ถวายผ้าห่มไหมแท้ + จี้ทองคำ + สไบ ห่มพระพุทธเมตตา (พระประธานมหาเจดีย์พุทธคยาอินเดีย) อายุ 1,400 ปี
🙏🙏 มหากุศลใหญ่ในดินแดนพุทธภูมิ..ร่วมถวายผ้าห่มพระพุทธเมตตา พระประธานมหาเจดีย์พุทธคยา อินเดีย 🙏🙏
ขาดอีก 82 กอง
👼 update รายชื่อเจ้าภาพร่วมถวายผ้าห่มพระพุทธเมตตา + บุญต่างๆที่เราจัดสรรในครั้งนี้ 👼
(เดี๋ยวจะส่งรายชื่อให้พระอาจารย์ธวัชชัยนะค่ะ)
🙏🙏🙏🙏🙏🙏🙏🙏🙏🙏
1. พระอาจารย์ อัครพนธ์ พรมราช
2. น.ส.ณัฐธิดา ตรีรัตน์ และครอบครัว
3. คุณรีนา ดีเมลโล
4. คุณวิทยา วชิรญานนท์
5. คุณธีรพิชญ์ และครอบครัวจึงเลิศไพศาล (2 กอง)
6. คุณวิมลวรรณ ก้องสมุทร
(3 กอง)
7. คุณเมธา ผดุงทอง และครอบครัว
8. ร.อ สมบูรณ์ จันศรี
และ คุณน้ำฝน ทำมา
9. คุณอุษมา ศิลปชัย
10. คุณเอนก วิสาข์ ผ่องแผ้ว
11. คุณกัลยาณี กลีบจินดา
12. ส.อ.ปกฤต และคุณศกลวรรณพร สนดำ
13. คุณชานล คุณชมบุญ คุณปุณิกา ชัยศักดิ์
14. คุณจันทร์สมร กฤษดาวิเศกศักดิ์
15. คุณแม่เซี่ยมหง ลี่สถาพรวงศา
16. คุณเตชะไชยชนะ และครอบครัว
17. คุณวราภรณ์ นวลสม
18. พระอาจารย์วีระชัย รุ่งโรจน์โกญจนาถ (2 กอง)
+++++++++++++++++++++++
รอบก่อนหลายๆท่านได้มีส่วนร่วมในการทาสีทองคำแท้องค์พระพุทธเมตตาทั้งองค์ที่ประเทศอินเดียไปแล้ว...รอบนี้นับเป็นอีก 1 มหากุศลใหญ่...เราจะมาสมทบปัจจัยกับพระอาจารย์ธวัชชัย (ครูบาใหญ่) ร่วมถวายผ้าไหมแท้ทอมืออย่างดี งบประมาณสูงพอสมควร เนื่องจากใช้ผ้าไหมแท้พื้นบ้านอย่างดี รวมทั้ง...(ถ้ามีงบมากพอนะค่ะ) คิดไว้ว่าอยากจะซื้อผ้าสไบห่มองค์ท่านเองอีก 1 ผืน
และอีก 1 มหากุศล....ที่เราคิดว่า ครั้งหนึ่งในชีวิต ได้ถวายทองคำที่เจดีย์พุทธคยาไปแล้วหลายรอบ รอบนี้ก็เลยอยากจะถวายของมีค่าบูชาไว้ที่องค์พระพุทธเมตตาบ้าง เลยคิดไว้ว่าจะซื้อจี้ทองคำล้วน / จี้เพชร / พลอย หรืออื่นๆ ตามที่จะสามารถหาได้ + ตามงบที่พอจะซื้อได้ เพื่อประดับผ้าห่มองค์พระพุทธเมตตาด้วย
ท่านใดสนใจร่วมในมหากุศลครั้งนี้
** ขออนุญาตตั้งกองบุญละ 300 บาท จำนวน 100 กอง **
หรือมากกว่านี้ (เพราะรอบนี้ใช้งบเยอะพอสมควรค่ะ)
😇😇 ไทยพาณิชย์
ณัฐธิดา ตรีรัตน์
3572675698 😇😇
(ปิดรับเมื่อไหร่จะมาประกาศอีกทีค่ะ + ปัจจัยส่วนที่เหลือขอนำไปทำบุญตามแต่เราจัดสรร + หากยังมีเงินโอนเข้ามาหลังวันเวลาที่ประกาศปิดรับขอนำไปร่วมบุญอื่นๆต่อไป)
หมายเหตุ : ทำตามงบนะค่ะ อาจจะไม่อลังการหรือสวยมาก ตามกำลังปัจจัยที่มีและกำลังใจเรา
++++++++++++++++++++++
✨🌟🌸💖🌸🌟 พระพุทธเมตตา 🌟🌸💖🌸🌟✨ เป็น พระพุทธปฏิมาอันงดงามยิ่ง ประดิษฐาน ณ ห้องบูชาชั้นล่างสุดของพระมหาเจดีย์พุทธคยาทางประตูด้านทิศตะวันออก มีอายุกว่า ๑,๔๐๐ กว่าปี ไล่เลี่ยกับยุคสมัยของหลวงพ่อพระพุทธเจ้าองค์ดำ หรือ
