ค้นหาในเว็บไซต์ :

วัดมุจลินทวาปีวิหาร ปัตตานี





วัดมุจลินทวาปีวิหาร ปัตตานี พระอารามหลวง ชั้นตรี ชนิดสามัญ สังกัดคณะสงฆ์ : มหานิกาย
วันตั้งวัด : พ.ศ. 2338
วันรับวิสุงคามสีมา : พ.ศ. 2390


วัดมุจลินทวาปีวิหาร พระอารามหลวง หรือวัดตุยง

- วัดมุจลินทวาปีวิหาร หรือ วัดตุยง เป็นวัดเก่าแก่ ตั้งอยู่ที่หมู่ ๑ ต.ตุยง อ.หนองจิก จ.ปัตตานี สร้างขึ้น เมื่อ พ.ศ. ๒๓๓๘

เจ้าพระยาพลเทพฯ แม่ทัพใหญ่ ขอพระบรมราชานุญาตแบ่งเมืองปัตตานีออกเป็น ๗ หัวเมือง คือ เมืองตานี เมืองสาย เมืองยะลา เมืองรามันห์ เมืองยะหริ่ง

- พ.ศ. ๒๓๘๘ พระยาวิเชียรภักดีศรีสงคราม ได้รับพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้เป็นเจ้าเมืองหนองจิกและได้อพยพครอบครัวคนไทยมาจำนวนหนึ่ง พร้อมกันนี้ก็ได้นิมนต์พระอาจารย์พรหม ธมฺมธีโร

ซึ่งเป็นพระอาจารย์ของท่านสมัยอยู่ยะหริ่งมาจำพรรษาที่ศาลาพักสงฆ์ท่ายะลอ ภายหลังปรากฏว่าสถานที่ดังกล่าวมีความไม่สะดวกหลายประการ เลยต้องย้ายวัดหาที่สร้างแห่งใหม่

พบเนินทรายขาวแห่งหนึ่ง มีต้นชะเมาใหญ่ปกคลุมเงียบสงัด เห็นเสือใหญ่นอนหันหน้าไปทางทิศตะวันออก (ตำนานกล่าวว่า ต่อมาเสือตัวนั้นได้หายไป)

ท่านทั้งสองจึงถือเอานิมิตดังกล่าวเลือกเอาสถานที่นี้เป็นที่สร้างวัด ซึ่งเรียกกันว่า “วัดตุยง” ตามนามของหมู่บ้าน

- วันที่ ๓๐ กรกฎาคม ๒๔๓๓ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เสด็จประพาสแหลมมลายู เยี่ยมเยียนพสกนิกรเมืองหนองจิก ทรงประทับ ณ วัดตุยง

ทรงปฏิสันถารกับพระครูพิบูลย์สมณวัตร (พระอาจารย์นวล เทวธมฺโม) อดีตเจ้าอาวาส และมีพระราชศรัทธา พระราชทานพระราชทรัพย์ ส่วนพระองค์ จำนวน ๘๐ ชั่ง

แก่พระยามุจลินทรสราภิธาน นัคโรปการสุนทรกิจ มหิศรราชภักดี (ทัด ณ สงขลา) ผู้ว่าราชการเมืองหนองจิก ดำเนินการสร้างอุโบสถแทนหลังเก่า พร้อมกันนั้นทรงเปลี่ยนนาม “วัดตุยง” เป็น "วัดมุจลินทวาปีวิหาร”

และได้พระราชทานพระบรมฉายาลักษณ์แก่วัดมุจลินทวาปีวิหารด้วย

วันที่ ๒๗ กันยายน ๒๕๑๙ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช พร้อมด้วยสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ได้เสด็จฯ มาเยี่ยมวัดมุจลินทวาปีวิหาร เป็นการส่วนพระองค์

พร้อมกันนี้ได้สนทนาธรรมกับพระราชพุทธิรังษี (หลวงพ่อดำ นนฺทิโย) และทรงประทานเภสัชแด่หลวงพ่อดำ เจ้าอาวาสวัดมุจลินทวาปีวิหาร

- สิ่งศักดิ์สิทธิ์และศาสนสถานอันเป็นประวัติศาสตร์ของวัด ประกอบด้วย

๑. พระพุทธรูปปางมารวิชัย สมัยเชียงแสน (สิงห์หนึ่ง) ขนาดหน้าตักกว้าง ๑ เมตร ๔ นิ้ว

๒. พระเจดีย์ใหญ่รูประฆังคว่ำ แบบลังกา

๓. ศาลารูปทรงไทย ก่ออิฐถือปูน มีพระนามาภิไธยย่อ จปร. ที่หน้าจั่ว

๔. กุฏิเจ้าอาวาส เดิมเป็นกุฏิชั้นเดียว ทรงไทย ทำด้วยไม้เนื้อแข็ง หลังเดียว อายุประมาณ ๑๑๐ ปี

๕. มณฑปหรือวิหารยอด สร้างเมื่อ พ.ศ. ๒๕๐๗ เป็นศาลาจตุรมุข จำลองมาจากปราสาทพระราชวังบางปะอิน จ.พระนครศรีอยุธยา

