นมัสการพุทธสังเวชนียสถานสำคัญทั้ง 4 สถาน คือ พุทธคยา, พาราณสี, กุสินารา,ลุมพินี และอีก 4 สถาน ซึ่งเป็นพุทธสังเวชนียสถานที่สำคัญ คือ,สาวัตถี,ไวสาลี,ราชคฤห์,นาลันทา รวมเป็นอัฏฐมหาสถานทั้งแปดแห่งที่สำค

 ALLAM70   29 ก.ย. 2554

AMBIKA TOUR AGENCY (GSA OF JET AIRWAYS)

TEL 02-6968770
FAX 02-6968775

AMBIKA@AMBIKATOURS.COM



วันแรกของการเดินทาง 23 พฤศจิกายน 2554
กรุงเทพฯ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ –กัลกัตต้า - พุทธคยา
เวลา 17.00น. พร้อมกันที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ กรุงเทพฯ เคาน์เตอร์เช็คอินระหว่างประเทศ สายการบิน เจทแอร์เวย์
เคาน์เตอร์ p ประตูทางเข้าที่ 7 เช็คสัมภาระติดป้ายชื่อกระเป๋าและบัตรโดยสารก่อนขึ้นเครื่อง โดยเจ้าหน้าที่จากบริษัท คอยอำนวยความสะดวกเรื่องสัมภาระ และบัตรที่นั่งบนเครื่องบิน
20.15 น . ออกเดินทางเหินฟ้าสู่ เมืองกัลกัตต้า โดยสายการบินเจทแอร์เวย์ เที่ยวบิน 9 w 065 (เวลาที่อินเดียช้ากว่าประเทศไทย1.30ชั่วโมง) รับประทานอาหารเย็นบนเครื่องบิน
21.15 น. เดินทางถึงท่าอากาศยานนานาชาติ เมืองกัลกัตต้า รัฐเวสเบงกอลล์ ประเทศอินเดีย
หลังผ่านพิธีการตรวจคนเข้าเมืองและศุลกากรแล้ว บริการของธรรมเบิกบานจัดรถโค้ชปรับอากาศ/รถตู้ปรับอากาศ รอรับท่านที่สนามบินเดินทางสู่ตัวเมืองพุทธคยา ระยะทางประมาณ 380 กิโลเมตร (ใช้เวลาประมาณ 7 ชั่วโมง) นอนบนรถ ตอนเช้าถึงพุทธคยาเป็นอำเภอหนึ่งที่ขึ้นอยู่กับจังหวัด คยา เดิมชื่ออุรุเวลาเสนานิคม เป็นสถานที่ตรัสรู้อนุตรสัมมาสัมโพธิญาณ แห่งองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า