“ หลวงพ่อองค์ดำ ” เมืองนาลันทา ซึ่งก็เป็นพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ที่ชาวพุทธศรัทธานับถือเช่นกัน
พระพุทธลักษณะขององค์พระพุทธเมตตาแกะสลักจากหินสีดำเนื้อละเอียด ศิลปะสมัยราชวงศ์ปาละ คนอินเดียเรียกว่า ปางภูมิสัมผัส หรือ ปางภูมิผัสสะ แปลว่า ทรงชี้ให้แผ่นดินเป็นพยานแห่งการทำความดีในอดีต
หลวงพ่อพระพุทธเมตตา ถือว่า เป็นพระพุทธรูปที่ศักดิ์สิทธิ์เช่นกัน ประดิษฐานภายในเจดีย์พุทธคยา หน้าตักกว้าง ๑๔๗ เซนติเมตร สูง ๑๖๕ เซ็นติเมตร สร้างด้วยเนื้อหินทราย สมัยปาละ มีอายุประมาณ ๑๔๐๐ ปี ผินพระพักตร์ไปทางทิศตะวันออก ซึ่งได้รอดพ้นจากการถูกทำลายได้
ในศตวรรตที่ ๑๓ มีกษัตริย์ฮินดูนามว่าพระเจ้าสาสังกา ของรัฐเบงกอล ที่ไม่ต้องการที่จะอยู่ภายใต้การปกครองของแคว้นมคธ ซึ่งมีพระเจ้าปุรณวรมา เป็นผู้ปกครองในสมัยนั้น ต้องการประกาศตนเป็นอิสระ จึงได้กรีฑาทัพมาทำลายจุดศูนย์กลางของแคว้นมคธ คือ บริเวณดินแดนแห่งต้นพระศรีมหาโพธิ์ทันที ด้วยหมายจะทำลายขวัญของกษัตริย์และประชาชนเสียก่อน แล้วจึงค่อยยกทัพไปตีเมืองหลวงในขั้นต่อไป เพราะบริเวณพุทธคยานี้มีต้นพระศรีมหาโพธิ์และพระพุทธเมตตาเป็นหัวใจสำคัญที่ชาวพุทธให้ความเคารพนับถือกราบไหว้บูชากันมาก ทำให้การขยายตัวทางพระพุทธศาสนาได้อย่างกว้างขวางมากขึ้น
เมื่อกษัตริย์ชาวฮินดูได้เข้ายึดบริเวณพุทธคยาแล้วได้รับสั่งให้ทหารเริ่มระร้านกิ่งก้านสาขาต้นพระศรีมหาโพธิ์และตัดรากจนหมดสิ้น แม้แต่รากต้นพระศรีมหาโพธิ์จะเลื้อยชอนไชไปในทิศทางใดก็สั่งให้ทหารขุดรากออกให้หมด จากนั้นก็สั่งให้ฟางอ้อยต่างเชื้อเพลิงวางสุ่มที่ตอแห่งต้นพระศรีมหาโพธิ์แล้วลาดน้ำมันจุดไฟเผา ด้วยประสงค์จะมิให้หน่อแห่งต้นพระศรีมหาโพธิ์ได้มีโอกาสงอกขึ้นมาเลย
จากนั้นรับสั่งให้ทหารเข้าไปในพระมหาวิหารแล้วสั่งให้เสนาบดีนำพระพุทธรูป เนื้อหินทราย ออกไปจากมหาวิหาร แต่เผอิญเสนาบดีเป็นผู้มีศรัทธาเลื่อมใสในพระพุทธศาสนาอย่างแรงกล้าคิดว่า ถ้ามาตรแม้นว่าเราจะนำพระพุทธรูปองค์นี้ออกไปเสียจากวิหารแล้วไซร์ ก็เกรงกลัวว่าจะเกิดไม่ทันศาสนาพระศรีอาริย์ แต่ถ้าเราไม่นำออกไปตามพระบัญชา เราก็จะต้องถูกประหารชีวิตโดยไม่ต้องสงสัย ทันใดนั้น ความคิดอย่างหนึ่งก็ได้เกิดขึ้นมา แล้วกราบทูลแต่พระราชาว่า พระพุทธรูปองค์นี้ใหญ่โตมากยากที่จะนำออกไปในวันนี้ได้ ข้าพระองค์ใคร่ขอโอกาสสัก ๗ วัน เพื่อหาทางนำพระพุทธรูปองค์นี้ออกไปจากพระวิหารให้จงได้ พระเจ้าสาสังกาจึงตกลงพระทัยยอมให้ปฏิบัติตามคำขอร้องของเสนาบดี
