ท่านพระโสภิตะ ถือกำเนิดในตระกูลพราหมณ์ ในเมืองสาวัตถี มีนามว่า โสภิตมาณพ เมื่อเติบโตได้ไปศึกษาอักษรสมัยในลัทธิพราหมณ์อยู่มาวันหนึ่งได้ไปสู่สำนักพระบรมศาสดา สดับธรรมีกถา ที่พระองค์ทรงแสดง เกิดศรัทธาเลื่อมใส ได้บรรพชาอุปสมบทในพระธรรมวินัย
ครั้นได้อุปสมบทแล้วไม่ประมาท ทำความเพียรบำเพ็ญสมณธรรม เจริญวิปัสสนากรรมฐานไม่นานก็ได้บรรลุพระอรหัตตผล พร้อมด้วยปฏิสัมภิทาญาณทั้ง ๔ เป็นพระมหาขีณาสพผู้ประเสริฐ และเป็นผู้มีปกติสั่งสมวสี* ๕ ประการ ชำนาญการเป็นพิเศษในบุพเพนิวาสานุสสติญาณ หมายถึง ญาณเป็นเครื่องระลึกชาติได้ในอดีต
เพราะอาศัยคุณข้อนี้ พระผู้มีพระภาคจึงได้ทรงตั้งท่านไว้ในตำแหน่งอันเลิศว่า เป็นผู้เลิศกว่าภิกษุทั้งหลาย ฝ่ายข้างระลึกซึ่งปุพเพสันนิวาส
ท่านพระโสภิตเถระ ครั้นดำรงชนมายุอยู่โดยสมควรแก่กาลสมัยแล้วก็ได้ดับขันธปรินิพพาน.
*วสี : ความคล่องแแคล่ว,ความชำนาญมี ๕ อย่าง คือ
๑. อาวัชชนวสี ความชำนาญคล่องแคล่วในการนึก ตรวจองค์ฌานที่ตนได้ออกมาแล้ว
๒. สมาปัชชนวสี ความชำนาญคล่องแแคล่วในการที่เข้าฌานได้รวดเร็วทันที
๓. อธิษฐานวสี ความชำนาญคล่องแคล่วในการที่จะรักษาไว้มิให้ฌานจิตนั้นตกภวังค์
๔. วุฏฐานวสี ความชำนาญคล่องแคล่วในการจะออกจากฌานเมื่อใดก็ได้ตามต้องการ
๕. ปัจจเวกขณวสี ความชำนาญคล่องแคล่วในการพิจารณาทบทวนองค์ฌาน