((( ปฏิบัติธรรมถวายเป็นพุทธบูชา ปฏิบัติธรรม ทำบุญมอบมหากุศลเเด่ตัวเรา บิดา-มารดา-เทวดาประจำตัว-เจ้ากรรมนายเวรตลอดถึง ผู้มีพระคุณ ให้ท่านมีความสุข ความเจริญ อายุยืนนาน สุขภาพเเข็งเเรง เเละทำบุญเฉลิมพระเกียรติ ในหลวง )))
**หนีความวุ่นวายจากการดำเนินชีวิตทางโลก ..เข้าสู่การเเสวงหาความสงบสุขทางใจ
เป็นการ(พักกาย-พักใจ)..หยุดเรื่องทุกข์ เเสวงหาความสุขที่เเท้จริง..ตามเเบบพระพุทธศาสนา ***
สามารถเข้ารับการอบรมปฏิบัติธรรม ตามเเบบสติปัฏฐาน ๔ องค์บริกรรม(พองหนอ-ยุบหนอ)
-สอนการปฏิบัติธรรม ตั้งเเต่เริ่มต้น คือการเตริยมกาย วาจา ใจ, การเรียนรู้ข้อวัตรปฏิบัติ ,การเรียนภาคทฤษฏี เบื้องต้น สอนวิธีการ ยืนหนอ(คือยืนอย่างมีสิติ), สอนวิธีการ เดินหนอ
(เดินอย่างมีสติ), สอนวิธีนั่งหนอ
(นั่งเเบบมีสติ) เเละเรียนรู้วิธีการ ดำเนินชีวิต อย่างมีสติ อาทิ การรับประทานอาหาร,การพูด ,การทำความสะอาด, การนอนอย่างมีสติ, การพูดอย่างมีสติ ,
----ตลอดถึงเรียนรู้วิธีการควบคุมอารมณ์ที่จะมากระทบจิตของเราให้เกืดความทุกข์ทางใจ.ข้อสำคัญ---
(((..การฝึกอบรมปฏิบัติธรรม ตลอด 3-5-7-9 วัน จะทำให้เราเข้าใจธรรมะของพระพุทธเจ้าว่า วิเศษเเค่ไหน -เข้าใจว่าพระพุทธเจ้าทำไมถึงเผยเเผ่ธรรม-เข้าใจว่าพระพุทธศาสนาต้องการให้อะไร-ทำไมต้องดำรงพระศาสนาให้ลูกหลาน-เเละจะเข้าใจความสุขอย่างเเท้จริง(สุขจากการปล่อยวาง เเละว่าง)....)))
...เหมาะทั้งผู้ที่ฝึกเรียนรู้วิธีปฏิบัติธรรมเป็นครั้งเเรก-เเละเสริมสร้างองค์กรรมฐานให้เพิ่มเติมของนักผู้ปฏิบัติธรรม ให้พัฒนายิ่งขึ้น......
ความคิดเห็นที่ 1 / ตะวันธรรม / 16 ต.ค. 2558 เวลา 11:04 น.
เรียนรู้วิธีการยืนด้วยสติ อันจะเป็นประโยชน์ในการนำไปใช้ในโลกปัจจุบันได้ดี
(เราสามารถหาความสุขจากการยืนก็ได้) สุขจากการสร้างสติในการยืน
--เราต้องยืนอยู่ทุกวัน-เเต่การยืนของเรานั้นมักจะขาดสติเสมอ--
--ต่อไปเราจะยืนอย่างมีสติ--รู้เท่านั้นสิ่งต่างๆรอบๆตัวเรา---
---------------------ฝึกสติในการยืน------------------------------
ความคิดเห็นที่ 2 / ตะวันธรรม / 16 ต.ค. 2558 เวลา 11:05 น.