วันที่สองของการเดินทาง 24 พฤศจิกายน 2554
พุทธคยา สถานที่ทรงตรัสรู้อนุตรสัมมาสัมโพธิญาณ
05.00น. ถึงพุทธคยา นำท่านเข้าสู่ที่พัก ณ วัดไทยพุทธคยา /ศูนยวิปัสนานานาชาติของบังคลาเทศ มีห้องพัก ห้องละ 3 เตียงนอน มีห้องน้ำทุกห้อง สะอาดน่าพักเสมือนโรงแรม เชิญท่านพักผ่อนได้ตามอัธยาศัย กระทั่งถึงเวลาอาหารเช้าประมาณ 8 โมงเช้า รับประทานอาหารเช้า เน้นบริการอาหารไทยเป็นหลัก ตลอดการเดินทาง มีเมนูเด็ด ๆที่ท่านชื่นชอบให้เลือกได้ เช่น ต้มยำ แกงส้ม ผัดกระเพารวมมิตร กระเพาหมูสับ ไข่เจียว ยำรวมมิตร ผัดผัก ส้มตำ ไก่ทอด เป็นต้น จากนั้นนำท่านเข้ากราบสักการะปริมณฑลต้นพระศรีมหาโพธิ์พุทธคยา และ พระมหาเจดีย์พุทธคยาอันสูงตระหง่านเป็นสักขีพยาน ณ สถานที่ตรัสรู้อนุตรสัมมาสัมโพธิญาณของพระผู้มีพระภาคเจ้า กราบสักการะหลวงพ่อ พระพุทธเมตตา พระพุทธปฏิมากรปางชนะมารอายุ 1,400 ปีเศษ ที่รอดพ้นจากการถูกทำลายจากน้ำมือกษัตริย์ฮินดูอย่างปาฏิหาริย์ ประดิษฐานภายในมหาเจดีย์พุทธคยา ด้วยพระพักตร์ที่แสดงออกด้วยเมตตากรุณาอั้นเปี่ยมล้นชาวพุทธทั่วโลกจึงต่างพากันเบียดเสียดเพื่อเข้าไปกราบไหว้บูชา นำท่านสักการะแทบบาทพระศาสดา ถวายเป็นพุทธบูชา ณ โพธิ์บัลลังค์ พระแท่นวัชรอาสน์ ภายใต้ร่มพระศรีมหาโพธิ์อันศักดิ์สิทธิ์ที่สุดในดินแดนถิ่นพุทธภูมิ
....นำท่านนมัสการสัตตมหาสถาน ที่สำคัญอันอยู่ใกล้เคียง ได้แก่อนิมิสเจดีย์ รัตนจงกรมเจดีย์ รันตนฆรเจดีย์ และสระมุจลินท์ เป็นต้น ทำสมาธิ ถวายเป็นปฏิบัติบูชา จนได้เวลาอันสมควรกลับเข้าที่พัก พักผ่อนตามอัธยาศัย
11.30น. รับประทานอาหารกลางวัน ณ ห้องอาหารของที่พัก และร่วมทำบุญทอดผ้าป่าถวายบำรุงพุทธสถาน จากนั้น เชิญท่านพักผ่อนตามอัธยาศัย ประมาณ 2 ชั่วโมง
15.00 น. นำท่านเยี่ยมชมวัดพุทธนานาชาติ เช่น วัดญี่ปุ่น วัดภูฐาน วัดธิเบต วัดพม่า เป็นต้น จากนั้นนำท่านชมปราสาทบ้านนางสุชาดา ธิดากุฎุมพี แห่งตำบลอุรุเวลาเสนานิคม ผู้ถวายข้าวมธุปายาส อันประณีตแด่พระมหาบรุษก่อนการตรัสรู้ อยู่ห่างจากฝั่งแม่น้ำเนรัญชราประมาณ 200เมตร ปัจจุบันเป็นโบราณสถานซากสถูปขนาดใหญ่ สันนิษฐานว่าสร้างในสมัยพระเจ้าอโศกมหาราช ชม แม่น้ำเนรัญชรา สายน้ำที่พระพุทธองค์ทรงอธิษฐานจิตลอยถาดทองคำที่นางสุชาดาถวายพร้อมข้าวมธุปายาสก่อนวันที่จะตรัสรู้หนึ่งวัน จากนั้น นำท่านชมวัดชาวพุทธนานาชาติ ภายในบริเวณมณฑลพุทธคยามีชาวพุทธจากนานาประเทศมาสร้างวัดตามสถาปัตยกรรมแห่งชาติของตนมากมาย เช่น “วัดภูฐานวัดญี่ปุ่น วัดทิเบต” สถานที่พระพุทธองค์ทรงอธิษฐานลอยถาด ณ ริมฝั่งแม่นำเนรัญชรา และสถานที่ชฎิล 3 พี่น้องลอยบริขาร เพื่อออกบวช
20.00 น. รับประทานอาหารค่ำ ณ ห้องอาหารของที่พัก ณ ศูนย์วิปัสนานานาชาติ (มาตรฐานเทียบได้กับโรงแรม 3 ดาว) ...จากนั้น พักผ่อนตามอัธยาศัย เพื่อเตรียมออกเดินทางต่อไปที่เมืองไวสาลี ในเช้าตรู่ของวันรุ่งขึ้น

