ความหงุดหงิดไม่เคยให้ประโยชน์อะไรกับชีวิต แถมยังทำลายคุณภาพชีวิตตัวเองเปล่าๆ ปลี้ๆ จึงนับว่าความหงุดหงิดเป็นความโง่


ความหงุดหงิดไม่เคยให้ประโยชน์อะไรกับชีวิต แถมยังทำลายคุณภาพชีวิตตัวเองเปล่าๆ ปลี้ๆ จึงนับว่าความหงุดหงิดเป็นความโง่ หากมีคนแนะนำสั่งสอนเราแล้วเรารู้สึกหงุดหงิด เราจะป้องกันความหงุดหงิดได้ด้วยการคิดพิจารณาเสียก่อนว่า เขาพูดทำไม ด้วยเจตนาร้ายหรือดี ถ้าด้วยเจตนาดีและเราคิดว่าสิ่งที่เขาแนะนำน่าจะเป็นประโยชน์ เราจะไปหงุดหงิดทำไม เราต้องขอบคุณเขา คิดเสียว่าเรามีบุญนะที่ได้พบคนที่หวังดีมีเมตตา เป็นโอกาสที่เราจะได้พัฒนาตัวเอง

แต่ในกรณีที่คนพูดมีเจตนาร้าย ถ้าเราปล่อยให้ตัวเองโกรธ หงุดหงิด รำคาญ ก็เรียกว่าเขาชนะเราแล้ว เพราะเขาต้องการให้เราเป็นทุกข์วุ่นวายใจ ถ้าเราไม่อยากให้เขาชนะ ก็ทำได้ง่ายๆ ด้วยการวางใจเฉยๆ เขาพูดก็เรื่องของเขา เรารู้อยู่ในเรื่องของเรา ไม่ต้องไปทะเลาะกับใคร

ส่วนมากแล้วความหงุดหงิดเกิดจากการไม่ยอมรับความจริง เราไม่อยากให้เขาพูดอย่างนั้นทำไมเขาต้องพูดอย่างนั้น สำหรับคนฉลาด เวลามีใครมาสอนในสิ่งที่เรารู้อยู่แล้ว เหมือนว่าเขาคิดว่าเขารู้ดีกว่าเรา ทั้งที่จริงๆ แล้วเรารู้มากกว่าเขาด้วยซ้ำ นี่เป็นเรื่องท้าทายคนฉลาดที่จะไม่หงุดหงิด หรือคนฉลาดที่สมองแล่นเร็ว เวลาเจอกับคนสมองช้า จะต้องระวังตัวให้มาก เนื่องจากคนฉลาดมักจะหงุดหงิดคนที่คิดช้าได้ง่ายๆ คิดว่าทุกคนจะต้องคิดเร็วเหมือนตัว ทำไมเรื่องแค่นี้เขายังคิดไม่ได้ นั่นเป็นเพราะเราเอาตัวเองเป็นมาตรฐาน ซึ่งมันก็ไม่ยุติธรรมสำหรับเขานะ

พระอาจารย์ชยสาโร

3,123







จีรัง กรุ๊ป    

 ธรรมะไทย