วัดพระพุทธบาทตากผ้า เป็นพระอารามหลวงชั้นตรีชนิดสามัญ ตั้งอยู่บนเนินเล็กๆ ในตำบลมะกอก อำเภอป่าซาง จังหวัดลำพูน เป็นวัดเก่าแก่ที่มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์และเป็นศูนย์กลางการศึกษาพระปริยัติธรรมและการปฏิบัติธรรมที่สำคัญในภาคเหนือ
ประวัติและตำนาน:
• สมัยพุทธกาล: ตามตำนานเล่าว่า ในอดีตสมัยที่สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้ายังทรงพระชนม์อยู่ พระองค์ได้เสด็จมาโปรดเวไนยสัตว์ในดินแดนสุวรรณภูมิ (ประเทศไทยในปัจจุบัน) และเมื่อเสด็จมาถึงบริเวณวัดพระพุทธบาทตากผ้าในปัจจุบัน ซึ่งเป็นผาลาด ได้ทรงอธิษฐานประทับรอยพระพุทธบาทไว้บนพื้นศิลาใหญ่ เพื่อเป็นที่สักการบูชาของมวลเทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย
• ที่มาของชื่อ "ตากผ้า": นอกจากรอยพระพุทธบาทแล้ว พระพุทธองค์ยังได้ตรัสให้พระอานนท์พุทธอนุชานำผ้าจีวรไปตากบนผาลาดใกล้บริเวณที่ประทับ ซึ่งปรากฏเป็นรูปรอยตารางคล้ายตาจีวรเลือนรางอยู่ ด้วยเหตุนี้ วัดแห่งนี้จึงได้ชื่อว่า "วัดพระพุทธบาทตากผ้า" มาจนถึงทุกวันนี้ (ปัจจุบันทางวัดได้จัดทำรอยตากผ้าจำลองขึ้น)
• การบูรณะและพัฒนา:
o พุทธศตวรรษที่ 13: พระนางจามเทวี ปฐมกษัตริย์แห่งนครหริภุญชัย ทรงเป็นองค์อุปถัมภ์ให้สร้างมณฑปครอบรอยพระพุทธบาทเพื่อเป็นพุทธบูชา
o พ.ศ. 2375: มีพระเถระหลายรูป โดยมีครูบาป๋า ปารมี วัดสะปุ๋งหลวง เป็นประธาน พร้อมด้วยทายก ทายิกา ได้ก่อสร้างพระวิหารหลังใหญ่ครอบมณฑปไว้อีกชั้นหนึ่ง
o พ.ศ. 2472: ครูบาเจ้าศรีวิชัย นักบุญแห่งล้านนาไทย ได้รับอาราธนาจากคณะสงฆ์จังหวัดลำพูนและประชาชน ให้เป็นประธานในการก่อสร้างวิหารจัตุรมุขครอบรอยพระพุทธบาทจนสำเร็จ
o พ.ศ. 2486: พระญาณมงคล เจ้าคณะจังหวัดลำพูน ได้อาราธนาท่านครูบาพรหมา พฺรหฺมจกฺโก (พระสุพรหมยานเถร) วัดป่าหนองเจดีย์ มาเป็นประธานอำนวยการก่อสร้างและดูแลกิจการของวัด
o พ.ศ. 2502: ท่านครูบาพรหมา ได้เริ่มพัฒนาวัดอย่างเต็มที่ โดยการก่อสร้างและซ่อมแซมถาวรวัตถุต่างๆ เช่น ต่อเติมยอดมณฑปของพระวิหารจตุรมุข ก่อสร้างพระอุโบสถ ศาลาการเปรียญ กุฏิแถว โรงเรียนพระปริยัติธรรม กำแพงวัด และอื่นๆ
ที่ตั้ง:
