พึงพิจารณากิจตัวเอง ... ไม่แลดูกิจผู้อื่น
๏ นำกลอนเก่า มาเล่าใหม่ อีกครั้งหนึ่ง
มีเหตุซึ่ง ต้องมาดู รู้วิถี
จักทำการ สิ่งใด ให้ได้ดี
ใยแบกที่ ผู้อื่นไซร้ ให้น่ากลัว
๏ อย่าซัดส่าย จิตไป ในโลกกว้าง
จักอ้างว้าง แสยงขน ลนลานทั่ว
พิจารณากิจ ที่ทำ ย้ำของตัว
อย่าส่งใจ ไปมั่ว นอกกายตน
๏ อย่ารับคำ รับความ ของผู้อื่น
ทั้งระรื่น ทั้งเสียดสี ที่สับสน
ทั้งพูดดี พูดร้าย ของเหล่าชน
ที่มีอยู่ นอกตน อย่ารับมา
๏ มิซัดส่าย ดูกิจ ผู้อื่นทำ
การกระทำ เสร็จหรือไม่ ไร้กังขา
ไม่ส่ายซัด ออกไป นอกกายา
มาพิจารณา กิจเรา ช่างเขาไป
๏ แค่แบกขันธ์ แบกโลก ก็โศกยิ่ง
นี่แหล่ะคือ ความจริง ที่ยิ่งใหญ่
สารพัด น้อมรับมา ระอาใจ
คำว่า “เหนื่อย” จึงซุกไซ้ ในจิตตน
๏ ยิ่งมาทำ เรื่องโลกโลก ผิดสีลา
ยืดวัฏฏา ให้ยาวไกล ให้ฉงน
เพราะไม่ใช้ ปัญญา จึงวกวน
ไม่รักตน เพราะอวิชชา มาบดบัง
๏ บ้างพูดดี เอ่ยวจี ที่รื่นหู
กว่าจะรู้ เคลือบยาพิษ สถิตฝัง
ต้องมาชอก มาช้ำ เกินกำลัง
น้ำตาหลั่ง เพราะไปเทียบ เปรียบวจี
๏ นั่นเป็นเพราะ จิตซัดส่าย ยามที่ทำ
ใคร่ให้เขา อุปถัมภ์ นำสิ่งศรี
ไม่สำรวม กายใจ ไว้ให้ดี
ไม่มองที่ งานที่ทำ ย้ำของตน
๏ แบกขันธ์ตน ก็หนัก พักบ้างเถิด
อย่าไปเกิด ความคิด ติดสับสน
อย่าไปคิด แบกโลก นอกจิตตน
สาระวน งูกินหาง ไม่วางไป ๚
*************************************
อย่ารับคำพูดที่แสยงหูของผู้อื่นเข้ามาสู่ตน
อย่าใส่ใจในกิจผู้อื่น ทั้งที่ทำแล้ว และยังไม่ได้ทำ
*พึงพิจารณาเฉพาะกิจของตน
ทั้งที่ทำแล้วและยังไม่ได้ทำ*
แล้วท่านจะมีความสุขตามอัตภาพของตน
และท่านจักพบแต่ความสงบอยู่กับตน
*******************
เจริญในธรรมเจ้าค่ะ
นิษวัน วรานุสาสน์