วันที่สามของการเดินทาง 25 พฤศจิกายน 2554
พุทธคยา-ไวสาลี เป็นสถานที่ทรงปลงอายุสังขาร
เวลา 05.00 น. เช้าตรู่ เตรียมออกเดินทางสู่เมืองไวสาลี (ใช้เวลาประมาณ 4 ชั่วโมง) รับประทานอาหารเช้าแบบปิกนิก บนรถ
เวลา 11.00 น. ถึงเมืองไวสาลี อดีต เคยเป็นเมืองหลวงของแคว้นวัชชี หนึ่งใน 16แคว้นของชมพูทวีป ปกครองโดยกษัตริย์ลิจฉวี รับประทานอาหารกลางวัน ที่วัดไวสาลี จากนั้นช่วงบ่าย นำท่านสักการะปาวาลเจดีย์ สถานที่พระพุทธองค์ทรงปลงอายุสังขาร ก่อนปรินิพพาน 3 เดือน ...นำท่านสักการะกูฏาคารศาลา ณ วัดสวนป่ามหาวัน ซึ่งเป็นสถานที่พระน้านางมหาปชาบดีโคตรมี ทรงขออุปสมบทเป็นภิกษุณีรูปแรกในพระพุทธศาสนา ชมสถานที่สำคัญอื่น ๆ มากมาย
18.0น. นำท่านเข้าที่พัก ณ วัดไวสาลี รับประทานอาหารเย็น ทำวัตรเย็นร่วมกับพระภิกษุสามเณร ถวายผ้าป่าร่วมสร้างวัด สนทนาธรรมตามกาล จากนั้น พักผ่อนตามอัธยาศัย (รุ่งขึ้นเตรียมออกเดินทางต่อไปกุสินารา)

วันที่สี่ของการเดินทาง 26 พฤศจิกายน 2554
ไวสาลี-กุสินารา สถานที่ปรินิพพานและถวายพระเพลิงพุทธสรีระ
เช้า เวลา 06.00 น. เช้า รับประทานอาหารเช้า เตรียมออกเดินทางสู่ เมืองกุสินารา ระหว่างทางนำท่านสักการะมหาสถูปเจดีย์เกสรียา สถานที่พระพุทธองค์ประทานบาตรไว้เป็นที่ระลึกให้ชาวบ้านละแวกนั้นระหว่างทาง 11.00 น. รับประทานอาหารกลางวันแบบปิคนิค จากนั้นออกเดินทางต่อ ช่วงบ่าย ถึงเมืองกุสินาราปัจจุบันตั้งอยู่ ณ ตำบลกาเซีย เมืองโครักขปูร์ ...นำท่าน สักการะ สาลวโนทยาน สถานที่เสด็จดับขันธ์ปรินิพพานขององค์สมเด็จพระสัมมาพุทธเจ้า บูชาสักการะ พระพุทธรูปปางปรินิพพาน (ความยาว 6 เมตร) ซึ่งประดิษฐานอยู่ในมหาปรินิพพานวิหารและเจริญพระพุทธมนต์เจริญจิตตะภาวนา ปิดทองที่ฝ่าพระบาท ถวายผ้าและเครื่องสักการะบูชา เวียนเทียนปทักษิณรอบ ปรินิพพานวิหาร แล้วชม สถานที่พระอานนท์เกาะสลักเพชรร้องไห้ ซากปรักหักพังของกุฎิ เจดีย์ ต่าง ๆ ชมต้นสาละอันเป็นต้นไม้ที่พระพุทธองค์ได้เสด็จดับขันธ์เสร็จ
จากนั้น นำท่านเดินทางสู่ มกุฎพันธนเจดีย์ สถานที่ถวายพระเพลิง พระพุทธสรีระของพระพุทธเจ้า ซึ่งปัจจุบันยังคงเหลือเพียงสถูปเจดีย์ทรงกลมขนาดใหญ่ สร้างขึ้นมาครอบไว้ภายหลังการถวายพระเพลิง ชาวบ้านเรียกว่ารามภาร์(Ramabhar)
จากนั้นนำท่าน เข้าที่พัก ณ วัดไทยกุสินาราเฉลิมราชย์/วัดไทยกุสาวดี ร่วมทำบุญทอดผ้าป่าถวายวัดไทย รับประทานอาหารเย็น พักผ่อนตามอัธยาศัย (เพื่อเช้าตรู่เตรียมออกเดินทางต่อไปที่เมืองลุมพินีประเทศเนปาล)

