เมื่อไม่มีความยึดติดถือมั่นในตัวตน ก็ไม่ถูกกระทบกระทั่ง เพราะไม่มีตัวตนที่คอยรับกระทบให้เกิดความทุกข์
เมื่อพัฒนาตนแล้ว พัฒนาไปๆ กายก็พัฒนา ศีลก็พัฒนา จิตก็พัฒนา ปัญญาก็พัฒนาดีแล้ว ก็เกิดความรู้ความเข้าใจสิ่งทั้งหลายตามความเป็นจริง รู้เท่าทันคติธรรมดาของโลกและชีวิต รู้เข้าใจ อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา ปัญญาพัฒนาแล้วก็เลยรู้ว่าตัวตนนี้ไม่มี
ตกลงพัฒนาตน พัฒนาไปพัฒนามาก็หมดตัวตน เป็นสุดท้ายจบเลย
ความจริง ไม่ใช่ว่าหมดหรอก โดยสมมุติก็ยังมีอยู่ เป็นเรื่องของภาษา
ที่ว่าพัฒนาตนนั้นก็ต้องรู้เท่าทัน เราพูดตามภาษาสำหรับสื่อความหมายกัน เรียกว่าตัวตนโดยสมมุติ
เมื่อพัฒนาปัญญาก็ทำให้รู้เข้าใจความจริงเกี่ยวกับตัวตนว่ามันเป็นอนัตตา คือ ไม่ใช่ว่าหมดตัวตนหรอก แต่รู้ทันว่าตัวตนที่ยึดถือกันนั้น ที่แท้มันไม่มี เมื่อรู้ว่าเป็นอนัตตาแล้วก็หมดความยึดมั่น (คือ เมื่อที่จริงตัวตนมันไม่มีอยู่แล้ว ก็ไม่ต้องหมดตัวตน แต่คนมีความยึดมั่นในตัวตนที่ไม่มี จึงต้องทำให้หมดความยึดมั่นนั้น แล้วปัญหาก็หมดไปเอง)
เมื่อไม่มีความยึดติดถือมั่นในตัวตน ก็ไม่ถูกกระทบกระทั่ง เพราะไม่มีตัวตนที่คอยรับกระทบให้เกิดความทุกข์
หนังสือ หลักแม่บทของการพัฒนาตน
โดย สมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ (ป. อ. ปยุตฺโต)