ผู้ภาวนาควบคุมใจตนเสมอไป : หลวงปู่เหรียญ วรลาโภ

 จำปาพร  

 พระอาจารย์เหรียญ วรลาโภ
วัดอรัญญบรรพต
อ.ศรีเชียงใหม่ จ.หนองคาย

...

ผู้ใดฟังธรรมแล้วจำบทธรรมคำสอน
ที่ท่านนำมาแสดงให้ฟัง แล้วพิจารณาเห็นแจ้งในใจของตน
เกิดปีติปราโมทย์ขึ้นในใจ อันนั้นน่ะเป็น "กุศลอย่างแรง"
ได้ชื่อว่าเป็น "ผู้บำเพ็ญกุศลทางจิตใจ" ให้เข้าใจ
ไม่ใช่ไม่เป็นบุญนะการที่เราเห็นแจ้งในธรรมแล้วเราเลื่อมใส
เราเชื่อว่าเป็นทางพ้นทุกข์ได้จริงๆ อย่างนี้นะ
มันก็ได้บุญกุศลอย่างมากมายนะ
มันเป็นอย่างนั้น
เพราะว่าเป็นอุบายที่ทำใจให้สงบเยือกเย็นนี้นะ
ใจไม่ไปเกาะไปข้องอยู่เรื่องภายนอก
มันยินดีอยู่ธรรมภายในจิตใจ อันนี้สำคัญมากทีเดียว

อย่างที่พูดมาแล้วบ๊อยบ่อย
คนทั้งคนก็มี "จิตดวงเดียว" เท่านี้แหละเป็นแก่น
เราทำความดีอะไรๆก็เพื่อจิตดวงนี้ ถ้าจะพูดด้วยเหตุผลแล้ว
การเราทำบุญกุศลทำความดีต่างๆก็เพื่อให้เกิดเป็น "กำลังในใจ"
ให้ใจมันเข้มแข็ง ตั้งมั่น มันจะได้ต่อสู้กับกิเลสที่มันรบกวนมา

เมื่อเรามีบุญคุณเป็นกำลังใจอย่างเข้มแข็งแล้วเช่นนี้
กิเลสตัณหามันกำเริบขึ้นมา มันจะรบกวนจิตใจ
ฟุ้งซ่านเลื่อนลอยไปให้เบื่อหน่ายบุญกุศลอย่างนี้มันจะไม่เบื่อหน่าย
จะไม่ไปตามอำนาจของกิเลสในเมื่อใจมีบุญมีคุณเป็นที่พึ่งแล้วนะ
มันเข้มแข็ง ไม่อ่อนแอ ให้สังเกตดูจิตใจของตนทุกคน
ว่าตนมีกำลังใจอยู่ด้วยบุญด้วยคุณ เข้มแข็งอยู่หรือเดี๋ยวนี้
หรือว่าใจมันอ่อนแอท้อแท้ยังไงน่ะ

นี่ทุกคนต้องสังเกตดูจิตใจของตน
เมื่อสังเกตดูมันก็รู้ได้ นั่นแหละ รู้ได้แหละใจใครใจเรา

แต่คนส่วนมากมันไม่มองดูจิตใจตัวเอง
มีแต่ "ผู้ภาวนา" เท่านั้นที่จะมองเห็นจิตใจตัวเอง
จะควบคุมจิตของตนเองเสมอ ๆ ไป ผู้ภาวนามันต้องเป็นอย่างนั้น
ไม่ว่ากลางวันกลางคืน ยืน เดิน นั่ง นอน ก็ต้องมี "สติสัมปชัญญะ"
ควบคุมจิต ประคองจิตที่เป็นปกติอยู่แล้วให้เป็นปกติสม่ำเสมอไป

อย่าให้มันขึ้นลงสูงต่ำไปตามอารมณ์ภายนอกต่างๆนั้นนะ
ให้มันตั้งมั่นอยู่ใน"พุทโธคุณ" อย่างเดียว
ผู้ใดนึกพุทโธเป็นอารมณ์ ก็ให้ใจมันตั้งมั่นอยู่ในพุทโธคุณอันนั้น

...

ส่วนหนึ่งจากพระธรรรมเทศนาหัวข้อ
"เหตุปัจจุบันของชีวิต"  

5,583







จีรัง กรุ๊ป    

 ธรรมะไทย