"กายวิเวก จิตวิเวก อุปวิเวก ญาณทัศนะ" (หลวงปู่ขาว อนาลโย)

 วิริยะ12  


 "กายวิเวก จิตวิเวก อุปวิเวก ญาณทัศนะ"

" .. "อานิสงส์การรักษาอุโบสถท่านพรรณนาไว้ไม่มีที่สิ้นสุด" ได้ชื่อว่าออกจากกองไฟ "ไฟอะไรล่ะจะมาร้อนกว่าไฟธรรมดา ก็มีกามนั่นแหละ" เป็นต้นเหตุ อันนี้ออกมาจากกาม พวกเราออกมาทำความสงบจิตใจชั่วครั้งชั่วคราว ได้ออกมาจากเครื่องกังวล "คือได้ กายวิเวก กายไม่ฆ่าสัตว์" ไม่เบียดเบียนหยังด้วยกายวิเวก

"เมื่อมันได้กายวิเวกแล้ว" มันจะเป็นเหตุให้ "จิตวิเวก" จิตสงบสงัดจากอารมณ์ทั้งหลาย สงัดจากกามฉันทะ จากพยาบาท จากถีนะมิทธะ จากอุทัจจะกุกุจจะ ฯ สงัดจากวิจิกิจฉา ความสงสัยลังเล ไม่เชื่อใจ ไม่ตกลงใจ นี่เมื่อได้กายวิเวก ก็เป็นเหตุให้เกิดจิตวิเวก

"เมื่อได้จิตวิเวกแล้ว" จะเป็นเหตุให้เกิด "อุปธิวิเวก" อุปธิวิเวกก็คือ ความที่มีจิตแน่วแน่ลงไปถึงอัปปนาสมาธิ อัปนาฌานแน่นแฟ้น เมื่ออุปธิวิเวกเกิดขึ้นแล้ว มันจะเกิดความรู้ขึ้นคือ "ญาณทัสสนะ" ญานัง-ความรู้ ทัสสนะ-ความเห็น "ญาณทัสสนะ ความรุ้เห็นตามความเป็นจริงของอัตภาพร่างกาย" สังขารเป็นอย่างไร

"เมื่อได้อุปธิวิเวกแล้ว" มันจะเห็นสังขารร่างกายของตนเป็นของแตกของพังของทำลาย แล้วร่างกายของตนนี่เป็นภัย เป็นอสรพิษเบียดเบียนตนทุกค่ำเช้า ทุกวันทุกคืนทุกปีทุกเดือน เป็นภัยใหญ่แล้วร่างกายนี้มันเป็นโทษ

อันนี้แหละเรียกว่า "นำความเห็น ทัสสนัง ครั้นรู้ว่าร่างกายเป็นอย่างนี้แล้ว" เราเข้าใจว่าแม่นของเราแต่มันเป็นอื่น มันไม่ไว้ท่าเราสักหน่อย ไม่อยากให้มันแก่ มันเจ็บมันก็ไม่ฟัง ถ้าเป็นของเรา มันต้องฟังเรา อันนี้มันบ่ฟัง "จึงว่ามันเป็นอนัตตา แล้วเป็นอนิจจัง เป็นทุกขัง" .. "

"อนาลโยวาท"
หลวงปู่ขาว อนาลโย
 

5,591







จีรัง กรุ๊ป    

 ธรรมะไทย