ฝ่ายเสนาบดี ครั้นให้คำมั่นสัญญาเรียบร้อยแล้ว จึงได้เริ่มแผนการตามที่ตนคิดไว้ในใจ โดยใช้แผ่นอิฐมากก่อเป็นกำแพงกำบังพระพุทธรูปไว้อย่างมิดชิด พร้อมกับตั้งประทีปโคมไฟบูชาไว้ภายในกำแพงที่กั้นปิดไว้
ครั้นครบ ๗ วันจึงกราบทูลพระราชาว่า บัดนี้เกล้ากระหม่อมฉันได้จัดการนำพระพุทธรูปออกไปจากพระมหาวิหารแล้ว พระเจ้าสาสังกา พอได้สดับคำเช่นนั้น แทนที่พระองค์จะยินดีปรีดาเพราะความปรารถนาของพระองค์สำเร็จแล้ว แต่พระองค์กลับทรงเสียพระทัยถึงกับมีพระโลหิตออกจากปากและจมูก แล้วล้มลงต่อหน้าหมู่ทหารและสวรรคต ณ ที่นั้นเอง
ในขณะที่กองทัพพระเจ้าสาสังการอทัพอยู่ ณ พุทธคยานั้นนั่นเอง กษัตริย์ชาวมคธคือพระเจ้าปุรณวรมา ได้เสด็จยกทัพมาถึงพอดี ฝ่ายพวกกองทัพของพระเจ้าสาสังกาซึ่งต่างอกสั่นขวัญหนีอยู่ก่อนแล้วก็ยิ่งเสียขวัญ ต่างแยกย้ายหนีเอาตัวรอดไปคนละทิศละทาง จากนั้นพระเจ้าปุรณวรมาก็ได้แกะแผ่นอิฐออก
ปัจจุบันพระพุทธเมตตา ซึ่งเป็นพระประธานในพระเจดีย์พุทธคยาที่อยู่คู่กันกับต้นพระศรีมหาโพธิ์ มีพระพักตร์ที่เปี่ยมด้วยความเมตตาเสมือนหนึ่งเป็นตัวเเทนแห่งการระลึกถึงพระเมตตาคุณของพระพุทธองค์ ที่เมื่อทรงตรัสรู้อนุตตรสัมมาสัมโพธิญาณแล้ว ได้เมตตาโปรดสั่งสอนไวนัยสัตว์ทั้งเทวดาและมนุษย์ทั้งหลายให้ได้รู้ตามคำสั่งสอนของพระองค์ ซึ่งได้ผ่านกาลเวลามายาวนาน จนเป็นหนึ่งในจุดหมายของการเดินทางจาริกธรรมแสวงบุญของพุทธศาสนิกชนทุกสารทิศ จากทุกนิกาย หลากหลายวิถีปฏิบัติ ต่างเชื้อชาติ ต่างภาษา ทั่วโลก ซึ่งต่างมุ่งเดินทางสู่พุทธคยา เพื่อจักได้เจริญจิตภาวนา สวดมนต์ปฏิบัติบูชาองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าอันเป็นการบูชาสูงสุดในทางพระพุทธศาสนา
🌸 คำบูชาหลวงพ่อพระพุทธเมตตา อินเดีย 🌸
นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมา สัมพุทธัสสะฯ
( ๓ จบ )
วันทามิ อิมัง พุทธะเมตตาปะฏิมัง อิมังสะมิง คะยาสีสา ปูชาระเห สักการะภูเต เจติยัง สุปะติฏฐิตัง ฯ อิมินา ปะนะ วันทะมาเนนะ มา มา ทะลิททิยัง อาหุฯ พะหุชะนานัง ปิโย โหมิ มะนาโป สาธุ โน ภันเต อิเมหิ สักกาเรหิ อะภิปูชะยามิ ฯ
คำแปล ข้าพเจ้าขอกราบไหว้ พระพุทธเมตตาปฏิมานี้ซึ่งประดิษฐานตั้งมั่นดีแล้ว ในองค์พระเจดีย์ที่คยาสีสะประเทศนี้ อันเป็นสถานที่ควรแก่เครื่องบูชาสักการะ ฯ ด้วยการกราบไหว้นี้ ขอความเป็นผู้ขัดสนอย่าได้มีแก่ข้าพเจ้าเลย ขอให้ข้าพเจ้าเป็นทีรัก เป็นที่พอใจของคนทั่วไป ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ข้าพเจ้าขอบูชาโดยยิ่งด้วยเครื่องสักการะเหล่านี้ ฯ