ในโลกธาตุนี้ไม่มีอะไรเหนือกรรม



ในโลกธาตุนี้ไม่มีอะไรเหนือกรรม
ท่านจึงแสดงไว้เป็นบทเป็นบาท
นตฺถิ กมฺม สมํ พลํ
ไม่มีอานุภาพใดที่จะเหนืออานุภาพแห่งกรรมดีกรรมชั่วนี้ไปได้
กรรมดีกรรมชั่วก็คือทำบุญทำบาปนั่นแหละ
อันนี้มันติดแนบอยู่กับใจ
เพราะฉะนั้นท่านจึงให้ปัดออก อันไหนชั่วมันเป็นภัยต่อเรา
ให้ทำกรรมที่ดีขึ้นมาภายในใจตัวเอง แล้วจิตใจจะค่อยสง่างาม
ใจดวงนี้ไม่เคยตายนะไม่มีป่าช้า
พวกฝังพวกเผาเหล่านี้มีแต่ฝังร่างกายเผาร่างกายทั้งนั้นนะ
ใจนี้ไม่เคยได้เผามันละ พอร่างกายนี้แตกปั๊บ จิตดวงนี้ออกแล้ว
ถ้ามีบาปบาปดึงไปแล้ว ถ้ามีบุญบุญพาไปแล้ว ไม่เคยตาย

เพราะฉะนั้น ขึ้นสวรรค์ชั้นพรหมลงมามนุษย์นรกอเวจีนี้
เหมือนขึ้นบันไดลงบันไดสัตว์โลกนะ
บุญบาปมันฟัดมันเหวี่ยงกัน
ถ้าตอนไหนบาปมีมากมันก็ดึงลง
บุญมีมากดึงขึ้นมา ๆ
เวลามันยังไม่พอตัวมีฟัดมีเหวี่ยงกันอย่างนี้
เพราะฉะนั้นการขึ้นบนสวรรค์พรหมโลกจนกระทั่งลงไปนรกอเวจีนี้
เป็นเหมือนเราขึ้นบันไดลงบันได
สำหรับอัตภาพหนึ่ง ๆ ที่ตายไปแล้วจิตไม่ตาย
จิตดวงนี้แหละ ขึ้นลง ๆ ตลอดเวลา
พอเรียนวิชาทางธรรมะจิตตภาวนานี้มันรู้หมดจะให้ว่าไง
พระพุทธเจ้ารู้หมดจึงมาสอนโลก
สอนด้วยความโกหกได้ยังไง
นี่แหละเวลาไปเต็มที่ซักฟอกเต็มที่ ๆ
จนกระทั่งตรัสรู้ผึงดีดถึงเลยไม่ลง
นี่ตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้าแล้ว
หมดแล้วเรื่องความเกิด แก่ เจ็บ ตาย
หมายป่าช้าที่นั่นที่นี่ไม่มีแล้วในพระพุทธเจ้าในพระอรหันต์
ท่านสิ้นสุดลงไปแล้ว ท่านจึงนำเอาธรรมวิเศษนี้มาสอนพวกเรา

:: หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโณ   

5,251







จีรัง กรุ๊ป    

 ธรรมะไทย