"หลวงปู่มั่นพาไปบิณฑบาต" (หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน)

 วิริยะ12  


 "หลวงปู่มั่นพาไปบิณฑบาต"

" .. เป็นปีที่สร้างวัดที่สถานีทดลองฯ สามแยกพลิ้วไปทางอำเภอแหลมสิงห์ จังหวัดจันทบุรี วันนั้นฝนตกหนัก พระออกไปบิณฑบาตมีหลายสาย "ไอ้เราเป็นผู้ใหญ่มักจะเอาเปรียบผู้น้อยล่ะ มันเป็นธรรมดา" แล้วผู้น้อยก็ชอบจะให้เราเอาเปรียบเสียด้วยนะ

พระก็เรียนว่า "ท่านอาจารย์ท่านไปบิณฑบาตสายใกล้ ๆ นี้สะดวกดี" ผู้น้อยก็อยากให้ผู้ใหญ่เอาเปรียบ ผู้ใหญ่อย่างเราก็ว่า "เออ! เรามันผู้ใหญ่เราไม่สะดวก เราไม่เหมือนผู้น้อย มันไม่คล่องตัว เราไปสายใกล้ ๆ นี้ดีกว่า"

ทีนี้ "พอไปบิณฑบาต เราไปสายใกล้สถานีฯ พระไปหลายสาย" เฉพาะอย่างยิ่ง แถวคลอง วันนั้นฝนตกหนัก ได้กั้นร่มไป "ทางผ่านมันมีคลอง ใช้ไม้พาดข้ามไปแล้วก็ไต่ข้าม" ฝนตกมาก ๆ ลื่น "พอลื่นพระที่ไปบิณฑบาตก็ตกลงคลองเลย" ลงมันไม่ใช่ลงธรรมดา ลงแต่ไม่ล้มนะ ตกลงในน้ำยังกั้นร่มอยู่ "ข้าวกับน้ำโอ้ย! มันเต็มไปหมดเลยนะ คือน้ำเต็มบาตร" ข้าวไม่ทราบไปไหน แช่กันเลย (หัวเราะ)

ทีนี้ตอนขากลับมาจากบิณฑบาตแล้ว "พระท่านมาเล่าเรื่องนี้ ให้เราฟัง องค์นั้นว่าอย่างนั้น องค์นี้ว่าอย่างนี้ เรื่องเกี่ยวกับน้ำ เรื่องตกคลอง คือบิณฑบาตตกลงไป น้ำก็เข้าบาตรหมดเลย" วันนี้ไม่ได้อะไรเลย ได้แต่บาตรเปล่า ๆ มา ถ้าจะเอาน้ำกับข้าวมา ก็ไม่ทราบจะเอามาอะไร ท่านพูดก็มีเหตุผลทั้ง ๆ ที่เสียดายอยู่

"สงสารญาติโยมเขาก็สงสาร แต่มันกินไม่ได้จะทำยังไง" ท่านว่า นั่น! ฟังสิ ท่านพูดมีธรรม แล้วเราจะจับเอาทุกระยะเลยนะ เพราะเราสอนคนให้มีความเฉลียว ฉลาดให้มีความเป็นธรรม ตรงไหนแง่ไหนผิดธรรม แง่ไหนถูกธรรม แง่ไหนออกนอกลู่นอกทางมากน้อยเพียงไรจะตามติดตามตลอด

พอพระเณรท่านว่าอย่างนั้นแล้ว เราก็คิด "เอ! เรานี้หัวหน้าเอารัดเอาเปรียบหมู่ เพื่อนมากไป หมู่เพื่อนเล่าธรรมดาเราก็รู้เจตนา เราก็รู้" เล่าทั้งหัวเราะ

ทีนี้ก็เลยคิดตกลงใจนะ "ต่อไปนี้เราจะไปสายอื่น ไปสายนั้นบ้างสายนี้บ้างไม่เอา เปรียบหมู่เพื่อนมากเกินไป สายใกล้สายไกลสายไหนไปทุกสายล่ะทีนี้" คิดตกลงในใจนะแต่ไม่ได้พูดให้ใครฟัง

พอตกเวลากลางคืนจึงฝันว่า ..