วันที่ห้าของการเดินทาง 27 พ.ย. 2554
กุสินารา -ลุมพินี สถานที่ประสูติแห่งพระศาสดาเอกของโลก-(-สาวัตถี
เวลา 05.30 น. เช้าตรู่ เตรียมออกเดินทางไปผ่านด่านโสเนาลีอินเดีย-เนปาล **(โปรดเตรียมหนังสือเดินทางไว้กับตัวเพื่อประทับตราออกจากประเทศอินเดีย เข้าสู่ประเทศเนปาล)** รับประทานอาหารเช้า ณ พุทธวิหาร สาลวโนทยาน 960 จากนั้นเดินทาง เข้าสู่สถานที่ประสูติขององค์พระพุทธองค์ ณ สวนลุมพินีวัน ในอดีตเป็นอุทยาน ตั้งอยู่กึ่งกลางระหว่าง กรุงกบิลพัสดุ์และ กรุงเทวหะ พระพุทธมารดา พระนางสิริมหามายา ซึ่งประทับอยู่กรุงกบิลพัสดุ์ขณะที่ทรงพระครรภ์แก่ ได้เสด็จประพาสอุทยานพร้อมด้วยข้าราชบริพาร ระหว่างทางเกิดประชวรจะมี พระประสูติกาล ราชบริพารจึงจัดที่ประสูติถวายภายใต้ต้นสาละ ประสูติพระโอรส คือ สิทธัตถกุมาร ณ สถานที่นี้ปัจจุบันมีเสาหินของพระเจ้าอโศกปรากฏอยู่ ก่อนหน้านี้มีต้นโพธิ์และวิหารมายาเทวี …นมัสการสถานที่ประดิษฐานรอยพระพุทธบาท รอยแรกที่ประทับไว้พื้นปฐพีเป็นครั้งแรก นำท่าน เจริญพระพุทธมนต์ เจริญสมาธิภาวนา เวียนประทักษิณ ...นำชมหินสลักภาพประสูติ .....นำชม เสาหินของพระเจ้าอโศกมหาราช และสระโบกขรณี …. กลางวัน รับประทานอาหารกลางวันที่ลุมพินีวัน ...จากนั้นเตรียมออกเดินทางกลับเข้าสู่ด่านโสเนาลี เพื่อเดินทางกลับเข้าอินเดีย ..นำท่านออกเดินทางต่อไปยังเมืองกุสินารา (ใช้เวลาเดินทางประมาณ 4 ชั่วโมง) ช่วงเย็น เดินทางถึงเมืองสาวัตถี เย็นเข้าที่พัก ณ วัดเกาหลีใต้ รับประทานอาหารเย็น จากนั้นพักผ่อนตามอัธยาศัย

วันที่หกของการเดินทาง 28 พ.ย. 2554
ลุมพินี – สาวัตถีเป็นเมืองที่พระพุทธองค์ทรงจำพรรษานานที่สุด-พาราณสี
เช้า เวลา 06.00 น. อาหารเช้าแบบฝรั่ง จากนั้น...นำสักการะวัดเชตวันมหาวิหารที่ซึ่งพระพุทธองค์ประทับจำพรรษา นานถึง 19 พรรษา เป็นศูนย์กลางการเผยแผ่พระพุทธศาสนาที่สำคัญที่สุด นมัสการพระคันธกุฎี ฤดูร้อน ฤดูหนาวและฤดูฝนนมัสการ ธรรมศาลา ที่ใหญ่ที่สุดธรรมสภากุฏิพระอรหันต์เช่น พระโมคคัลลาพระสารีบุตรพระสิวลี พระอานนท์ พระราหุล พระองคุลิมาล พระมหากัสสปะ และอารามฝ่ายพระภิกษุที่เคยจำพรรษาในครั้งพุทธกาล นมัสการ “อานันทะโพธิ“ ต้นโพธิ์ที่มีอายุยืนยาวมาจนถึงปัจจุบัน จากนั้นนำชมคฤหาสน์ของ ท่านอนาถบิณฑิกเศรษฐีบ้านบิดาของท่านองคุลิมาล
ชมสถานที่ธรณีสูบพระเทวทัตและนางจิญจมาณวิกา และสถานที่พระพุทธองค์แสดง ยมกปาฏิหาริย์มีลักษณะเป็นเนินดินสูงประมาณ 50เมตร ที่แห่งนี้พระพุทธองค์ทรงแสดงยมกปาฎิหารย์เพื่อโปรดประชาชนชาวสาวัตถีและข่มเจ้าลัทธิอื่นๆ หลังจากนั้นทรงเสด็จไปประทับจำพรรษาที่ดาวดึงส์ เมื่อออกพรรษา ทรงเสด็จลงจากสวรรค์ในวัน เทโวโรหนะ หลังวันออกพรรษา 1 วัน ที่เมืองสังกัสสะนคร
11.00 น. รับประทานอาหารกลางวัน จากนั้นเตรียมออกเดินทางไปเมืองพาราณสี(ใช้เวลาเดินทางประมาณ 6ชั่วโมงแล้วแต่สภาพการจราจร) ช่วงเย็น เดินทางถึง เมืองพาราณสี เข้าที่พัก ณ วัดไทยสารนาถ รับประทานอาหารเย็น พักผ่อนตามอัธยาศัย (ช่วงเย็นพบกับคณะสายสั้นที่เดินทางมาจากพุทธคยา)