เราต้องเดินอยู่ทุกวัน...เเต่จะเดินอย่างไรให้ถูกวิธี
(เดินอย่างมีสติ...เดินเเล้วได้ปัญญา)
-- เราจะเดินอย่างไร เเล้วจะมีความสุข ในการเดิน ---
---------เดินอย่างมีสติในการเดิน--------------
ความคิดเห็นที่ 3 / ตะวันธรรม / 16 ต.ค. 2558 เวลา 11:06 น.
ความคิดเห็นที่ 4 / ตะวันธรรม / 16 ต.ค. 2558 เวลา 11:07 น.
อานิสงส์(ผล) ของการเดินจงกรม
1.เดินทางไกลได้สะดวก
2.ย่อยอาหารได้ง่าย
3.ร่างกายเเข็งเเรง
4.โรคภัยไม่เบียดเบียน
5.อายุยืน
6.มีสติได้มากกว่าการนั่ง
7.ทำให้ทำสมาธิได้นานขึ้น
เป็นต้น
ความคิดเห็นที่ 5 / ตะวันธรรม / 16 ต.ค. 2558 เวลา 11:08 น.
เรียนรู้วิธีการนั่งสมาธิ สร้างสติในการนั่งสมาธิเเบบเบื้องต้น ฝึกฝนสมาธิพื้นฐานที่ดี
(ประโยชน์ที่จะได้รับคือนั่งเเล้วเป็นบ่อเกิดเเห่งความสุข)
ตามเเนวทางสติปัฏฐาน ๔
ความคิดเห็นที่ 6 / ตะวันธรรม / 16 ต.ค. 2558 เวลา 11:09 น.
**พระพุทธเจ้า ทรงตรัส การปฏิบัติ ตามทางสติปัฏฐานสูตร ไว้ในพระไตรปิฏก อย่างนี้คือ**
สติปัฏฐานสูตร หรือ มหาสติปัฏฐานสูตร เป็นพระสูตรสำคัญในพระพุทธศาสนาที่พระพุทธเจ้าตรัสแก่ชาวกุรุชนบท ชื่อว่ากัมมาสทัมมะ (ปัจจุบันอยู่ในกรุงนิวเดลี เมืองหลวงของประเทศอินเดีย) สติปัฏฐานสูตรหรือมหาสติปัฏฐานสูตร เป็นพระสูตรที่พระพุทธเจ้าตรัสว่าเป็นหนทางนี้เป็นที่ไปอันเอก เพื่อบรรลุธรรมที่ถูกต้อง เพื่อทำให้แจ้งซึ่งพระนิพพาน
มหาสติปัฏฐานสูตร เมื่อพิจารณาจากพระพุทธพจน์ตอนเริ่มพระสูตร อาจกล่าวได้ว่าหลักการในพระสูตรนี้ เป็นหลักแนวปฏิบัติตรงที่เน้นเฉพาะเพื่อการรู้แจ้ง[4] คือให้มีสติพิจารณากำกับดูสิ่งทั้งหลายให้รู้เห็นเท่าทันตามความเป็นจริง[5] โดยไม่ให้ถูกครอบงำไว้ด้วยอำนาจกิเลสต่าง ๆ โดยมีแนวปฏิบัติเป็นขั้นตอน 4 ระดับ คือ พิจารณากาย, ความรู้สึก (เวทนา), จิต, และธรรมที่เกิดในจิต
(อวิชชาสูตร ๑๙/๑)
สติปัฏฐาน ๔ เป็นการปฏิบัติที่พระองค์ท่านตรัสว่าเป็นทางสายเอก(เอกายนมรรค) เมื่อปฏิบัติอย่างดีงามย่อมเป็นเครื่องสนับสนุนให้โพชฌงค์๗องค์แห่งการตรัสรู้บริบูรณ์ ซึ่งยังให้วิชชาและวิมุตติบริบูรณ์
