประตูเป็นไม้แกะสลัก เหนือประตูเป็นรูปสัตว์ในเทพนิยาย ข้างบันไดหน้าวิหารมีรูปราสีห์ สิงห์ ยักษ์ ส่วนหน้าต่างเจาะเป็นช่องสี่เหลี่ยมมีเฉพาะที่ผนังด้านข้างเท่านั้น

ประวัติ
วัดศรีมงคลใต้ มีประวัติเล่าว่าเมื่อกรุงศรีอยุธยาเสียแต่พม่า ผู้คนได้พากันทิ้งถิ่นฐานอพยพครอบครัวลงมาหาที่สร้างบ้านเมืองใหม่เจ้าจันทสุริยวงศ์ ได้พาผู้คนไปตั้งถิ่นฐานที่ฝั่งซ้ายของแม่น้ำโขงที่บ้านโพนศรี บริเวณพระธาตุอิงฮัง ปัจจุบันอยู่ในแขวงสะหวันนะเขต ประเทศลาว ต่อมาโอรสคือเท้ากินรีพาชาวบ้านมาสร้างเมืองที่ปากห้วยมุกฝั่งตรงข้าม ได้พบพระพุทธรูป 2 องค์ อยู่ใต้ต้นโพธิ์ริมฝั่งโขง บริเวณวัดร้างใกล้ตาลเจ็ดยอด

พระพุทธรูปสององค์ที่พบนั้นองค์ใหญ่สร้างด้วยสำริดศิลปตระกูลพระรไชยเชษฐาธิราชแห่งล้านช้าง ส่วนองค์เล็กเป็นเหล็กผสม ท้าวกินรีได้อัญเชิญพระพุทธรูปทั้งสององค์ประดิษฐานในพระวิหารองค์ใหญ่เรียกกันว่าพระเจ้าองค์หลวง ตามตำนานเล่าว่าเมื่อพฤษภารา 2310 ขณะที่เจ้ากินรีคุมบ่าวไพร่ถากถางอยู่ใกล้ต้นตาลเจ็ดยอด เมื่อครั้งสร้างเมืองใหม่นั้นได้พบกับดูรูปสององค์ องค์ใหญ่เป็นพระพุทธรูปก่ออิฐถือปูน องค์เล็กเป็นพระพุทธรูปเหล็กอยู่ใต้ต้นโพธิ์ เจ้ากินนารีจึงสร้างวัดขึ้นบริเวณนั้น เพื่อประดิษฐานพระพุทธรูปทั้งสององค์

วันหนึ่งเมื่อพระภิกสุประจำวัดเข้าไปสักการะ ปรากฏว่าไม่พบพระพุทธรูปเหล็กเมื่อค้นดูรอบๆ บริเวณวัดพบว่าพระพุทธรูปเหล็กไปประดิษฐานอยู่ใต้ต้นโพธิ์ตามเดิมและจมลงในดินเหลือแต่ยอดพระเมารีเป็นที่น่าอัศจรรย์ เจ้ากินรีจึงสร้างแท่นสักการะบูชาไว้ ณ ที่นั้น และถวายนามว่าพระหลุบเหล็ก ส่วนพระพุทธรูปองค์ใหญ่ประดิษฐานอยู่ ในวิหารเรียกนามว่า พระเจ้าองค์หลวง เป็นพระพุทธรูปคู่บ้านคู่เมืองมุกดาหารนับแต่นั้นมา ครั้งถึง พ.ศ. 2321 เมื่อกรุงธนบุรีได้รวบรวมหัวเมืองในสองฝั่งโขงให้รวมอยู่ในข้าขอบขัณฑสีมา จึงโปรดเกล้าฯ ให้เจ้าจันทกินนารีเป็นพระยาจันทรศรีสุราชอุปราชอุปราชามันธาตุราช เจ้ามือมุกดาหารคนแรก

วัดศรีมงคลเป็นสถานที่กระทำพิธีดื่มน้ำพิพัฒน์สัตยาประจำปีของเมืองมุกดาหาร ต่อมาเมื่อมีวัดฝ่ายธรรมยุตตั้งพื้นอีกวัดหนึ่งในเขตตำบลสรีมงคล จึงเรียกวัดที่ตั้งขึ้นใหม่ว่าวัดศรีมงคล(เหนือ) และเรียกวัดศรีมงคลเดิมว่า วัดศรีมงคล(ใต้) ซึ่งเป็นอารามหลวงชั้นตรีชั้นวรวิหาร

- สิ่งสำคัญคู่วัด -
• พระเจ้าองค์หลวง , พระพลุบเหล็ก •



อุโบสถหรือสิมโถงก่อผนังยกพื้นสูง ก่ออิฐถือปูนทรงเตี้ยแจ้ หลังคา 2 ชั้น ประกอบด้วย ช่อฟ้า (โหง่) หางหงส์ ใบระกา ใช้สีฉูดฉาดตกแต่งให้สวยงาม มีประตู หน้าต่าง มีชานมุขยื่นออกมาด้านหน้าโบสถ์ มีบันไดขึ้นด้านข้าง 2 ข้าง ภายสิมในประดิษฐาน พระเจ้าองค์หลวง ซึ่งเป็นพระพุทธรูปองค์ใหญ่และองค์เล็กนามว่า พระหลุบเหล็ก



พระเจ้าองค์หลวง พระประธานในพระอุโบสถ



ซุ้มประตูทางเข้าวัดทิศเหนือ



บรรยากาศริมแม่น้ำโขง หน้าวัด



ศาลาแท่นสักการะพระหลุบเหล็ก ใต้ต้นโพธิ์




10,986







จีรัง กรุ๊ป    

 ธรรมะไทย