ท่านพระทัพพมัลลบุตร เป็นพระราชโอรสของพระอัครมเหสีของพระเจ้ามัลละ เดิมมีนามว่า ทัพพราชกุมาร อาศัยที่ท่านเป็นพระราชโอรสของพระเจ้ามัลละ เมื่อได้คำว่า มัลลบุตร ผสมเข้ากับพระนามเดิม จึงได้พระนามใหม่ว่า ทัพพมัลลบุตร
เมื่อทัพพมัลลบุตรราชกุมารนั้นมีพระชนมายุ ๗ พรรษา ได้เข้าไปเฝ้าพระมารดา ทูลอ้อนวอนขออนุญาตจากพระมารดา เพื่อจะบรรพชาในพระพุทธศาสนา เมื่อได้รับอนุญาตจากพระมารดาแล้ว จึงได้บรรพชาเป็นสามเณรอยู่ในสำนักของพระบรมศาสดา
เมื่อได้สดับพระโอวาทของพระองค์แล้ว เป็นผู้ไม่ประมาท เพียรพยายามบำเพ็ญสมณธรรมในส่วนวิปัสสนากรรมฐาน ไม่นานนักก็ได้บรรลุพระอรหัตตผล พร้อมด้วยปฏิสัมภิทา ๔ และอภิญญา ๖
ตามประวัติปรากฏว่า ท่านได้บรรลุพระอรหัต เมื่อเวลามีดโกนจรดลงที่พระเศียร พอท่านมีอายุ ๒๐ ปีบริบูรณ์ตามพระวินัยแล้วก็ได้อุปสมบทเป็นพระภิกษุในพระพุทธศาสนา เพราะท่านเป็นผู้ขวนขวายในกิจของสงฆ์เป็นอย่างดี
ในครั้นหนึ่ง ท่านได้มีความดำริว่า เราอยู่จบพรหมจรรย์แล้ว สมควรจะรับภาระธุระสงฆ์จึงได้กราบทูลให้พระบรมศาสดาทรงทราบความดำรินั้น เมื่อพระองค์ทรงทราบแล้วได้ประทานสาธุการว่าดีละ ๆ ทัพพมัลลบุตร แล้วตรัสให้สงฆ์สมมติท่านเป็นเจ้าหน้าที่จัดแจกภัต (ภัตตุทเทศก์) และเจ้าหน้าที่จัดแจกเสนาสนะของสงฆ์ (เสนาสนคาหาปกะ)
ท่านได้เอาใจใส่ในหน้าที่ที่ได้รับมอบหมาย ทำกิจให้สำเร็จเรียบร้อยด้วยดี และเพราะท่านเป็นผู้ฉลาดในเรื่องนี้ด้วย จึงได้รับยกย่องจากพระบรมศาสดาว่า เป็นผู้เลิศกว่าภิกษุทั้งหลาย ฝ่ายข้างเป็นผู้แต่งตั้งปูลาดเสนาสนะ
ครั้นกาลต่อมา ท่านได้พิจารณาอายุสังขาร เห็นว่าสมควรจะนิพพานได้แล้ว จึงได้ไปกราบทูลลาพระบรมศาสดาเพื่อนิพพาน เมื่อจะนิพพานท่านก็ได้ไปทำประทักษิณเวียนรอบพระองค์หนึ่งรอบ แล้วจึงแสดงอิทธิปาฏิหาริย์ โดยเหาะขึ้นสู่อากาศ นั่งขัดบัลลังก์ (ขัดสมาธิ) บนอากาศแล้วเข้าเตโชสมาบัติ ครั้นออกจากสมาบัตินั้นแล้ว ก็นิพพานบนอากาศนั้นเอง
การที่ท่านพระทัพพมัลลบุตรนิพพานเสียแต่ยังไม่ถึงเวลาอันสมควรนั้น ได้มีอาจารย์บางท่านกล่าวไว้ว่า เพราะท่านถูกพวกภิกษุชาวเมติยภูมิหาเลศโจทย์ด้วยอาบัติปาราชิกไม่มีมูล ครั้นเมื่ออธิกรณ์นั้นได้วินิจฉัยเสร็จเรียบร้อยแล้วก็ยังพากันแช่งด่าท่านอีก ภิกษุที่เป็นปุถุชนไม่รุ้ความจริงก็พากันเชื่อถือ พากันรังเกียจท่านแสดงอาการดูหมิ่นดูแคลนไม่มีความเคารพนับถือในท่าน
ท่านจึงเกิดความระอาใจในเรื่องนี้ จึงได้ถวายบังคมลาพระบรมศาสดานิพพานเสีย แต่บางอาจารย์ก็คัดค้านว่า ไม่มีเหตุผลเพียงพอที่ควรจะเชื่อได้เช่นนั้น เพราะว่าพระขีณาสพทั้งหลายย่อมไม่มีความหวั่นไหวในโลกธรรม ละความยินดียินร้าย และเป็นผู้อดทนต่อคำเสียดสีว่าร้ายต่าง ๆ เสียได้ การที่ท่านนิพพานเสียแต่ยังหนุ่มก็ เพราะท่านมีอายุขัยเพียงเท่านั้นเอง