จึงถึงที่สุดแห่งทุกข์ได้ ดังที่ตรัสแสดงไว้อย่างแจ่มแจ้งในกุณฑลิยสูตร ในการศึกษาการปฏิบัติทั้งหลายไม่ว่าในทางโลกหรือทางธรรมก็ตามที ต่างล้วนต้องเรียนรู้ให้เข้าใจจุดประสงค์เสียก่อน กล่าวคือ ต้องมีปัญญาหรือวิชชาเป็นพื้นฐานบ้างเสียก่อน จึงเริ่มลงมือปฏิบัติ จึงถูกต้องดีงาม อันจักยังผลให้การปฏิบัติเป็นไปอย่างถูกต้องแนวทาง
ดังนั้นจึงควรมีความเข้าใจด้วยการศึกษาธรรมให้เข้าใจจุดประสงค์อย่างถูกต้องด้วย เพราะเป็นที่นิยมปฏิบัติกันโดยไม่ศึกษาให้ดีงามเสียก่อน เริ่มต้นปฏิบัติก็มักเพราะเป็นทุกข์กำลังรุมเร้า หรือด้วยความเป็นพุทธศาสนิกชนที่ได้ยินได้ฟังมาอยู่เนืองๆ ก็เริ่มปฏิบัติอานาปานสติหรือสติปัฏฐาน ๔ โดยไม่มีความรู้ความเข้าใจเลย ดังนั้นแทนที่เป็นการฝึกสติ,ใช้สติชนิดสัมมาสติ กลับกลายเป็นการฝึกการใช้มิจฉาสติจึงได้มิจฉาสมาธิแบบผิดๆอันให้โทษ
จึงเกิดขึ้นและเป็นไปตามพุทธพจน์ตามที่แสดงไว้ข้างต้น ดังเช่นการติดสุข คือสุขในวิปัสสนูปกิเลสอันให้โทษ,
จึงอุปมาเหมือนการเรียนเคมี โดยไปปฏิบัติในห้องปฏิบัติการเสียเลย ด้วยเข้าใจว่าไปเรียนไปศึกษาจากการปฏิบัติโดยตรงคงยังให้เกิดความรู้ความเข้าใจขึ้นเอง ด้วยเหตุดั่งนี้เอง จึงเกิดอุบัติเหตุการระเบิดขึ้นได้ด้วยความไม่รู้หรืออวิชชานั่นเอง จึงสมควรอย่างยิ่งที่ต้องมีการเรียนรู้ให้เข้าใจจุดประสงค์เป็นพื้นฐานบ้างเสียก่อน จะได้ดำเนินไปอย่างถูกต้องแนวทางสมดังพุทธประสงค์ คือสัมมาสติที่เป็นไปเพื่อการดับทุกข์ อันเป็นสุขยิ่ง
ความคิดเห็นที่ 7 / ตะวันธรรม / 16 ต.ค. 2558 เวลา 11:11 น.
เราต้องนั่ง..อยู่ทุกวัน..เเต่จะทำอย่างไร..เมื่อเรานั่งจะนั่งอย่างมีสติ..เเละนั่งด้วยความสุข
(ต่อไปความสุขจะเกิดขึ้นอยู่ในปัจจุบัน..อยู่ในชีวิตประจำวันของเราเสมอ..เมื่อเรามีสติ)
ความคิดเห็นที่ 8 / ตะวันธรรม / 16 ต.ค. 2558 เวลา 11:11 น.
(( ธรรมคม ))
เกิดมาในยุคที่มีพระพุทธศาสนาเเล้ว
เกิดมาเจอพระพุทธศาสนาเเล้ว
เกิดมาพบพระธรรมของพระพุทธเจ้าเเล้ว
เกิดมาได้ศึกษาธรรมเเล้ว
เกิดมาได้เจอพระสงฆ์ผู้สอนธรรมเล้ว
เกิดมาได้รู้วิธีการปฏิบัติธรรมเเล้ว
เกิดมามีเเขน มีขา มีความบริบุรณ์เเล้ว
เกิดมามีสติปัญญาเเล้ว
เกิดมาเจอผู้เเนะนำบอกกล่าวเเล้ว...