๖. ศาลาจตุรมุข เป็นหอพระพุทธอภัยมงคลสามัคคีซึ่งเป็นพระพุทธรูปที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลปัจจุบัน ได้พระราชทานแก่ชาวปัตตานีเพื่อสักการบูชาเป็นที่พึ่งทางใจ

๗. หุ่นขี้ผึ้งหลวงพ่อดำ นนฺทิโย ทำด้วยขี้ผึ้ง ขนาดเท่าองค์จริง เป็นองค์แรกและองค์เดียวของภาคใต้

๘.อนุสรณ์เจ้าพ่อเสือ สร้างไว้เพื่อระลึกถึงอดีตตามประวัติศาสตร์ของวัด

พระสุทธิสมณวัตร หรือ พระอาจารย์วิชิต ชวนปฺญโญ เจ้าอาวาสวัดตุยง บอกวว่า วัดตุยง นอกจากเป็นศาสนสถานที่มีประวัติศาสตร์ความเป็นมายาวนานร่วม ๒ ศตวรรษ ทั้งในแง่ศิลปะ และเรื่องราวทางพุทธศาสนาแล้ว ยังเป็นจุดศูนย์กลางการศึกษาของเหล่าผู้ครองตนอยู่ในสมณเพศ มาตั้งแต่ครั้งพระยาวิเชียรภักดีศรีสงครามกับหลวงปู่พรหม ได้ร่วมกันสร้างวัดนี้ขึ้นมา จนกลายเป็นศูนย์รวมจิตใจที่สำคัญแห่งหนึ่งของพุทธบริษัทในภูมิภาคนี้ โดยได้รับคัดเลือกจากกรมการศาสนา กระทรวง ศึกษาธิการให้เป็นวัดพัฒนาตัวอย่าง เมื่อ พ.ศ. ๒๕๑๐ สิ่งหนึ่งที่น่าสนใจเข้าไปศึกษาหาความรู้ คือ พิพิธภัณฑ์พระราชพุทธิรังษี ที่สร้างขึ้น เพื่อเทิดเกียรติคุณของหลวงพ่อดำ ปัจจุบันใช้เป็นสถานที่ประดิษฐานหุ่นขี้ผึ้งหลวงพ่อดำ และเป็นที่เก็บรักษารวบรวมวัตถุโบราณอันล้ำค่าหายาก เพื่ออนุชนได้ศึกษา รู้คุณค่าในวิถีชีวิตของสังคมไทยในอดีต ประกอบด้วยประเภทต่างๆ ดังนี้ พระพุทธรูปปางต่างๆ นาฬิกาสมัยโบราณ เครื่องหีบเก็บสิ่งของโบราณ แร่ธาตุเครื่องประดับทำด้วยเงิน รูปหนังตะลุง วัตถุมงคลเกจิอาจารย์ทุกจังหวัดทั่วประเทศ ฯลฯ

ส่วนวัตถุมงคลขอหลวงพ่อดำนั้นเป็นที่นิยมทุกรุ่น ล่าสุดวัดได้จัดสร้างเหรียญ ๒ หน้า หลวงปู่ทวดเหยียบน้ำทะเลจืด และหลวงพ่อดำวาจาสิทธิ์ (วัดตุยง) โดยสำนักกษาปณ์ กรมธนารักษ์ เป็นผู้สร้างเหรียญเพื่อมอบเป็นที่ระลึกสำหรับผู้ร่วมทำบุญ มี ๒ แบบ คือ เหรียญในเสมา กับเหรียญใบจิก และมี ๕ เนื้อ คือ เนื้อทองคำ เนื้อเงิน เนื้อนวะโลหะ เนื้อทองแดง และเนื้อทองแดงรมดำ เพื่อนำปัจจัยสมทบทุนการเรียนปริญัติธรรมของวัด

วัดตุยง เปิดให้ประชาชนเข้าชมทุกวัน เวลา ๐๘.๓๐-๑๒.๐๐ น., ๑๓.๐๐-๑๗.๐๐ น.
พุทธศาสนิกชนสอบถามเส้นทางไปวัดได้ที่ โทร.๐-๗๓๔๓-๗๕๐๒ และ ๐-๗๓๔๓-๗๒๓๔
หรือดูรายเอียดประวัติของวัด รวมทั้งกิจกรรมต่างๆ ของวัดได้ที่ http//www.wattuyong.org

- สิ่งสำคัญคู่วัด -
• พระพุทธรูปปางมารวิชัย สมัยเชียงแสน •


• พระอุโบสถ รูปทรงไทย ก่ออิฐถือปูน ขนาดกว้าง ๘.๓๐ เมตร ยาว ๒๑ เมตร สูง ๙ เมตร หลังคาทรงไทย ๓ ชั้น สร้างเมื่อ พ.ศ. ๒๔๘๓ สร้างเสร็จเมื่อ พ.ศ. ๒๔๘๘ อำนวยการสร้างโดย พระครูมานิตย์สมณวัตร (หลวงพ่อดำ นนฺทิโย) ได้สร้างแทนหลังเก่าซึ่งพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้พระราชทานพระราชทรัพย์ส่วนพระองค์ มีพระนามาภิไธยย่อ จปร. ที่หน้าจั่ว อันเนื่องมาจากตำนานได้กล่าวว่าพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ ๕) ทรงโปรดให้สร้างพระอุโบสถด้วยพระราชทรัพย์ส่วนพระองค์และได้ทรงพระราชทานพระปรมาภิไธยย่อ “จ.ป.ร.”


