สิ่งที่เราพอใจ ไม่พอใจ และรู้สึกเฉยๆ ล้วนเปลี่ยนแปลง แล้วหากทุกสิ่งเปลี่ยนแปลง สิ่งเหล่านั้นจะเป็นตัวเราจริงๆ ได้อย่างไร
ในโลกปัจจุบันที่เน้นความเป็นตัวของตัวเองในการตัดสินใจเรื่องต่างๆ ความพอใจและไม่พอใจของแต่ละคนกลายเป็นเรื่องสำคัญมากกว่าแต่ก่อน ทุกวันนี้ หลายคนนิยามตัวเองตามสิ่งที่ชอบและไม่ชอบ อันที่จริง การนิยามตัวเองในลักษณะนี้ก็มีอยู่แต่ไหนแต่ไรไม่มากก็น้อย
ในปฐมเทศนา พระพุทธองค์ตรัสถึงทุกข์อันเกิดจากความพลัดพรากจากสิ่งที่รักและการประสบกับสิ่งที่ไม่รัก ถ้าเรามองโลกด้วยกรอบของสิ่งที่เราพอใจ ไม่พอใจและเฉยๆ มากเกินไป จิตของเราจะคับแคบและอับจน ความพอใจหล่อเลี้ยงโลภะ ความไม่พอใจขยายโทสะ และความรู้สึกเฉยๆ ปลูกสร้างโมหะให้จิตทื่อและแข็งกระด้าง
ทว่า สิ่งที่เราพอใจ ไม่พอใจ และรู้สึกเฉยๆ ล้วนเปลี่ยนแปลง แล้วหากทุกสิ่งเปลี่ยนแปลง สิ่งเหล่านั้นจะเป็นตัวเราจริงๆ ได้อย่างไร แม้กระทั่งเวลาอยู่ในอารมณ์พอใจ ไม่พอใจและเฉยๆ ถ้าเราสังเกตอย่างละเอียดก็จะได้ผลที่น่าสนใจมาก
ลองเฝ้าดูความรู้สึกที่เกิดขึ้นในแต่ละขณะ เช่น ตอนที่เรากำลังเพลิดเพลินกับสิ่งที่พอใจ อย่างการกินอาหารที่เอร็ดอร่อย ถ้าเราเฝ้าดูโดยไม่คิดอะไรล่วงหน้า อาจเห็นว่ามีความรู้สึกที่เป็นกลางๆ มากกว่าที่คิด บางคราวอาจเป็นความรู้สึกไม่พอใจเสียด้วยซ้ำ
ความสัมพันธ์ระหว่างความชอบกับสุขเวทนามิใช่ว่าจะตรงไปตรงมา ความคิดเรื่องความพอใจ ไม่พอใจและความรู้สึกเฉยๆ อาจบดบังและบิดเบือนประสบการณ์ชีวิตเราได้ การปลูกฝังความสนใจใคร่รู้และฉันทะในการพิจารณาจิตใจของเราในปัจจุบันขณะ คือ หนทางแห่งการตื่นรู้
ธรรมะคำสอน โดย พระอาจารย์ชยสาโร