ค้นหาในเว็บไซต์ :

เมื่อใดเรานั่งเป็นทุกข์เราก็เป็นคนโง่ แต่เมื่อใดเรารู้จักความทุกข์ ความฉลาดก็เกิดขึ้นทันที

 Webmaster  

การเป็นทุกข์เพราะใจคิดให้มันเป็นทุกข์ ใจคิดให้เป็นทุกข์ก็เพราะไม่รู้จักเลือกที่จะผ่อนคลายจิตใจ เลยเป็นโรคเครียด ประสาทเครียด...อันนี้เพราะเราไม่รู้จักธรรมะ ไม่เอายาวิเศษของพระพุทธเจ้าไปใช้ในชีวิตประจำวัน

คนที่มีความทุกข์มีความเดือดร้อนใจ ไม่ใช้ยาของพระพุทธเจ้า แต่ไปใช้วัตถุเป็นเครื่องแก้ เช่น ไปดื่มของมึนเมาบ้าง ไปเที่ยวกลางคืน ไปสนุกสนานตามสถานที่ต่างๆ การกระทำเช่นนั้นไม่ช่วยให้เราพ้นจากความทุกข์ ความเดือดร้อน แต่เป็นการเพิ่มความทุกข์ความเดือดร้อนมากขึ้น เพราะสิ่งนั้นมันไม่ใช่ทางแก้ทุกข์ให้ชีวิตประจำวัน

การใช้ธรรมะเป็นเครื่องแก้นั้น เราก็ต้องรู้หลักการของพระพุทธเจ้า ได้แก่ การสอนให้เรารู้ว่าทุกข์คืออะไร และก็เหตุให้เกิดทุกข์คืออะไร ทุกข์เป็นเรื่องแก้ได้ และก็แก้ได้โดยวิธีใด

#มองด้านในจะรู้จักทุกข์

การที่จะรู้ที่จะเข้าใจนั้น เราก็ต้อง ต้องมองด้านในคือที่ใจของเรา อย่าไปมองด้านนอก

ถ้ามองด้านนอกไม่ได้อะไร แต่ถ้าเรามองข้างใน คือ มองที่ความคิด การกระทำของเรา เราก็จะรู้ว่าจิตใจของเรามีสภาพอย่างไร รู้ว่าร้อน รู้ว่าทุกข์ แต่ว่าต้องคิดต่อไปว่า ร้อนเรื่องอะไร ทุกข์เรื่องอะไร ทำไมจึงได้ร้อนใจ ทำไมจึงได้เป็นทุกข์ อะไรเป็นตัวเหตุเป็นตัวการ ที่ทำให้เกิดอาการเช่นนี้ขึ้นในใจของเรา เราจะต้องพิจารณาตรวจสอบให้เกิดปัญญา เกิดความรู้ความเข้าใจ

ทุกครั้งที่เรานั่งเป็นทุกข์นั่งกลุ้มใจ ถ้าพูดกันโดยไม่เกรงใจก็พูดว่า เรากำลังโลภ กำลังหลง กำลังมัวเมาในสิ่งนั้น

บางทีเรื่องมันเกิดมาตั้งนานแล้วแต่เราอุตส่าห์คุ้ยเขี่ยเอามานั่งเป็นทุกข์ตรมตรอมใจ ถ้าใครถามว่าเป็นทุกข์เรื่องอะไร ทุกข์ด้วยเรื่องเก่ามันเกิดมานานแล้ว พอนึกถึงมันแล้วก็ไม่สบายใจ เป็นความโง่ความเขลาในจิตใจ

เมื่อใดเรานั่งเป็นทุกข์เราก็เป็นคนโง่ แต่เมื่อใดเรารู้จักความทุกข์ ความฉลาดก็เกิดขึ้นทันที เข้าใจเรื่องนั้นอย่างถูกต้องแล้วก็มองสิ่งนั้นด้วยปัญญา

อันนี้โยมจำไว้เอาไปนั่งพิจารณาดูว่าเวลาที่เราเป็นทุกข์ ทุกข์เรื่องอะไร ไม่ใช่เรื่องเกิดขึ้นเฉพาะหน้า แต่มันเป็นเรื่องอดีตที่ล่วงเลยมาแล้ว ในเรื่องต่างๆ เราก็เอามาคิดให้ทุกข์ใจ

ความทุกข์อันใดเกิดขึ้นก็รู้ทันทีว่านี่เป็นความทุกข์ ทุกข์เพราะเราไปยึดถือสิ่งนั้นไว้ ไปกอดไปรัดมันไว้

ถ้าเราปล่อยมันก็ไม่เป็นอะไร จับไว้มันก็วุ่นวายใจเปล่าๆ เราก็พิจารณาว่ามันเกิดขึ้นแล้ว มันตั้งอยู่นิดหน่อย แล้วมันก็ดับไป

อะไรๆ ที่เกิดขึ้นในใจของเรานั้น ให้เราเพ่งพิจารณาว่า มันไม่คงที่ไม่ถาวร เรื่องดีก็เป็นอย่างนั้น เรื่องเสียก็เป็นอย่างนั้น

อะไรที่เป็นอารมณ์ที่เรารับได้
มันก็เปลี่ยนแปลงไปตามสภาพไม่ถาวร
อะไรที่เรารับไม่ได้
มันก็เปลี่ยนแปลงไปตามสภาพของมัน
ไม่ว่าอะไรมันเปลี่ยนไปทั้งนั้น

เราทำอย่างเดียวว่า ไม่เปิดประตูรับ ไม่ยอมรับสิ่งนั้น เพียงแต่ผ่านตา ผ่านหู ผ่านจมูก ผ่านลิ้น ผ่านกายประสาท ผ่านพ้นไป อะไรเกิดขึ้น มันก็ผ่านพ้นไป ผ่านพ้นไปตามกฎตามเกณฑ์ของธรรมชาติ

เราไม่พอใจ เราไม่เข้าเกี่ยวข้องกับสิ่งนั้น แต่เรามองด้วยปัญญา ด้วยความรู้ทัน ด้วยความรู้เท่า ถ้าเรามองอย่างนี้เราก็ดีขึ้นชีวิตก็สบาย เพราะไม่เข้าไปยึดถืออะไรให้มากเกินไป

ปัญญานันทภิกขุ

#สร้างสรรค์สังคมรมณีย์ #สวนโมกข์กรุงเทพ

7







จีรัง กรุ๊ป    

 ธรรมะไทย