เเล้วตอนนี้เราจะหาอะไรอีก
....อย่าเกิดมาโดนไม่ได้อะไรติดตัวกลับไปในภพหน้าเลย...
....อย่าใช้ร่ายกายนี้ไปโดยไม่มีประโยชน์อีกเลย.........
....อย่าเสียเวลาให้ทิ้งไปวันหนึ่งคืนหนึ่งเลย............
ชีวิตหรือร่างกาย ที่เราเกิดมา ในโลกใบนี้ ก็เพื่อทำหน้าที่ 2 อย่างนี้ คือ
1.ทำหน้าที่ในทางโลก
คือ เลี้ยงดูช่วยเหลือ พ่อเเม่ - ลูกหลาน-ภรรยา- ญาติมิตร-ลูกน้อง- ผู้มีพระคุณ ครูบาอาจารย์
2.สร้างบารมี เพื่อการเข้าถึงธรรม ในอนาคตเเละปัจจุบัน
คือทำความดี หรือบุญ (สร้างทาน-รักษาศีล-เจริญภาวนา)
สร้างบารมี 10 ประการ อย่างพระโพธิสัตย์
---ลองพิจารณาให้เข้าใจว่า เราได้ทำอะไรไปบ้างเเล้ว หรือจะรอเวลาให้หมดไปพร้อมร่างกายที่จะต้องชราหมดเรงเเละจากโลกใบนี้ไปดดยไม่ได้อะไรติดตัวไปเลยเเละยังทำหน้าที่ไม่ครบเลย---
ภูริญาโณ ภิกขุ(ธรรมบุตร..ที่สุดคือธรรมะ)
ความคิดเห็นที่ 9 / ตะวันธรรม / 16 ต.ค. 2558 เวลา 11:13 น.
ความคิดเห็นที่ 10 / ตะวันธรรม / 16 ต.ค. 2558 เวลา 11:13 น.
ความคิดเห็นที่ 11 / ตะวันธรรม / 16 ต.ค. 2558 เวลา 11:14 น.
ความคิดเห็นที่ 12 / ตะวันธรรม / 16 ต.ค. 2558 เวลา 11:17 น.
ผู้เข้าอบรมปฏิบัติธรรม เจริญสติปัฏฐาน ๔ เเละได้สรา้งบารมีธรรม 10 ประการ ทุกวัน ทำให้สม่ำเสมอ ดังนี้
ทานบารมีี / จิตของเราพร้อมที่จะให้ทานเป็นปกติ
ศีลบารมี / จิตของเราพร้อมในการทรงศีล
เนกขัมมบารมี / จิตพร้อมในการทรงเนกขัมมะเป็นปกติ เนกขัมมะ แปลว่า การถือบวช แต่ไม่ใช่ว่าต้องโกนหัวไม่จำเป็น
ปัญญาบารมี / จิตพร้อมที่จะใช้ปัญญาเป็นเครื่องประหัตประหารให้พินาศไป
วิริยบารมี / วิิริยะ มีความเพียรทุกขณะ ควบคุมใจไว้เสมอ
ขันติบารมี ขันติ / มีทั้งอดทน อดกลั้นต่อสิ่งที่เป็นปฏิปักษ์
สัจจะบารมี สัจจะ / ทรงตัวไว้ตลอดเวลา ว่าเราจะจริงทุกอย่าง ในด้านของการทำความดี
อธิษฐานบารมี / ตั้งใจไว้ให้ตรงโดยเฉพาะ
เมตตาบารมี / สร้างอารมณ์ความดี ไม่เป็นศัตรูกับใคร มีความรักตนเสมอด้วยบุคคลอื่น
อุเบกขาบารมี / วางเฉยเข้าไว้ เมื่อร่างกายมันไม่ทรงตัว ใช้คำว่า "ช่างมัน" ไว้ในใจ
บารมี ที่องค์สมเด็จทรงให้เราสร้างให้เต็ม ก็คือ สร้างกำลังใจปลูกฝังกำลังใจให้มันเต็มครบถ้วนบริบูรณ์สมบูรณ์
บารมีในขั้นต้นกระทำด้วยจิตอย่างอ่อนเป็นขั้นพระบารมี
เมื่อจิตดำรงบารมีขั้นกลางได้ เรียกว่า พระอุปบารมี
และเมื่อจิตดำรงบารมีขึ้นไปถึงที่สุดเลย เรียกว่า พระปรมัตถบารมี
