วัดคฤหบดี เป็นพระอารามหลวงชั้นตรี ชนิดสามัญ ตั้งอยู่ริมแม่น้ำเจ้าพระยา ในแขวงบางยี่ขัน เขตบางพลัด กรุงเทพมหานคร
ประวัติการสร้าง:
• ผู้สร้าง: พระยาราชมนตรีบริรักษ์ (ภู่) ต้นสกุลภมรมนตรี เป็นผู้สร้างขึ้นในปี พ.ศ. 2367 ในสมัยพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 3)
• พระประธาน: พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัวได้พระราชทาน "หลวงพ่อพระพุทธแซกคำ" หรือ "พระแทรกคำ" ซึ่งเป็นพระพุทธรูปเก่าแก่สมัยเชียงแสนตอนปลาย ที่ได้มาจากเวียงจันทน์ ให้มาประดิษฐานเป็นพระประธานในพระอุโบสถของวัด
ลักษณะเด่น:
• สถาปัตยกรรม: พระอุโบสถของวัดคฤหบดีมีสถาปัตยกรรมที่ได้รับอิทธิพลจากศิลปะจีนตามแบบนิยมในสมัยรัชกาลที่ 3 คือ ก่ออิฐถือปูน ไม่มีช่อฟ้า ใบระกา
• หลวงพ่อพระพุทธแซกคำ: เป็นพระพุทธรูปโบราณที่มีความสำคัญและเป็นที่เคารพศรัทธาอย่างมาก มีตำนานเล่าว่าเคยเป็นพระคู่บ้านคู่เมืองในสมัยอาณาจักรล้านนา และเคยมีพระบรมสารีริกธาตุบรรจุอยู่ถึงร้อยองค์
• พระบรมธาตุเจดีย์: บริเวณริมน้ำเจ้าพระยามีพระบรมธาตุเจดีย์ที่สร้างแบบทรงเรียบง่ายตามคติพระสถูปที่พุทธคยา โดยบนยอดเป็นรูปจำลองของผอบที่บรรจุพระบรมสารีริกธาตุ พร้อมด้วยจารึก เจดีย์นี้สูง 21 เมตร มองเห็นเด่นชัดอยู่ริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา
การบูรณะ:
• ในสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 5) ได้โปรดให้ปฏิสังขรณ์วัดคฤหบดีครั้งใหญ่ ทำให้อาคารเสนาสนะต่าง ๆ มีสภาพถาวรมั่นคง และได้พระราชทานตราประจำรัชกาลประดิษฐานไว้จนถึงปัจจุบัน
วัดคฤหบดีจึงเป็นวัดที่มีประวัติศาสตร์ยาวนาน และมีความสำคัญทางศิลปะและวัฒนธรรม โดยเฉพาะการประดิษฐานหลวงพ่อพระพุทธแซกคำอันเป็นที่เลื่องลือ
• พระบรมธาตุเจดีย์: บริเวณริมน้ำเจ้าพระยามีพระบรมธาตุเจดีย์ที่สร้างแบบทรงเรียบง่ายตามคติพระสถูปที่พุทธคยา โดยบนยอดเป็นรูปจำลองของผอบที่บรรจุพระบรมสารีริกธาตุ พร้อมด้วยจารึก เจดีย์นี้สูง 21 เมตร มองเห็นเด่นชัดอยู่ริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา
• พระอุโบสถ
• หลวงพ่อพระพุทธแซกคำ: พระประธานในพระอุโบสถ เป็นพระพุทธรูปโบราณที่มีความสำคัญและเป็นที่เคารพศรัทธาอย่างมาก มีตำนานเล่าว่าเคยเป็นพระคู่บ้านคู่เมืองในสมัยอาณาจักรล้านนา และเคยมีพระบรมสารีริกธาตุบรรจุอยู่ถึงร้อยองค์
• พระวิหาร
• พระเจดีย์
• ตำนาน “พระพุทธแซกคำ” และ “พระนางจามเทวี” วัดคฤหบดี
เมื่อพระนางจามเทวีได้ขึ้นครองราชสมบัติเป็นกษัตริยาแห่งหริภุญชัยนคร พระนางเจ้าให้ช่างสร้างพระพุทธรูปขึ้นเพื่อเป็นการบูชาพระคุณ พระชนก และพระชนนี และ เป็นการฉลองในส่วนพระองค์เองด้วย เมื่อสร้างเสร็จแล้วจัดงานสมโภชพระพุทธรูปทั้ง ๓ องค์ พระนาง ทรงปีติโสมนัสเป็นอย่างยิ่ง ได้ตั้งจิตอธิษฐานว่า “พระพุทธรูปทั้ง ๓ องค์ สวยงามไม่มีที่ติ ถ้าหากว่ามีพระพุทธรูปองค์ใดงามยิ่งกว่า ก็ขอให้มาปรากฏให้เห็นในมณฑลพิธีนี้”
เมื่อจบคำอธิษฐานทั่วทั้งมณฑลพิธีตลบไปด้วยกลุ่มควันสีขาวและมีลำแสงทอดลงมาจากนภากาศและปรากฏเห็นพระพุทธรูปมีลักษณะงดงามมาก แหวกอากาศลงมาตามลำแสงสีทองคำ มาตั้งประดิษฐานแซก (แทรก) อยู่ในระหว่างพระพุทธรูป ๓ องค์นั้น พระนางเห็นอัศจรรย์ดังนั้นยิ่งมีจิตโสมนัสเป็นอย่างมาก โปรดฯให้จัดงานสมโภชฉลองจนครบ ๙ วัน ๙ คืน
โดยทรงถวายนามพระพุทธรูปนี้ว่า “พระพุทธแซกคำ” เหตุเพราะแหวกอากาศลงมาตามลำแสงสีทองคำ มาตั้งแซก (แทรก) อยู่ท่ามกลางพระพุทธรูปทั้ง ๓ จึงได้นามว่า พระพุทธแซกคำ จากนั้นมากล่าวขานกันว่า ท้าวสักกะ อินทราธิราช ได้เนรมิตสร้าง พระพุทธแซกคำ เป็นที่เคารพนับถือของพุทธศาสนิกชนโดยทั่วไป เชื่อกันว่า เป็นพระพุทธรูปที่มีศักดิ์สิทธิ์
“พระพุทธแซกคำ” เป็นพระพุทธรูปสำคัญคู่อาณาจักรล้านนาและอาณาจักรล้านช้าง มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์ของประเทศไทย และมีตำนานการสร้างอันอัศจรรย์ ภายในองค์ประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุ ๑๐๐ องค์ และกล่าวขานกันว่าเป็นพระพุทธรูปที่มีความศักดิ์สิทธิ์มาก พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๓ โปรดพระราชทานให้อัญเชิญประดิษฐานเป็นพระประธานประจำพระอุโบสถวัดคฤหบดี เมื่อครั้งพระราชทานเป็นพระอารามหลวง ใน พ.ศ.๒๓๖๙ จวบปัจจุบัน ๑๙๙ ปี