"พ่อแม่ครูจารย์มั่น เดินบิณฑบาตมา เราก็ยืนอยู่ธรรมดา" ท่านมาชวนว่า "ไป ... ท่านมหาจะพาไปบิณฑบาต" ลักษณะขู่ ๆ "เอ! อย่างไรวันนี้เราจะมีความผิดอย่างไรแน่ ๆ"

อย่างนี้ลูกศิษย์กับอาจารย์มันเป็นอย่างนี้แหละนะ "ถ้าเห็นอาการของอาจารย์ อย่างนั้น ต้องมองเจ้าของมันจะผิดตรงไหนแน่ ๆ เลยอันนี้ เหมือนอย่างพระเณรมันกลัวเรา มันกลัวแบบเดียวกันนี่แหละ" (หัวเราะ) ไม่ได้กลัวแบบอื่นนะ ใจทั้งรัก ทั้งสนิท ทั้งกลัว มันเป็นอย่างนั้นแหละ

จากนั้นก็รีบครองผ้า แต่ครองผ้าในความฝันมันไม่ได้ยากนะ มันปุบปับ ๆ เสร็จ เรียบร้อยเลย พอเราเดินไปตามหลัง ท่านพูดขึ้นว่า ..

"ไอ้ผู้ที่เขาหานะ เขาหาแทบล้มแทบตายนะ" ผู้ที่เขาจะหามาให้ทานได้แต่ละ ทัพพีแต่ละห่อนี้ แต่ละหมกละห่อนี้เขาแทบล้มแทบตายนะ หลังสู้ฟ้าหน้าสู้แดดสู้ฝน "ไอ้เราถึงเวลาก็ด้อม ๆ ไปเอามากินเฉย ๆ ก็ว่าลำบาก" มันจะทรงศาสนาไปได้อย่างไรมีแต่พระขี้เกียจ "พระถ้าจะเห็นตั้งแต่ความลำบาก ไม่มองเห็นอรรถเห็นธรรม" ไม่คิดเห็นอรรถเห็นธรรมเลยนี้ ทรงศาสนาไปไม่ได้ "แล้วยิ่งจะมีแต่พระขี้เกียจอ่อนแอด้วยแล้วศาสนาจมไปเลย"

"พอได้ไม้จากพ่อแม่ครูจารย์มั่นมาตีหัวเราแล้ว เราก็เอาไม้นั่นแหละไปตีหัวหมู่เพื่อน" พอตื่นเช้าขึ้นมา เราก็สอนพระว่า ..

"นี่เขาหามาแทบล้มแทบตาย" กว่าจะมาให้ทานแต่ละครั้งละหน "นี่เดินด้อม ๆ ไปบิณฑบาตตกคลองเท่านั้น ตกคลองมันก็ความเซ่อของคนต่างหาก" ไม่ได้เป็นเพราะอะไรนี่นะ "นั่นล่ะความไม่สำรวมมันเป็นอย่างนั้น ความเซ่อ ๆ ซ่า ๆ มันเป็นอย่างนั้น" ตีไปเรื่อย ๆ เลย

"ที่ท่านว่าโปรดสัตว์ ๆ เขาได้เห็นครู่เดียวขณะเดียว เขาก็มีผลมากมีอานิสงส์มาก" ได้ยินได้ฟังนิดหนึ่ง ๆ เขาก็มีผลมากมีอานิสงส์มาก "และเขาได้ให้ทานนิดหนึ่งก็ตาม มีผล มีอานิสงส์มากที่สุดเลย อะไรให้ทานก็ดี ความเคารพทุกสิ่งทุกอย่างก็ดี อะไรที่จะเกินให้ทาน และเคารพพระพุทธเจ้า พระสาวกทั้งหลายไม่มืในโลกนี้นั้น" .. "

หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน 

5,588







จีรัง กรุ๊ป    

 ธรรมะไทย