หรือบารมี 30 ทัศ หรือมีศัพท์เรียกอีกอย่างหนึ่งว่า พระสมติงสบารมี หมายถึง พระบารมีสามสิบถ้วน ซึ่งเป็นธรรมพิเศษหมวดหนึ่ง มีชื่อว่า พุทธกรณธรรม เป็นธรรมพิเศษที่กระทำให้ได้เป็นสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้่า พระโพธิสัตว์ที่ต้องการจะเป็นพระพุทธเจ้า ต้องบำเพ็ญธรรมหมวดนี้ หรือมีชื่อหนึ่งเรียกว่า โพธิปริปาจนธรรม คือธรรมสำหรับพระพุทธภูมิ หรือชาวพุทธเราทั่วไปเรียกว่า พระบารมี หมายถึง ธรรมที่นำไปให้ถึงฝั่งโน้น คือ พระนิพพาน
ทาน / การให้ เป็นการตัดความโลภ
ศีล / เรามีก็ตัดความโกรธ
เนกขัมมะ / เป็นการตัดอารมณ์ของกามคุณ
ปัญญา / ตัดความโง่
วิริยะ / ตัดความขี้เกียจ
ขันติ / ตัดความไม่รู้จักอดทน
สัจจะ / ตัดความไม่จริงใจ มีอารมณ์ใจกลับกลอก
อธิษฐาน / ทรงกำลังไว้ให้สมบูรณ์
เมตตา / สร้างความเยือกเย็นของใจ
อุเบกขา / วางเฉยเข้าไว้ในเรื่องของกายเรา
**เวลาการปฏิบัติธรรมนั้น เราสามารถสั่งสมบารมี ได้ดังนี้ คือ
1.ตักบาตรทุกวันเวลา 08.00 น. - ได้ทานบารมี
2.เรารักษาศีล 8 ตลอดการเข้าอบรมสมัคร - ได้ศีลบารมี
3.เราสละการครองเรือน ไม่นึกถึงชีวิตการครองเรือน(ชีวิตทางโลก)- ได้เนกขัมมะบารมี(บวชใจ)
4.เราไม่หลวงผิด เดินทางด้วยความไม่ประมาท -ปัญญาบารมี
5.ผู้ปฏิบัติหมั่นปฏิบัติธรรม เดิน จงกรม นั่งสมาธิ ตลอดที่ครูบาอาจารยืควบคุม ตามกำหนดเวลา
-ได้วิริยะบารมี
6.ผู้ปฏิบัติธรรมอดทน ต่อเวทนา อุปสรรค์ในขณะเข้าอบรมโดยไม่ย่อท้อ ต่อการปฏิบัติธรรม
-ได้ขันติบารมี
7.ผู้ปฏิบัติธรรม ปฏิบัติธรรมตามเวลา-ตามวัน ที่ตัวเองได้ให้สัจจะต่อตัวเอง เเละต่อพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ไว้ เเล้วทำได้ด้วยความตั้งใจ ตามใจคิด -ได้สัจจะบารมี
8.ผู้ปฏิบัติธรรม จะอธิษฐานจิตหลังการอบรมทุกครั้ง หลังฝึกเสร็จ - ได้อธิฐานบารมี
9.ผู้ปฏิบัติธรรม หมั่นฝึกจิตใจให้อ่อนโยน ให้ละการความร้อนจากกิเลส เเละเเผ่เมตตาจิต ความปรารถนาดี ต่อเทวดา-สัพสัตว์-เปรต-อสุรกาย-เจ้ากรรมนายเวร -ได้สร้างเมตตาบารมี
10ผู้ปฏิบัติธรรม ทำจิตให้สงบ ว่าง วางจากความยึดมั่น ถือมั่น ในกิเลสตัณหา ทำใจเป็นกลาง ในกายในปัจจุบัน -ได้สร้างอุเบกขาบารมี
***สามารถเตรียมอาหารเเห้ง น้ำปาน่ะ น้ำดื่ม หรือของตักบาตรมาทำบุญตักบาตรได้ตอนเช้า ของทุกวัน ***
......บารมีคือการสั่งสม สั่งสมไปเรื่อย จนกว่าจะไม่มีโอกาสได้สร้างบารมี..........
