ศีล
โดย : พ.อ.ปิ่น มุทุกันต์

เรื่องที่ ๓๓ : ผู้ผลาญความเก่ง


"สมรรถภาพ เป็นสิ่งจำเป็นสำหรับมนุษย์ คำว่า สมรรถภาพ บางทีเราพูดทับศัพท์ว่า ความสามารถ ยังไม่พบคำจำกัดความภาษาไทยที่เหมาะๆ แต่ผมคิดแปลงเอาเองว่าความ เก่ง บางทีเราพูดต่อกันว่า ความเก่งกล้าสามารถรวมความแล้ว สมรรถภาพ ก็คือความเก่ง นั่นเอง คนเราจะต้องมีความเก่งอยู่ในตัว จึงจะเป็นอะไรได้ ต่างกันว่าใครจะเก่งทางไหน และเก่งมากเก่งน้อยกว่ากันอย่างไรเท่านั้น แต่ที่แน่ที่สุด คือคน จะดีจะเจริญได้ จะต้องมี ความเก่ง และได้แสดงความเก่งออกมาให้ชาวโลกเขาเห็น จะเป็นเก่งทางเขียน เก่งทางอ่าน เก่งทางทำนา เก่งทางการช่าง หรือเก่งทางพูด เก่งทางฟัง เก่งเป็นรัฐมนตรี เก่งทาง แจว เรือ เก่งทางขับรถ และแม้เก่งทางกวาดถนน ขนขขยะก็ได้ ต้องให้เก่งไว้ อย่างน้อย หนึ่งทาง จึงจะ เอาตัวรอดเกิดมาแล้วต้องเก่ง

ทีนี้ ความเก่งของคนมีอยู่ ๒ ทาง ดี-ชั่วยังไม่พูด พูดกันแค่ความเก่งเสียก่อนที่ว่าเก่ง ๒ ทาง นั้นคือ
- ตัวเก่ง
- ใจเก่ง

ตัวเก่ง หมายความว่า ร่างกายเนื้อตัวของเรา มันมีความเก่ง เช่น มีกำลังแข็งแรง ยกของหนัก ได้ เดินทางได้ไกลๆ วิ่งได้เร็ว กระโดดได้สูง หูตามือไม้ฝึกหัด ใช้การ ได้ดี เหล่านี้เป็นต้น เป็นความเก่งทางร่างกาย

ใจเก่ง ดูกันที่ความคิด คือความคิดเฉียบแหลม คล่องแคล่ว ผ่องใส และมีเหตุผลเพียงพอ ข้อนี้เป็นความเก่งทางใจ ตัวเก่ง กับ ใจเก่ง ก็ดีทั้ง ๒ อย่าง และจำเป็นทั้ง ๒ อย่าง แต่เมื่อ เปรียบเทียบกันแล้ว ความเก่งทางใจมีภาษีมากกว่า ถึงตัวเก่ง ถ้าใจไม่เก่งก็หมดท่า ยกตัว อย่างเช่น การเขียนหนังสือ บางคนฝึกฝีมือ ไว้ดี เขียนได้สวยงาม แต่คนฝีมือดีนั้น จะเขียน ได้ถูกต้อง สะกดการันต์ถูก และข้อความที่เขียนจะเป็นเรื่องเป็นราว จะต้องพึ่งความเก่งทาง ใจ คือเป็นคนที่มีหัวคิด คิดเป็น ช่างคิด ข้อความที่เขียน จึงอ่านได้รสได้เรื่องทีนี้การทำงาน ของจิต ที่เรียกว่า "คิด" นั้น มันมีอาการควบคู่กันอยู่ ๒ อย่าง ความคิดจึงจะ บังเกิดผล ( โปรดอ่านและคิดช้าๆ )

อาการ ๒ อย่างที่ว่านี้ คือความคิด กับ ความรู้ตัว ความคิด หมาย ความว่า การที่จิตสร้าง อารมณ์ขึ้น แล้วก็คิดคืบหน้าไปเรื่อย ส่วนความรู้ตัว

หมายความว่า รู้สึกตัว หรือพูดอีกทีว่า ไม่ลืมเรื่องเดิม ไม่ลืมหลัก ความรู้สึกตัว ทางธรรมะ เรียกว่า "สติ" ในชั้นนี้ โปรดทราบว่า ถ้าสติทำงานช้า จิตจะออกนอกเรื่องหลักไปไกลมาก อาการอย่างนี้เราเรียกว่า "ใจลอย" ก็คือใจที่ไม่มีสติควบบคุมนั่นเอง ทางธรรมะเรียกอาการ อันนี้ว่าความประมาท

ความผิดพลาดของคน มักจะเกิดขึ้นตอนนี้แหละ ตอนลอยนี่ เดินพลาด พูดพลาด เขียน พลาด จำพวกพลาดๆ เผลอๆ พลั้งๆ เกิดขึ้นตอนนี้ทั้งนั้น นี่เพียงแต่สติเกิดช้านะ ที่ร้ายกว่า นั้นก็ยังมี คือสติเกิดชำรุดเอาจริงๆ และนั่นก็หมายความว่า จิตลอยตัวจน ใช้การไม่ได้ เหมือน ว่าวที่หลุดลอยแล้ว เราเรียกว่า คนเสียสติ ร่างกายของเรานี้ ถ้าชักจิตออกเสียแล้ว ก็หมดความ สำคัญ แต่จิตนั้น ถ้าชักสติออกเสียแล้ว ก็สิ้นความหมาย

พระพุทธศาสนา ซึ่งเป็นศาสนาที่มุ่งหนักไปในทางปฏิบัติ จึงสอน ให้สนใจกับจิตและสติ ควบกันไปเสมอ มิฉะนั้น จะบำเพ็ญเพียรให้บรรลุมรรคผล นิพพานไม่ได้เลย สติของคน มี ทางที่ จะเสียได้หลายทาง แต่จะว่าเป็นของเปราะ แตกง่าย เสียง่าย ก็ไม่ใช่ ไม่ได้กินข้าว ทั้งวัน สติก็ไม่เสีย ป่วยตั้งเดือนตั้งปี สติก็ไม่เสีย ก็นับว่าทนทานอยู่ แต่มีสิ่งหนึ่งในโลกนี้ ที่มีพิษสง ทำลายได้ง่ายที่สุด มันเป็นน้ำชนิดหนึ่ง ที่ชาวบ้านเรียกกันว่า "เหล้า" เหล้า คือ อาวุธทำลายสติ ตั้งแต่ ค่อยๆทำลายคุณภาพของสติให้เสื่อมลงๆ จนกระทั่งเสีย ใช้การไม่ได้ เลย ถ้าไม่ เสียฮวบฮาบลงในชาติเดียว ก็ค่อยๆเสียไปทุกภพทุกชาติ และนั่นหมายความว่า ความเก่งในตัวเรา ในใจเรา ได้ถูกผลาญลงไปด้วย ฉะนั้น เราควรจะพูดได้อย่าง เต็มปากว่า "เหล้า คือผู้ผลาญความเก่งของมนุษย์"




จีรัง กรุ๊ป    

 ธรรมะไทย