โทษของความยึดมั่นถือมั่น : หลวงปู่เหรียญ วรลาโภ

 จำปาพร  

พระอาจารย์เหรียญ วรลาโภ
วัดอรัญญบรรพต
อ.ศรีเชียงใหม่ จ.หนองคาย


การประพฤติธรรมในพุทธศาสนานี้เรียกว่าเราประพฤติเพื่อละความยึดมั่นถือมั่น
พระศาสดาก็ทรงสอนในทำนองนี้เหมือนกันนะความมุ่งหมายแห่งคำสอนของพระองค์
มันมามีอยู่ตรงนี้ตรงให้ละ "ความยึดมั่นถือมั่น"นี่ล่ะ

เริ่มตั้งแต่การให้ทานนี้ ลองพิสูจน์ดูก็ได้ การให้ทานนี้ถ้าใครยังไปยึดมั่นถือมั่น
ในวัตถุทาน เสียดายอาลัยอยู่อย่างนี้ก็ให้ทานไม่ได้เลย ถ้าใจนี้สละออกไปได้แล้ว
ไม่เสียดายไม่อาลัยมันแล้วอย่างนี้ ..ให้ทานได้เลย นี่ลองสังเกตดูซิ
คำสอนของพระองค์เป็นการสอนเพื่อให้ละความถือมั่น ความยึดมั่นถือมั่นนี่น่ะ
มันพาให้เทียวเกิดเทียวตายอยู่ในโลกอันนี้ ไม่รู้จักจบจักสิ้น

ถ้าไปยึดมั่นถือมั่นอยู่ใน"บาป"บัดนี้ บาปมันก็พาไปสู่นรกอบายภูมิ
ก็พระพุทธเจ้าท่านสอนให้สังวรระวังในสัตว์ทั้งหลาย อย่าไปเบียดเบียนกันอย่างนี้
มันก็ไม่ฟัง มันก็ไปยึดเอาความพอใจในการเบียดเบียนสัตว์นั้นเป็นอารมณ์อยู่นี้นะ
ก็สร้างบาปสร้างกรรมใส่ตัวเองไม่รู้ว่ากี่เท่าไรแล้ว บาปกรรมมันสะสมไว้ในใจนั้น
เป็นอย่างนี้..โทษแห่งความยึดมั่นถือมั่นในทางชั่วอันนี้
แม้ความยึดมั่นถือมั่นในเรื่องชั่วอื่นๆก็เหมือนกัน มันก็ล้วนแต่เป็นทางไปสู้ทุกข์ทั้งนั้นเลย
แต่คนเรานี้มันหากไม่ได้ใช้ปัญญาพิจารณาให้เห็นโทษแห่งกรรมชั่วเหล่านั้น
ด้วยปัญญาของตนเองเหตุดังนั้นมันจึงละไม่ได้ มันจึงละความยึดมั่นถือมั่นนั้นไม่ได้

ผู้ที่ละได้ก็เนื่องจากว่า มาพิจารณาเห็นแจ่มแจ้งในใจของตนแท้ๆ ถ้าขืนยึดเรื่องชั่วอย่างนี้ไว้
ตนก็จะพ้นทุกข์ไปไม่ได้เลย บัดนี้มันก็นึกเบื่อทุกข์ภัยในสงสารนะคนมีปัญญาน่ะ
อันคนขาดปัญญาแล้วมันไม่เบื่อ ไม่รู้จักเบื่อ เพราะมันติดเหยื่อล่อ
เหยื่อล่อก็คือ ความยินดีพอใจในรูปในเสียงในกลิ่นในรสในเครื่องสัมผัสต่างๆ
อันเป็นที่น่ารักใคร่พอใจต่างๆ อันนี้แหละ มันยินดีอยู่ในรูป เป็นต้นดังกล่าวมานี้
เพราะเหตุนั้นมันจึงไม่เห็นทุกข์เห็นภัยในวัฏสงสารนี้

5,584







จีรัง กรุ๊ป    

 ธรรมะไทย