..................ชีวิตนี้น้อยนัก ไม่เกิน 100 ปี ..........................
ความคิดเห็นที่ 13 / ตะวันธรรม / 16 ต.ค. 2558 เวลา 11:26 น.
ความคิดเห็นที่ 14 / ตะวันธรรม / 16 ต.ค. 2558 เวลา 11:27 น.
บริเวณสถานที่ภายในสถานที่ปฏิบัติธรรม สวนป่าพุทธอุทยานวิปัสสนา จ.พิจิตร
ศาลาปฏิบัติธรรม กรรมฐาน เจริญสติปัฏฐาน ๔
ความคิดเห็นที่ 15 / ตะวันธรรม / 16 ต.ค. 2558 เวลา 11:27 น.
ความคิดเห็นที่ 16 / ตะวันธรรม / 16 ต.ค. 2558 เวลา 11:27 น.
ห้องพักผู้ปฏิบัติ
ความคิดเห็นที่ 17 / ตะวันธรรม / 16 ต.ค. 2558 เวลา 11:28 น.
ห้องสุขา
สะอาด-สะดวก-สะบาย
ความคิดเห็นที่ 18 / ตะวันธรรม / 16 ต.ค. 2558 เวลา 11:29 น.
การเทียบบารมี
บารมีจัดเป็น 3 ชั้น คือ
(การสั่งสมบารมี เป็นพื้นฐานของนักปฏิบัติ เพื่อความสร้างความสำเร็จในการบรรลุธรรม)
บารมีต้น
อุปบารมี
ปรมัตถบารมี
บารมีต้นในขั้นเต็ม
ท่านผู้นี้จะเก่งเฉพาะทาน กับ ศีล แต่การรักษาศีลของบารมีขั้นต้นจะไม่ถึงศีล 8 และจะยังไม่พร้อมในการเจริญพระกรรมฐาน กำลังใจไม่พอ อาจจะไม่ว่างพอหรือเวลาไม่มี
อุปบารมี เป็นบารมีขั้นกลาง
พร้อมที่ทรงฌานโลกีย์ ท่านพวกนี้จะพอใจการเจริญพระกรรมฐาน และทรงฌาน แต่ยังไม่ถึงขั้นวิปัสสนา ยังไม่พร้อมที่จะไปและไม่พร้อมที่จะยินดีเรื่องพระนิพพาน พร้อมอยู่แค่ฌานสมาบัติ
ปรมัตถบารมี
ในอันดับแรกอาจจะยังไม่มีความเข้าใจในเรื่องนิพพาน พอสัมผัสวิปัสสนาญาณขั้นเล็กน้อย อาศัยบารมีเก่า ก็มีความต้องการพระนิพพาน จะไปได้หรือไม่ได้ในชาตินี้นั้นไม่สำคัญ เพราะการหวังนิพพานจริง ๆ ต้องหวังกันหลายชาติจนกว่าบารมีที่เป็นปรมัตถบารมีจะสมบูรณ์แบบ
ความคิดเห็นที่ 19 / ตะวันธรรม / 16 ต.ค. 2558 เวลา 11:29 น.
