ลักษณะของคนหลงคนเมา : หลวงปู่เหรียญ วรลาโภ

 จำปาพร  

พระอาจารย์เหรียญ วรลาโภ
วัดอรัญญบรรพต
อ.ศรีเชียงใหม่ จ.หนองคาย

...

การที่ปล่อยจิตให้ความหลงครอบงำเข้าไปแล้ว
มันก็ไม่รู้ไม่ชี้อะไร การกระทำคำที่พูดว่ามันผิด
หรือมันถูกไม่รู้เลยเมื่อความหลงครอบงำแล้ว
ก็เมาไปเหมือนอย่างคนเมาเหล้านี้
ซัดเซพเนจรไม่รู้ตัวว่าตนเป็นอยู่อย่างไร
ไม่รู้ตัวจนเมื่อสร่างจากการเมานู่น
จึงค่อยมีสติสัมปชัญญะขึ้นมาทำดีพูดดีได้

ใจคนเรานี้ก็เป็นอย่างนั้นแหละ
เมื่อในระยะที่ความหลงครอบงำอยู่นั้นนะ
มันทำไปพูดไปโดยไม่รับรู้
ไม่รับผิดชอบในการทำการพูดของตนเลย
ผิดก็ช่าง ถูกก็ตาม ก็ทำไปพูดไป
เรื่อยเปื่อยไปอย่างนั้นแหละ
ใครจะตักเตือนมันก็ไม่เอาตามเลย
คนหลงคนเมามันเป็นอย่างนั้น

ต่อเมื่อใดผู้นั้นน่ะได้ฟังคำสอนพระพุทธเจ้าแล้ว
และฝึกจิตใจของตนให้เข้าถึงความสงบเช่นนี้แล้ว
"ปัญญา" มันเกิดขึ้นมันจึงมองเห็นบัดนี้นะ
อ๋อ การที่ตนทำอย่างนั้นพูดอย่างนั้นที่ล่วงแล้วมา
เป็นความผิด เป็นบาป เป็นโทษทั้งนั้นเลย
ไม่เป็นไปเพื่อความสุขความเจริญเลยอย่างนี้
มันจึงมองเห็นเบื้องหลังของตนได้เป็นอย่างดีเลยบัดนี้

เมื่อมันมองเห็นได้อย่างนั้น
มันก็ไม่สะสมเรื่องชั่วเหล่านั้นต่อไปอีกแล้วบัดนี้
มันก็ควบคุมจิตใจให้ตั้งมั่นอยู่ในบุญในคุณด้วยดีเรื่อยไป
การที่จิตใจมันจะตั้งมั่นอยู่ในบุญในคุณสม่ำเสมอไปได้
ก็เพราะอาศัย "สติสัมปชัญญะ" นี้ควบคุมนะ
นั่นแหละคอยระมัดระวังไม่เผลอตัว

ถ้าหากว่า "เผลอตัว" หมายความว่า
สตินั้นระลึกไปทางอื่นเสียมากต่อมาก
เช่นนี้กิเลสมันแทรกเข้ามาโดยไม่รู้ตัวเลย
จิตคิดเป็นบาปอกุศลโดยไม่รู้ตัว
เมื่อรู้ตัวที่ไหนมันพอแรงแล้ว
มันหลงไปมากแล้ว มันก็แก้ยากสิบัดนี้นะ

นั่นแหละดังนั้นจึงว่า ดวงจิตนี้นะ
ถ้าขาด "สติสัมปชัญญะ" ประคับประคองแล้ว
ไม่เป็นท่าเลย เหลวไหลไปหมด
ดีมาถึงเข้าก็ไปตามเรื่องดีนั้น
ชั่วมาถึงเข้าก็ไหลไปตามเรื่องชั่ว
อย่างนี้แหละเรียกว่า สิ่งใดมาจูงไปก็ไปตามไปเลย

...

ส่วนหนึ่งจากพระธรรมเทศนาหัวข้อ "ผู้อิ่มในธรรมย่อมไม่หวั่นไหว"

5,579







จีรัง กรุ๊ป    

 ธรรมะไทย