"บุพเพนิวาสานุสสติญาณ" (หลวงปู่ลี กุสลธโร)
"บุพเพนิวาสานุสสติญาณ"
" .. ในขณะที่หลวงปู่ลีพักภาวนาอยู่ที่จังหวัดเลย "วันหนึ่งท่านระลึกรู้ ถึงบุพเพชาติหนหลังที่ผ่านมาของท่านที่ได้ถือกำเนิดในภพต่างๆ ด้วยอำนาจของกิเลส กรรม วิบาก" จึงทำให้ท่านท่องเที่ยวไปในภพภูมิของสัตว์เดรัจฉานบ้าง ของภูมิมนุษย์บ้าง ของภูมิเทวดาอินทร์พรหมบ้าง
ท่านว่า "เคยเกิดเป็นซูแนวแหล่ว แต่ฮี้นกะเคยเกิด เดรัจฉานหมู่เนี่ยกะเคย เจ้าจักรพรรดิกะเคยเกิด พวกเทวดาอินทร์พรหมหมู่นี้กะเป็นมาเบิ้ดแล้ว" สิ่งอัศจรรย์หยัง ของเป็นไปวาระจิตเด๊ะ วาระกรรมพาเป็น
"บุพเพนิวาสานุสสติญาณ คือ ญาณหยั่งรู้ถึงภพกำเนิดต่างๆ ที่ตนได้เคยเกิดในอดีตชาติที่ผ่านมา หลวงปู่ได้พูดถึงความน่ากลัวของการเที่ยวไปในวัฏสงสารจนทำให้ท่านสะเทือนใจ" เห็นโทษของอวิชชากิเลสจอมวัฏจักร "เป็นเหตุให้ท่านรีบเร่งความเพียรกำจัดอาสวะกิเลสนี้ให้หมดออกไปจากใจของท่านในเวลาต่อมา" ท่านว่า ..
"จั่งหลวงปู่มั่นเพิ่นปรารถนาเป็นพระพุทธเจ้าพู่น บำเพ็ญมาทอใด๋แล้วมาภาวนาจิตรวมลง เกิดระลึกชาติได้ว่าเพิ่นเคยเกิดเป็นหมามาตั้งหมื่นชาติ" วาซั่น ใจเกิดสลดสังเวช "เลยปรารถนาจะเอาตัวให้รอดในชาตินี้เลย บ่อยากกลับมาเกิดมาทุกข์อีก" ขอบรรลุธรรมในชาตินี้เลย
เรื่อง "ความเป็นพระโพธิสัตว์ปรารถนาสิเป็นพระพุทธเจ้าเพิ่นละเลยถอนเลย พอประมวลมาแล้ว เพิ่นจังแตกฉาน"
บาดสุดท้าย "เพิ่นไปทำความเพียรอยู่พู่น บ่อนเพิ่นได้บรรลุอยู่เทิงเขาเมืองเชียงใหม่" เพิ่นไปได้อยู่หม่องหั่น มีกกไม้กกเดียวอยู่ตรงกลาง นอกจากนั้นมีแต่หินดานเบิ้ด เพิ่นพักรุกขมูลหม่องหั่นเป็นพลาญหิน โอ๊ย กว้างขวาง "เพิ่นก็นั่งพิจารณาอยู่หั่น เพิ่นผ่านได้ตรงหั่นเด๊ะ" .. "
"อนุสรณ์งานประชุมเพลิงสรีระสังขาร"
(หลวงปู่ลี กุสลธโร)