วันที่เจ็ดของการเดินทาง 29 พ.ย. 2554
พาราณสี สถานที่ทรงแสดงปฐมเทศนาเป็นครั้งแรก-ล่องคงคาศักดิ์สิทธิ์
เช้าตรู่เวลา 05.00 น. นำท่านล่องเรือชมแม่น้ำคงคาซึ่งชาวฮินดูเชื่อว่าเป็นแม่น้ำศักดิ์สิทธิ์เพราะไหลมาจากภูเขาไกรลาส (Mt.Kailash)บนสรวงสวรรค์ (ตามหลักภูมิศาสตร์แม่น้ำนี้ไหลมาจากเทือกเขาหิมาลัย,ประเทศเนปาล) ชมพิธีบูชาพระอาทิตย์และการอาบน้ำล้างบาปของชาวฮินดูริมฝั่งแม่น้ำคงคาและพิธีการเผาศพซึ่งมีมานานกว่า 4,000ปี โดยกองไฟที่เผาศพไม่เคยดับมอดลงเลย จากนั้น นำท่านกลับที่พัก รับประทานอาหารเช้าแบบฝรั่ง แซนวิช ขนมปัง นมกล่อง ผลไม้จากนั้นนำท่าน เข้าชมพระราชวัง หมื่นปี ซึ่งเป็นพระราชวังของพระเจ้าพรหมทัตผู้เคยครองนครพาราณสีอย่างยาวนาน และชมโบสถ์พราหมณ์ ในเมืองพาราณสีที่สวยงามหลายแห่ง เวลา 11.00 น. รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารในเมืองพาราณสี จากนั้น...ช่วงบ่าย นำท่านเข้าสักการะ ธัมเมกขสถูป สถานที่ทรงแสดงปฐมเทศนา แสดงธัมมจักรกัปปวัตตนสูตร โปรดปัญจวัคคีย์ นำท่านสวดธัมมจักร นั่งสมาธิ เวียนเทียน บูชาสักการะ พระมูลคันธกุฏิ กุฏิที่พระพุทธองค์จำพรรษาครั้งแรกหลังจากตรัสรู้ ชมหลักศิลาจารึกของพระเจ้าอโศกมหาราชอันเป็นหลักฐานสำคัญสื่อให้รู้ว่าเป็นสถานที่พระพุทธองค์ได้แสดงปฐมเทศนาเป็นครั้งแรก ชม“ยะสะเจดีย์”สถานที่ยะสะกุลบุตรพบพระพุทธองค์ แล้วชม สังฆาราม กว่า 1,000 หลัง ในอดีตเมืองพาราณสีเป็นเมืองเก่าแก่กว่า 6,000ปี ไม่เคยร้าง ในชาดกได้ระบุชื่อเมืองนี้มากมาย ผู้ครองเมืองก็มักจะชื่อ พระเจ้าพรหมทัตต์คุ้นหูของชาวพุทธมาก สมัยพุทธกาล เมืองนี้เกี่ยวข้องกับพระพุทธองค์ ตอนตรัสรู้แล้วใหม่ๆ ได้เสด็จจากอุรุเวลาเสนานิคม มายังป่าอิสิปตนมฤคทายวัน(ป่าเป็นที่ปฏิบัติธรรมของฤาษีอันเป็นเขตอภัยทานเป็นที่พึ่งของหมู่กวาง)ปัจจุบันเมืองนี้เรียกว่า สารนาถ ...นำชม เจาคันธีสถูป สถานที่ที่พระพุทธองค์ทรงพบปัญจวัคคีย์ นำท่านเข้าชม พิพิธภัณฑ์ สารนาถ ที่ประดิษฐานพระพุทธรูปปางปฐมเทศนาที่เก่าแก่ และงดงามที่สุดในโลก พระพุทธรูปองค์นี้ได้ส่งประกวดระดับโลก และชนะเลิศมาแล้วหลายครั้ง จากนั้นนำท่านสักการะพระบรมสารีริกธาตุที่วัดศรีลังกา และเข้ากราบพระสถูปเจดีย์อีกรอบ จากนั้น นำท่านชมและ เลือกซื้อของฝากจากเมืองพาราณสี มีผ้าจากแคว้นกาสี พระพุทธรูปต่าง ๆ เครื่องประดับ สร้อยปะคำ ของที่ระลึกต่าง ๆ มากมาย ฯลฯ ช่วงเย็น รับประทานอาหารเย็น พักผ่อนตามอัธยาศัย