วัดพระพุทธบาทตากผ้า ตั้งอยู่บนเนินเล็กๆ ระหว่างดอยม่อนช้างกับดอยเครือ ในตำบลมะกอก อำเภอป่าซาง จังหวัดลำพูน ห่างจากตัวเมืองลำพูนไปทางทิศใต้ประมาณ 22 กิโลเมตร สามารถเดินทางเข้าถึงได้สะดวกทั้งรถยนต์ส่วนตัว และสามารถเดินขึ้นไปยังเจดีย์ด้านบนเขาทางบันไดนาค หรือขับรถอ้อมขึ้นไปก็ได้
ความสำคัญในปัจจุบัน:
ปัจจุบัน วัดพระพุทธบาทตากผ้าเป็นศูนย์กลางที่สำคัญของการศึกษาพระปริยัติธรรม ทั้งแผนกนักธรรมและบาลีของพระภิกษุสามเณรในภาคเหนือ นอกจากนี้ ทางวัดยังได้จัดให้มีการปฏิบัติธรรมควบคู่ไปกับการศึกษา โดยจัดตั้งสำนักวิปัสสนากรรมฐานขึ้น เพื่อเป็นที่ปฏิบัติธรรมสำหรับพระภิกษุสามเณร อุบาสก อุบาสิกา และผู้สนใจทั่วไป
กิจกรรมและประเพณีที่น่าสนใจ:
วัดพระพุทธบาทตากผ้ามีการจัดประเพณีและกิจกรรมสำคัญต่างๆ เช่น ประเพณีสรงน้ำพระบรมสารีริกธาตุรอยพระพุทธบาทและรอยตากผ้า ซึ่งจะมีพิธีทำบุญตักบาตร การแสดงวัฒนธรรมล้านนา การแสดงกลองบูชา กลองสะบัดชัย การฟ้อนเล็บ การจัดขบวนแห่น้ำสรงพระราชทาน และขบวนแห่ครัวทาน
วัดพระพุทธบาทตากผ้าจึงเป็นอีกหนึ่งสถานที่สำคัญทางพุทธศาสนาและประวัติศาสตร์ที่ไม่ควรพลาดเมื่อมาเยือนจังหวัดลำพูน.
• พระธาตุเจดีย์สี่ครูบาฯ
พระเดชพระคุณพระสุพรหมยานเถระ (ท่านครูบาพรหมา พฺรหฺมจกฺโก) ได้ปรารภให้ศิษย์ทั้งหลายฟังตั้งแต่ปี พ.ศ.๒๕๒๐ ว่าควรจะสร้างพระธาตุเจดีย์สักองค์บนยอดดอยเครือ ซึ่งเป็นดอยที่ตั้งอยู่หลังวัดพระพุทธบาทตากผ้า และได้ปรารภอีกหลายครั้ง อันแสดงถึงความตั้งใจที่จะสร้างพระธาตุเจดีย์บนดอยเครือ เพื่อเป็นที่ประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุ โดยท่านได้กล่าวไว้ว่า เมื่อมองแต่ไกลสามารถมองเห็นยอดเจดีย์ให้ตรงกับยอดมณฑปวิหารจตุรมุข มีบันไดทอดขึ้นไปสู่พระเจดีย์ก็จะเกิดความสวยงามเป็นอย่างยิ่ง และครั้งสุดท้ายท่านครูบาฯ ก็ได้ปรารภที่จะสร้างและให้รีบดำเนินการขอเช่าดอยเครือจากกรมป่าไม้ให้เรียบร้อย ก่อนที่จะถึงมรณภาพเพียงสองวัน คือในวันที่ ๑๗ สิงหาคม พ.ศ.๒๕๒๗ อันเป็นวันมรณภาพของท่านครูบาพรหมา พฺรหฺมจกฺโก
คณะศิษยานุศิษย์ทั้งหลายโดยมี หลวงพ่อท่านพระครูเวฬุวันพิทักษ์ (พระมหาเขื่อนคำ อตฺตสนฺโต) เจ้าอาวาสวัดพระพุทธบาทตากผ้ารูปที่ ๒ ได้สนองเจตนารมณ์ของท่านครูบาฯ ท่านรับเป็นประธานในการก่อสร้าง ออกแบบแปลน และหาทุนทรัพย์ในการก่อสร้าง โดยคำนึงถึงความสวยงาม และประโยชน์ใช้สอยอย่างสูงสุด รูปแบบสถาปัตยกรรมของพระธาตุ ๔ ครูบา ได้นำแบบมาจากโบราณสถานซึ่งกอร์ปด้วยศิลปะอันทรงคุณค่าหลายแห่งเข้าด้วยกัน ดังนี้
