ใจยึดกิเลสไว้จึงพาไปทำบาป : หลวงปู่เหรียญ วรลาโภ

 จำปาพร  

พระอาจารย์เหรียญ วรลาโภ
วัดอรัญญบรรพต
อ.ศรีเชียงใหม่ จ.หนองคาย

...

เข้าวัดเข้าวาเป็นครั้งเป็นคราวอย่างนี้
ก็นับว่า เหมาะสมกับความเป็นผู้ครองเรือน
เพราะมีธุรกิจการงานอยู่มาก เราก็ฉวยโอกาส
เอาเวลาว่างๆมาฝึกฝนอบรมตนอย่างนี้
ก็นับว่าเป็น "ผู้มีปัญญา" รู้จักแสวงหาทางออกจากทุกข์

เพราะว่า ชีวิตของคนเรานี่มันเป็นของไม่เที่ยงไม่ยั่งยืน
ความตายเป็นของแน่ แต่ว่าจะตายวันไหน
ก็ไม่มีใครบอกล่วงหน้าให้รู้เลย
บัดนี้ตายแล้วไม่ใช่มันสูญ
ชีวิตของมนุษย์และสัตว์ทั้งหลายน่ะมันไม่สูญหรอก
"ร่างกาย" มันก็ยังเหลือเถ้ากับกระดูกมันนี่
นั่นแหละเป็นสักขีพยานน่ะ ส่วน "จิตใจ" นี่
ไม่มีใครล่วงรู้ได้นอกจากพระพุทธเจ้าแล้ว
ว่าตายแล้วไปเกิดที่ไหน เป็นสุขหรือเป็นทุกข์
มีแต่พระพุทธเจ้าพระองค์เดียวทรงรู้แจ้งได้เลย

ไอ้ "จิต" นี่แหละมันสำคัญน่ะ
เพราะมันเร่ร่อนไปเกิดในภพน้อยภพใหญ่
ส่วน "ร่างกาย" นี่มันหมดบุญหมดกรรมแล้ว
มันก็แตกลงสู่พื้นดิน อย่างนี้นะ
มันไม่ปัญหามากมายร่างกายนี่น่ะ
มันก็มีปัญหาแต่เวลามันยังอยู่นี่แหละ
เมื่อมันหมดเขตของมันแล้วก็แตกดับ
ลงไปเป็นธาตุ ลงไปแล้วก็แล้วเรื่องไป

แต่ที่มันไม่แล้วเรื่องก็คือ “ดวงจิต” ซิ
นี่แหละดวงจิตนี้มีปัญหามาก
เพราะดวงจิตนี่เมื่อมันยังไม่รู้แจ้งในธรรมของจริง
มันย่อมยึดถืออะไรต่ออะไร กรรมดีมาถึงมันก็ยึดเอาไว้
กรรมชั่วมาถึงมันก็ยึดเอาไว้ อย่างนี้นะ
มันยึดเอาความโลภ ยึดเอาความโกรธ
ยึดเอาความหลงไว้ในใจ มันไม่ยอมสละกิเลสเหล่านี้
มันเป็นปัญหาสำคัญตรงนี้แหละ

เมื่อมันไม่ยอมสละกิเลสเหล่านี้
สะสมให้มันมากขึ้นแล้วก็บันดาลให้จิตใจนี่
ชอบไปในทางบาปอกุศล คือทางเบียดเบียน
พูดง่ายๆ ว่างั้นเถอะ จึงได้ใช้กายวาจา
ฆ่าสัตว์ ลักทรัพย์ ประพฤติผิดในกาม
กล่าวมุสาวาท ดื่มสุราเมรัย กัญชา ยาฝิ่น เฮโรอีน
ต่างๆหมู่นี้นะนั่นแหละ เมื่อกิเลสมันหนาแน่นอยู่ในใจแล้ว
ก็ทำให้คนเราทำชั่วห้าประการนี้เองแหละ เรื่องมันน่ะ

...

ส่วนหนึ่งจากพระธรรมเทศนาหัวข้อ
"คุณธรรมบรรเทากิเลส"

5,588







จีรัง กรุ๊ป    

 ธรรมะไทย