ความคิดเห็นที่ 20 / ตะวันธรรม / 16 ต.ค. 2558 เวลา 11:31 น.
ความคิดเห็นที่ 21 / ตะวันธรรม / 16 ต.ค. 2558 เวลา 11:31 น.
พักกาย-พักใจ-เข้ารับการอบรมปฏิบัติธรรม--
(ฟรี)ไม่เสียค่าใช้จ่าย
หากทุกวันนี้เราต้องเหนื่อยจากการทำงาน
ปวดหัวกับเรื่องทางบ้าน
เรียนหนังสือไม่เก่ง
โรคภัยรุมเร้า
ชีวิตของคุณต้องมีเเต่อุปสรรค์ อยู่ทุกวัน
---หากชีวิตคุณต้องทุกข์ร้อน อยู่ร่ำไป-----
ลองสมัครเข้ารับการอบรมปฏิบัติธรรม ..เพื่อเเสวงหาความสุขทางใจ ...
ชีวิตที่เราปรารถนา คือความสุข ดังนั้น เรามาสร้างความสุขให้เกิดขึ้นในใจ เเละตลอดไป ด้วยการสมัครเข้าอบรมฝึกพระกรรมฐาน ณ บัดนี้
...........สร้างความสุขตอนเวลาที่เรามีลมหายใจ ดีกว่ารอเวลาที่หมดลมหายใจ........
ความคิดเห็นที่ 22 / ตะวันธรรม / 16 ต.ค. 2558 เวลา 11:33 น.
นิพพานัง ปรมัง สุขัง / นิพพานเป็นสุขอย่างยิ่ง เป็นความสุขที่ประเสริฐที่สุดในโลก
(( ความสุขใดจะเท่านิพพาน นั้นย่อมไม่มี ))
นิพพานนั้น เป็นความสุข ที่ละเกิดจากการละ กิเลส ตัณหา อันเป็นความทุกข์ในใจ
ให้หายได้อย่างเด็ดขาด เเละไม่มาเวียนว่ายตายเกิด อีกเเล้ว
ความคิดเห็นที่ 23 / ตะวันธรรม / 16 ต.ค. 2558 เวลา 11:34 น.
** ด่วนรับสมัคร เเค่ 50 ท่าน เข้ารับการอบรม เท่านั้น **
รับตั้งเเต่อายุ 9 ปี ขึ้นไป
(อายุน้อยกว่า 15 มีผู้ปกครองมาด้วย)
สมัครได้ ตั้งเเต่ 3-5-7-9 วัน
(( ปฏิบัติธรรมฟรี ไม่เสียค่าใช้จ่าย ใดใด ))
ขอให้มีความตั้งใจ ใฝ่ปฏิบัติ หวังหลุดพ้นความทุกข์ในใจ
-โทร ถ้ามาเป็นหมู่คณะขึ้นรถตู้ฟรีของศูนย์ได้ที่ 087-007-8607
(เเล้วเเต่จะทำบุญ ที่ศูนย์) รับฟรีเฉพาะ กรุงเทพ -ปริมณฑล
-ไม่มีชุดขาว หรืออื่น ขอยืมหรือซื้อได้ที่ศูนย์
ความคิดเห็นที่ 24 / ตะวันธรรม / 16 ต.ค. 2558 เวลา 11:35 น.