วันที่แปดของการเดินทาง 30 พ.ย. 2554
พาราณสี-นำท่านล่องแม่น้ำคงคาอันศักดิ์สิทธิ์-พุทธคยา
เช้าตรู่ นำท่านสวดมนต์ที่พระสถูปเจดีย์อีกรอบ (ตามอัธยาศัย) จากนั้นรับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของวัดไทยสารนาถ ร่วมกันถวายผ้าป่าเพื่อบำรุงวัด เตรียมสัมภาระใส่รถให้เรียบร้อย ออกเดินทางกลับพุทธคยา รับประทานอาหารกลางวัน ณ ร้านอาหาร ระหว่างทาง ช่วงบ่าย ถึงเมืองพุทธคยา นำท่านชมบ้านนางสุชาดาจากนั้นนำท่านชมปราสาทบ้านนางสุชาดา ธิดากุฎุมพี แห่งตำบลอุรุเวลาเสนานิคม ผู้ถวายข้าวมธุปายาส อันประณีตแด่พระมหาบรุษก่อนการตรัสรู้ อยู่ห่างจากฝั่งแม่น้ำเนรัญชราประมาณ 200เมตร ปัจจุบันเป็นโบราณสถานซากสถูปขนาดใหญ่ สันนิษฐานว่าสร้างในสมัยพระเจ้าอโศกมหาราช ชม แม่น้ำเนรัญชรา สายน้ำที่พระพุทธองค์ทรงอธิษฐานจิตลอยถาดทองคำที่นางสุชาดาถวายพร้อมข้าวมธุปายาสก่อนวันที่จะตรัสรู้หนึ่งวัน สถานที่พระพุทธองค์ทรงอธิษฐานลอยถาด ณ ริมฝั่งแม่นำเนรัญชรา และสถานที่ชฎิล 3 พี่น้องลอยบริขาร เพื่อออกบวชเป็นพระสาวก ช่วงเย็น นำท่านเข้าที่พัก ณ ศูนย์วิปัสสนา บังคลาเทศ รับประทานอาหารเย็น พักผ่อนตามอัธยาศัย (เช้าตรู่เตรียมออกเดินทางไปเมืองราชคฤห์-นาลันทา )