๑.องค์พระเจดีย์ ได้นำรูปแบบมาจากพระธาตุหริภุญชัย จังหวัดลำพูน มีลักษณะเป็นรูปทรงระฆังแบบล้านนา ที่สวยงาม ห่อหุ้มทองแดง (ทองจั๋งโก๋) ก่อนปิดทองจริง
๒.ซุ้มใหญ่ภายใน ได้นำรูปแบบมาจากพระบรมธาตุศรีจอมทอง จังหวัดเชียงใหม่ และแบบพระเจ้าล้านทองจังหวัดลำปาง
๓.ซุ้มประตูเข้าสู่ลานพระเจดีย์ ได้นำรูปแบบมาจากซุ้มประตูวัดพระธาตุลำปางหลวง จังหวัดลำปาง ประตูใช้ไม้สักทอง แกะสลักลวดลายอย่างสวยงาม
ส่วนยอดของพระเจดีย์ ได้บรรจุของมีค่าเพื่อถวายเป็นพุทธบูชา ในส่วนทรงระฆัง ด้านบนได้บรรจุพระบรมสารีริกธาตุ
ส่วนฐานของเจดีย์ เป็นทรงระฆังใหญ่ มีประตูเข้าทั้ง ๔ ด้าน ข้างในเป็นโถงใหญ่ ตั้งมณฑปตรงกลางภายใน ได้ประดิษฐานรูปหล่อของ ๔ ครูบาไว้ ทิศละรูป พร้อมบรรจุอัฐิของแต่ละท่านครูบาไว้ในองค์รูปหล่อเหมือนของแต่ละรูปด้วย อันเป็นที่มาของชื่อ “พระธาตุเจดีย์ ๔ ครูบา” ซึ่ง ๔ ครูบา ประกอบด้วย
ทิศตะวันออก ประดิษฐานรูปหล่อของ ท่านครูบาพ่อเป็ง โพธิโก (บิดา) วัดป่าหนองเจดีย์ อ.ป่าซาง จ.ลำพูน ชาตะ พ.ศ. ๒๔๐๕ มรณภาพ พ.ศ. ๒๔๙๕ สิริอายุได้ ๙๐ ปี พรรษา ๒๘
ทิศใต้ ประดิษฐานรูปหล่อของ พระเดชพระคุณพระสุธรรมยานเถร (ท่านครูบาอินทจักรรักษา) (พระพี่ชาย) วัดวนารามน้ำบ่อหลวง อ.สันป่าตอง จ.เชียงใหม่ ชาตะ พ.ศ.๒๔๓๙ มรณภาพ พ.ศ.๒๕๒๑ สิริอายุได้ ๘๒ ปี พรรษา ๖๒
ทิศเหนือ ประดิษฐานรูปหล่อของ พระเดชพระคุณพระสุพรหมยานเถร (ท่านครูบาพรหมา พฺรหฺมจกฺโก) วัดพระพุทธบาทตากผ้า อ.ป่าซาง จ.ลำพูน ชาตะ พ.ศ.๒๔๔๑ มรณภาพ พ.ศ.๒๕๒๗ สิริอายุได้ ๘๗ ปี พรรษา ๖๗
ทิศตะวันตก ประดิษฐานรูปหล่อของ ท่านพระครูสุนทรคัมภีรญาณ (ท่านครูบาคัมภีระ) (พระน้องชาย) วัดพระธาตุดอยน้อย อ.ดอยหล่อ จ.เชียงใหม่ ชาตะ พ.ศ.๒๔๔๓ มรณภาพ พ.ศ.๒๕๐๓ สิริอายุได้ ๖๐ ปี พรรษา ๔๐
ความดำริของท่านครูบาพรหมา พฺรหฺมจกฺโก ได้สำเร็จสมดังความปรารถนาทุกประการ และสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาสยามบรมราชกุมารี ได้เสด็จมายกยอดฉัตรพระเจดีย์ เมื่อวันที่ ๑๕ กุมภาพันธ์ พ.ศ.๒๕๓๑ เวลา ๙.๐๐ น.
• วิหารจตุรมุข
• ภายในพระวิหารจตุรมุข
สถานที่ประดิษฐานรอยพระพุทธบาท