• พระพุทธรูปปางมารวิชัย สมัยเชียงแสน ( สิงห์หนึ่ง ) พระประธานในพระอุโบสถ เมื่อพ.ศ. ๒๔๔๘ สมเด็จกรมพระยาดำรงราชานุภาพ เสด็จมาตรวจราชการ ทราบว่า พระอุโบสถของวัดมุจลินทวาปีวิหาร ยังไม่มีพระประธาน ทรงเป็นธุระในการแสวงหา ในที่สุดก็ได้นำพระพุทธรูปศิลปกรรมสมัยเชียงแสน มีขนาดหน้าตักกว้าง ๑ เมตร ๔ นิ้ว มีมากในอาณาจักรล้านนา ประมาณ พ.ศ. ๑๖๐๐ ซึ่ง พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก ฯ อัญเชิญมาจากจังหวัด สุโขทัย ที่อยู่ตามระเบียงวัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม จึงแจ้งมายัง พระยาเพชราภิบาล ฯ (พ่วง ณ สงขลา) ผู้ว่าราชการเมืองหนองจิกทราบ จึงมอบหมายให้ หลวงนรกิจกำจร ปลัดเมือง เดินทางไปรับโดยทางเรือ


• พระเจดีย์บรรจุพระบรมธาตุ พระเจดีย์ใหญ่รูประฆังคว่ำ แบบลังกา ก่อด้วยอิฐถือปูน ขนาดฐานกว้าง ๘ เมตร ยาว ๘ เมตร สูง ๑๕ เมตรคุณพระจีนคณานุรักษ์ คหบดีใหญ่เมืองตานี เป็นผู้สร้าง คุณพระจีนผู้นี้เป็นผู้อุปถัมภ์วัดมุจลินทวาปีวิหารมาโดยตลอดนับตั้งแต่ได้สร้างพระอุโบสถ เป็นต้นมา ต่อมาพระภิกษุแดงซึ่งเป็นพระธุดงค์ได้นำพระบรมธาตุจากประเทศพม่า มาบรรจุไว้ในพระเจดีย์องค์นี้เมื่อประมาณ ปี พ.ศ. ๒๔๔๘


• มณฑปหรือวิหารยอด สร้างเมื่อ พุทธศักราช ๒๕๐๗ เป็นศาลาจตุรมุข มียอดสูง กว้างด้านละ ๑๒ เมตร ยาวด้านละ ๑๒ เมตร สร้างในสมัย พระมุจลินทโมลี (หลวงพ่อดำ นนฺทิโย) เป็นเจ้าอาวาส เพื่อประดิษฐานรูปเหมือนของอดีตเจ้าอาวาส จึงมอบหมายให้ พระครูนิมมานกิจโกศล (หลวงพ่อเอี่ยม เขมโก) จำลองมาจากปราสาทพระราชวังบางปะอิน จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ซึ่งปัจจุบันได้ประดิษฐานรูปเหมือน หลวงพ่อทวดนวล , หลวงพ่อชุม , หลวงพ่อดำและหลวงพ่อเอี่ยม อดีตเจ้าอาวาสรูปที่ ๓ , ๔ , ๕ และรองเจ้าอาวาส รูปที่ ๕ ตามลำดับ เมื่อท่านมาเยี่ยมชมวัดมุจลินทวาปีวิหาร แล้วก็จะเห็นตั้งเด่นเป็นสง่าอยู่ด้านหน้าของวัด


• ศาลาจัตุรมุข เป็นหอพระพุทธอภัยมงคลสมังคีซึ่งเป็นพระพุทธรูปที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชมหาราช รัชกาลที่ ๙ ได้ทรงพระราชทานแก่ชาวปัตตานีเพื่อได้สักการะบูชา เป็นที่พึง ทางใจ นายวิโรจน์ ราชรักษ์ อดีตผู้ว่าราชการจังหวัดปัตตานีได้ประชุมตกลงกับหัวหน้าส่วนราชการต่าง ๆ มีมติเห็นชอบให้สร้างหอพระ และได้นำพระพุทธรูปองค์นี้มาประดิษฐาน ไว้เมื่อวันที่ ๑๓ เมษายน ๒๕๒๙ และทางวัดพร้อมด้วย ข้าราชการ พ่อค้า ประชาชนจังหวัดปัตตานี ได้ร่วมใจอัญเชิญมาสรงน้ำในวันสงกรานต์ของทุกปี




69







จีรัง กรุ๊ป    

 ธรรมะไทย