วันที่เก้าของการเดินทาง 1 ธ.ค. 2554
-พุทธคยา-ราชคฤห์-นาลันทา,ขึ้นเขาคิฎชกูฏและมีสถานที่สำคัญฯลฯ
เช้าตรู่เวลา05.30 เตรียมออกเดินทางสู่เมืองราชคฤห์(ระยะทางประมาณ70กิโลเมตรใช้เวลาเดินทางประมาณ2ชั่วโมง)
เมืองราชคฤห์ ในอดีตเป็นเมืองหลวงของแคว้นมคธพระเจ้าพิมพิสารครองเมืองตั้งอยู่บนหุบเขาทุกทิศมีภูเขา5ลูกล้อมรอบคือเวปุลละ,เวการะ,ปัณฑวะ,อิสิคิริและคิชกูฏ นำท่านผ่าน ซากกำแพงเมืองโบราณ เมื่อผ่านซากกำแพงเมืองโบราณแล้ว จะพบโบราณสถานอีกแห่งหนึ่งคือสถูปที่พบกันระหว่างพระเจ้าพิมพิสารกับมหาบรุษก่อนตรัสรู้ … นำท่านขึ้นเขาคิชฌกูฎ เพื่อนมัสการ “ พระคันธกุฎิ”กุฏิพระพุทธองค์ การขึ้นเขาคิชฌกูฏ เป็นการเดินขึ้นที่สูง ลาดชันพอประมาณ ระยะทางโดยรวมประมาณ 750 เมตร ทุกท่านจะต้องเดินขึ้น รถยนต์ไม่สามารถขี้นไปถึง สามารถเดินขึ้นได้ ใช้เวลาประมาณ 20 นาทีก็ถึง สำหรับท่านที่เดินไม่ไหวมีบริหารนั่งเสลี่ยงเพื่อหามขึ้น(โปรดแจ้งหัวหน้าทัวร์ล่วงหน้า) ระหว่างเดินทางขึ้นเขานำท่านแวะชมสถานที่ที่พระเทวทัตต์กลิ้งก้อนหินใส่พระพุทธองค์ ถ้ำพระมหาโมคลานะ ถ้ำสุกรขาตา ที่พระสารีบุตรบรรลุพระอรหันต์ ถึงยอดเขาคิชฌกูฎ นำท่าน ทำสมาธิภาวนา ณ พระคันธกุฎิ ชมทิวทัศน์เมืองราชคฤห์จากพื้นสูง ได้เวลาอันสมควรนำท่านลงจากยอดเขา แวะชม ชีวกัมพวัน “สวนมะม่วงของหมอชีวก”เป็น อารามของหมอชีวกชีวกโกมารภัจจ์ ยกสวนมะม่วงถวายในคราวที่พระเทวทัตต์ประทุษร้ายพระองค์ โดยกลิ้งหินลงใส่พระพุทธองค์ ทำให้สะเก็ดหินกระเด็นถูกพระบาทของพระองค์จนห้อพระโลหิตหมอชีวกโกมารภัจจ์ถวายการรักษาพยาบาลอารามแห่งนี้
เวลา 11.00 น. รับประทานอาหารกลางวัน ณ วัดไทยนาลันทา จากนั้นพร้อมกันถวายผ้าป่าเพื่อบำรุงวัน จากนั้น ช่วงบ่ายนำท่านเข้าสู่ จากนั้นนำท่าน สักการะพระพุทธรูปองค์ดำที่ศักดิ์สิทธิ์ อธิษฐานได้ตามปรารถนา และ นำท่านเข้าชม มหาวิทยาลัยนาลันทาเก่า(โอลนาลันทา) ซากมหาวิทยาลัยพุทธศาสนาที่เคยรุ่งเรืองโด่งดังมากที่สุดในโลก มีพระนักศึกษาจำนวนหมื่น เมื่อราว พ.ศ.1700 ได้ถูกชาวมุสลิมรุกรานสังหารพระและคณาจารย์และเผาทำลายเสียสิ้นปัจจุบันเหลือไว้แต่ ซากปรักหักพังปรากฏเป็นรูปฐานและผนังของอาคารยาวเหยียด ในบริเวณอันกว้างขวาง และสถานที่แห่งนี้ยังเป็นบ้านเกิดของ พระโมคคัลลาน์ พระสารีบุตร สักการะ “สถูปพระสารีบุตร” สถูปเจดีย์ที่บรรจุอัฐิธาตุของพระสารีบุตร ได้เวลาอันสมควรเดินทางต่อสู่เมืองราชคฤห์ ....จากนั้นนำท่านสักการะ วัดเวฬุวันมหาวิหาร ซึ่งเป็นต้นกำเนิดของวัด คือ วัดแห่งแรกในพระพุทธศาสนา ที่พระเจ้าพิมพิสาร ทรงยกพระราชอุทยานสวนไม้ไผ่ถวายเป็นที่ประทับแห่งแรกแด่พระพุทธเจ้าและเหล่าพระสงฆ์สาวก พุทธองค์ทรงประทับจำพรรษา ณ ที่แห่งนี้แล้ว 6 พรรษา เจริญพระพุทธมนต์เจริญสมาธิภาวนา ณ อุโบสถ สถานที่ประชุมพระสาวกอรหันต์ 1,250รูป ในวันเพ็ญขึ้น 15ค่ำ เดือน 3 ซึ่งเรียก การประชุมนี้ว่า จาตุรงคสันนิบาต มูลเหตุแห่งพิธีมาฆบูชา และพุทธองค์ได้ทรงแสดงโอวาทปาติโมกข์แก่ภิกษุเหล่านั้น แวะชมบริเวณ คุกขังพระเจ้าพิมพิสาร และชม รอยเกวียนโบราณ หลักฐานวัตถุที่เห็นเด่นชัดที่สุดของการสัญจรไปมาหรือการค้าขายในอดีตของเมืองราชคฤห์ และตโปธารนที สถานที่สรงน้ำของพระสงฆ์และถ้ำมหาสมบัติฯลฯ พอสมควรแก่เวลา นำท่านเดินทางกลับพุทธคยา ช่วงเย็น นำท่านเข้าที่พัก รับประทานอาหารเย็น พักผ่อนตามอัธยาศัย (ท่านที่ต้องการไปปฏิบัติที่พระเจดีย์พุทธคยา แจ้งให้ทราบก่อนล่วงหน้า)