สมทบทำบุญ สนับสนุน งานอบรมเผยเเผ่ธรรม (สร้างทานบารมี)
สำนักวิปัสสนากรรมฐาน "สวนป่าพุทธอุทยานวิปัสสนา" อ.สามง่าม จ.พิจิตร
(ร่วมพัฒนา ถาวรวัตถุอำนวยความสะดวกให้ผู้ปฏิบัติธรรม
เพื่อให้เกิดความสะดวกในการเข้าอบรมปฏิบัติธรรม)
เสริมศิริมงคลเเก่ชีวิต เเละวงศ์ตระกูล
1.กองทุนสร้างห้องพักผู้ปฏิบัติธรรม(โยคี) ดังนี้
1.1 รับเจ้าภาพ อุปถัมภ์สร้างห้องพักรวม 2 หลัง(ชาย-หญิง) รองรับผู้ปฏิบัติธรรมได้ 200 คน
((อุปถัมภ์ สร้างทั้งหลัง หลังล่ะ 500,000 บาท))
1.2 รับเจ้าภาพ อุปถัมภ์สร้างห้องพักกรรมฐาน (ปิดวาจา) จำนวน 20 ห้อง (สำหรับโยคี)
((อุปถัมภ์ เป็นเจ้าภาพ 1 หลัง หลังล่ะ 50,000 บาท))
2.รับเจ้าภาพอุปถัมภ์สร้างห้องสุขา(ห้องเเห่งความสุข)ให้ผู้ปฏิบัติธรรม อานิสงส์ ปราศจากโรคภัย ไข้เจ็บ อายุยืน รับเจ้าภาพ 20 ห้อง ห้องล่ะ 20,000 บาท
3.รับเจ้าภาพอุปถัมภ์ สร้างโรงทาน+โรงครัว 1 หลัง (อุปถัมภ์ หลังล่ะ 500,000 บาท รองรับสาธุชนได้ 250 ท่าน) รับอานิสงส์ ไม่อด-ไม่อยาก-ไม่ขาดเเคลนอาหารการกิน
(กำลังก่อสร้าง ยังขาดทุนทรัพย์)
4.รับเจ้าภาพ สร้างพระประธาน 4 องค์
องค์ที่ 1 ในห้องกรรมฐาน(สำหรับพระภิกษุ)
องค์ที่ 2 ในสวนป่าลานธรรม (สำหรับปฏิบัติธรรม)
องค์ที่ 3 ในสวนป่าธุดงค์ (เขตปลักกลดธุดงค์ของพระกรรมฐาน)
องค์ที่ 4 บนเขา ลานโค้ง บรรยายธรรม ปฏิบัติธรรม
องค์ที่ 5 ในพระวิหาร สำหรับสวดมนต์
องค์ที่ 6 ในศาลาปฏิบัติธรรม หลักใหญ่(หลังกำลังเตรียมสร้างใหม่ บนเขา 1 องค์)
5.รับเจ้าภาพอุปถัมภ์ สร้างห้องกรรมผลิตสื่อธรรมะ เพื่อผลิตสื่องานเผยเเผ่ธรรม 1 หลัง
อุปถัมภ์ 300,000 บาท
** ติดชื่อเจ้าภาพทุกห้อง เป็นเกียจเเก่วงศ์ตระกูลเจ้าภาพ **
(( 2 )) อุปถัมภ์เป็นเจ้าภาพ กองทุนเผยเเผ่ธรรมมั่นคง
(ค่าน้ำ-ค่าไฟ-อาหาร-น้ำปาน่ะ-ยารักษาโรค-เครื่องนุ่งห่ม)
เจ้าภาพตลอดปี 1 กองทุน กองล่ะ 10,000 บาท
เจ้าภาพประจำเดือน 1 กองทุน กองล่ะ 5,000 บาท
รายชื่อเจ้าภาพติดภายในศูนย์อบรมปฏิบัติธรรม ตลอด 1 ปี
สอบถามเจ้าภาพ โทร.087-007-8607
ดูกิจกรรมการอบรม ปฏิบัติธรรม ตลอดปี ที่
เฟ็สบุ๊ค .ศูนย์พุทธบริษัทสากล
wwww.dhammadee.com
ความคิดเห็นที่ 25 / ตะวันธรรม / 16 ต.ค. 2558 เวลา 11:36 น.