"อุบายกับความแยบคาย" (หลวงปู่เทสก์ เทสรังสี)

 วิริยะ12  

.
 "อุบายกับความแยบคาย"

" .. "อุบายแนะนำสอนกันได้" เช่นบอกว่า "จงรักษาคุณงามความดีด้วยการรักษาศีล" ดังนี้เป็นต้น "ส่วนแยบคายนั้น ไม่ทราบจะบอกอย่างไงกัน" มันต้องเกิดความรู้ความเห็นขึ้นมาด้วยตนเองและความรู้ความเห็นอันนั้นก็เป็นของแจ้งชัดเสียด้วย จนอุทานขึ้นมาในใจว่า "อ๋ออย่างนี้ดอกหรือ" แต่ความรู้อันนั้น จะเอาไปเผยแพร่แก่คนอื่น ก็ไม่เหมือนกับที่รู้ด้วยใจของตนเอง "จะบอกคนอื่นได้ก็เพียงอุปมาอุปมัยเท่านั้น"

รวมความแล้ว "แยบคายเป็นความรู้พิเศษที่เกิดขึ้นปัจจัตตังเฉพาะตน" ผู้เกิดแยบคายขึ้นเฉพาะตนเช่นนั้นแล้ว เอาแยบคายอันนั้นไปสอนผู้อื่น ด้วยอุบายการอุปมาอุปมัยต่าง ๆ ผู้ฟังได้รับฟังคำอุปมาอุปมัยนั้นแล้ว เมื่อยังไม่เกิดแยบคายขึ้นมา ก็เอาอุบายนั้นไปสอนคนอื่นต่อ ๆ ไป

"แยบคายนี้เมื่อเกิดขึ้นเฉพาะบุคคลใดแล้ว" ย่อมทำบุคคลนั้น "ให้สิ้นสงสัยในวิชาที่ตนได้เรียนมาก็ดี หรือตนได้ปฏิบัติมาก็ดี" เป็นอันว่าจบเพียงแค่นี้ แต่มิได้หมายความว่า จบวิชาทุก ๆ ประเภท "เป็นแต่จบหรือสิ้นภูมิความรู้และความสามารถของตนในภูมินั้น ๆ เท่านั้น" เหมือนกับบุคคลที่นำภาระไป "ผู้ใดมีกำลังมากย่อมนำไปได้มาก ผู้มีกำลังน้อยย่อมนำไปได้น้อย" ตามกำลังของตน ๆ ฉะนั้น .. "

"หลักภาวนา"
หลวงปู่เทสก์ เทสรังสี
 

5,584







จีรัง กรุ๊ป    

 ธรรมะไทย