วันที่สิบของการเดินทาง 2 ธ.ค. 2554
-พุทธคยา-เข้าร่วมขบวนพิธีแห่พระไตรปิฎกโลก -กลับกัลกัตต้า
เวลา 05.00 น. นำท่านปฏิบัติสวดมนต์ทำวัตรเช้า ณ พระเจดีย์ศรีมหาโพธิ์ นั่งสมาธิ แผ่เมตตาจิตเพื่อความเป็นสิริมงคล
เวลา 07.00 น. รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารที่พัก จากนั้นเตรียมสัมภาระให้เรียบร้อย เพื่อเจ้าหน้าที่จะได้เตรียมจัดใส่ในรถเตรียมพร้อมก่อนออกเดินทาง จากนั้น เวลา 08.00 น. นำท่านเข้าร่วมขบวนพิธีแห่พระไตรปิฎก เตรียมพร้อมเพื่อเข้าร่วมพิธีอันศักดิ์สิทธิ์ของชาวพุทธทั่วโลกที่มาร่วมกันประกอบแห่พระไตรปิฎกและร่วมพิธีสวดสาธยายพระไตรปิฎกที่ลานพระเจดีย์ศรีมหาโพธิ์ เวลา 11.00 น. รับประทานอาหารกลางวัน เสร็จแล้วเตรียมออกเดินทางต่อไปยังเมืองกัลกัตต้า เพื่อเตรียมเดินทางกลับประเทศไทย เวลา 21.00 น. เดินทางถึงท่าอากาศยานดัมดัม ในเมืองกัลกัตต้า ผ่านด่านศุลกากรตรวจเช็คกระเป๋าสัมภาระ (หนังสือเดินทางควรเตรียมไว้ในกระเป๋าถือสำหรับขึ้นเครื่องเท่านั้น)
วันที่สิบเอ็ดของการเดินทาง 3 ธ.ค. 2554 ท่าอากาศยานกัลกัตต้า-ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ประเทศไทย
01.05 น. ออกเดินทางสู่กรุงเทพฯโดยสายการบินเจท์แอรเวย์ เที่ยวบินที่ 9 w 066 เวลา 05.50 น. เดินทางถึงสนามบินสุวรรณภูมิ กรุงเทพฯโดยสวัสดิภาพ “พร้อมความประทับใจอิ่มบุญเพิ่มบารมีกับทัวร์ธรรมะบุญเบิกบาน” พบกันใหม่ในโปรแกรมหน้า

อัตราค่าบริการ 29,900

อัตราค่าบริการนี้รวม

ค่าตั๋วเครื่องบินสายการบิน ของเจท์แอร์เวย์ เดินทางไป-กลับพร้อมคณะ รวมค่าภาษีสนามบินทุกแห่งที่ระบุแล้ว -ค่าที่พัก ตามที่ระบุไว้ในรายการ -ค่าอาหาร เครื่องดื่ม ค่าธรรมเนียมเข้าชมสถานที่ต่างๆ ตามที่ระบุไว้ในรายการ -ค่ารถบริการรับส่งระหว่างสนามบิน-นำเที่ยวทุกรายการกระทั่งส่งกลับขึ้นเครื่อง -ค่ามัคคุเทศก์ผู้ชำนาญเส้นทางดูแลตลอดการเดินทาง -ค่าธรรมเนียมน้ำมันและค่าประกันภัยการเดินทางที่เรียกเก็บจากสายการบิน ซึ่งเป็นอัตราเรียกเก็บ ณ วันที่ทำการ -ค่าธรรมเนียมการยื่นขอวีซ่า แบบท่องเที่ยว สำหรับผู้ถือหนังสือเดินทางไทย (กรณีท่านถูกปฏิเสธการขอวีซ่า ทางสถานทูตจะไม่คืนค่าธรรมเนียมให้ท่าน) -ค่าประกันชีวิตกรณีอุบัติเหตุในระหว่างการเดินทาง คุ้มครองในวงเงินไม่เกินท่านละ 1,000,000 บาท และค่า - รักษาพยาบาลกรณีอุบัติเหตุในวงเงินไม่เกิน ท่านละ 200,000 บาท (ตามเงื่อนไขกรมธรรม์)


   

DT011560

ALLAM70

29 ก.ย. 2554
 เปิดอ่านหน้านี้  5828 

  แสดงความคิดเห็น


RELATED STORIES



จีรัง กรุ๊ป    

 ธรรมะไทย