|
พระธรรมโกศาจารย์
(ประยูร ธมฺมจิตฺโต) |
ในนามของมหาเถรสมาคมแห่งประเทศไทย
ข้าพเจ้าขออนุโมทนาต่อชาวพุทธศรีลังกาในโอกาสฉลองครบ ๒๕๐
ปีแห่งการสถาปนาคณะสงฆ์สยามนิกายในศรีลังกา เพื่อดำเนืนตามปฏิปทาของพระอุบาลี
มหาเถรสมาคมได้มอบหมายให้ข้าพเจ้าเข้าร่วมประชุมพระพุทธศาสนานานาชาติครั้งนี้
เพื่อแสดงเจตนาของเราในการกระชับความสัมพันธ์ระหว่างคณะสงฆ์ศรีลังกาและคณะสงฆ์ไทย
เรื่องราวความสำเร็จของท่านพระอุบาลี เตือนให้เราระลึกว่าในโลกปัจจุบันยุคโลกาภิวัตน์
คณะสงฆ์ศรีลังกาและคณะสงฆ์ไทยจะต้องร่วมมือกันอย่างใกล้ชิดเพื่อประโยชน์แห่งพระพุทธศาสนา
พระอุบาลีคือพระธรรมทูตชั้นยอดของไทย
ศรีลังกาและไทยมีประวัติความสัมพันธ์ทางด้านศาสนาที่ยาวนาน
พระพุทธศาสนาเถรวาทในประเทศไทยได้ชื่อว่าลังกาวงศ์
ทั้งนี้เพราะเมื่อ ๗๐๐ ปีที่ผ่านมา พ่อขุนรามคำแหงได้อาราธนาหัวหน้าพระสงฆ์ศรีลังกามาจากนครศรีธรรมราชในภาคใต้
มาเผยแผ่พระพุทธศาสนาแบบลังกาวงศ์ที่กรุงสุโขทัย และเมื่อ
๒๕๐ ปีที่ผ่านมา ชาวไทยได้มีโอกาสตอบแทนคุณของศรีลังกา
ด้วยการที่พระเจ้าบรมโกษฐ์ทรงส่งพระอุบาลีและคณะมาฟื้นฟูการอุปสมบทในศรีลังกา
หลังจากที่สมณวงศ์ในเกาะลังกาได้ขาดสูญไปเพราะการกดขี่ของโปรตุเกส
แต่ด้วยความเสียสละที่ยิ่งใหญ่ของพระอุบาลีการอุปสมบทก็ได้รับการฟื้นฟูและมีการสถาปนาสยามนิกายในศรีลังกา
เราทั้งหลายต่างมาประชุมกันที่นี่เพื่อรำลึกคุณูปการอันยิ่งใหญ่ที่พระอุบาลีได้ทำไว้แก่พระพุทธศาสนาในศรีลังกา
ขณะที่พระอุบาลีตัดสินใจเดินทางมาศรีลังกานั้น ท่านอาจจะรู้ตัวว่านี่เป็นการเดินทางที่ไม่มีวันกลับ
ท่านพร้อมที่จะสละชีวิตของท่านเพื่อประโยชน์แก่มนุษยชาติและเพื่อการประกาศพระพุทธศาสนา
ท่านได้ปฏิบัติตามพระพุทโธวาทที่ประทานแก่พระอรหันต์ ๖๐
รูป ซึ่งเป็นพระธรรมทูตรุ่นแรกว่า "จรถ ภิกฺขเว
จาริกํ พหุชนหิตาย พหุชนสุขาย โลกานุกมฺปาย ภิกษุทั้งหลาย
เธอทั้งหลายจงเที่ยวจาริกไปเพื่ออนุเคราะห์แก่ชาวโลก"
พระอุบาลีถึงแก่มาณภาพที่ศรีลังกาหลังจากใช้เวลาฟื้นฟูวงศ์อุปสมบทในเกาะนี้ได้
๓ ปี
โดยส่วนตัวแล้วข้าพเจ้าเห็นว่าพระอุบาลีเป็นพระธรรมทูตผู้ยิ่งใหญ่ที่สุดเท่านที่ประเทศไทยเคยมีมา
ทั้งนี้ด้วยเหตุผลที่ว่าพระอุบาลีไม่เพียงแต่ดำเนินภารกิจในศรีลังกา
ให้ลุล่วงไปเท่านั้น แต่ยังประสบความสำเร็จในการสถาปนาคณะสงฆ์นิกายใหญ่ที่สุดในศรีลังกา
ซึ่งขนานนามนิกายนี้ตามชื่อของประเทศมาตุภูมิและชื่อพระอุบาลีว่า
สยามโมปาลีมหานิกาย หรือเรียกง่าย ๆ ว่า สยามนิกาย
นับเป็นเรื่องน่าสนใจที่ว่าพระพุทธศาสนานิกายสำคัญในศรีลังกามีชื่อว่าสยามนิกาย
ขณะที่พระพุทธศาสนาในประเทศไทยมีชื่อว่าลังกาวงศ์ ทั้งนี้
เพราะข้อเท็จจริงทางประวัติศาสตร์ที่ว่าประเทศไทยยอมรับนับถือพระพุทธศาสนาเถรวาทจากศรีลังกา
ในสมัยสุโขทัย คริสต์สตวรรษที่ ๑๒ และยังอนุรักษ์ประเพณีตามหลักพระไตรปิฎกพร้อมทั้งรักษาสมณวงศ์ไม่ให้ขาดสูญตั้งบัดนั้นเป็นต้นมา
ในประเทศไทยสมัยปัจจุบัน
พระพุทธศาสนาเป็นศาสนาประจำชาติ ภายใต้บทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญ
พระมหากษัตริย์ในฐานะองค์พระประมุขของชาติทรงเป็นพุทธมามกะ
พระมหากษัตริย์และรัฐร่วมกันอุปถัมภ์บำรุงกิจการคณะสงฆ์และส่งเสริมการเผยแผ่พระพุทธศาสนาในหมู่ประชาชน
จากการสำรวจประชากรครั้งล่าสุดประเทศไทยมีประชากร ๖๓ ล้านคน
และคนไทยร้อยละ ๙๔ นับถือพระพุทธศาสนา ตามสถิติเมื่อปี
๒๕๔๕ ทั่วทั้งประเทศไทยมีวัดอยู่ ๓๒,๐๐๐ วัด พระภิกษุ
๒๖๕,๙๕๖ รูป และสามเณร ๘๗,๖๙๕ รูป
นอกจากมีวัดป่าหลายวัด
ซึ่งเป็นวัดที่พระจะเข้าไปปฎิบัติธรรมระยะยาวได้แล้ว ยังมีวัดอยู่เกือบทุกหมู่บ้าน
และในตัวเมืองเองก็มีวัดหลายวัดด้วยกัน ตามปกติโรงเรียนตั้งอยู่ในเขตพื้นที่ของวัด
และพระสงฆ์เองนั้นเข้าไปเกี่ยวข้องอย่างแข็งขันตามความพยายามของรัฐที่ประสงค์จะยกระดับการศึกษาของประเทศชาติทั้งหมด
ดังนั้นพระพุทธศาสนาและพระสงฆ์จึงสัมพันธ์เกี่ยวข้องอย่างลึกซึ้งในชีวิตประจำวันของประชาชนในประเทศไทย
การปกครองคณะสงฆ์
ประเทศไทยในปัจจุบันนี้
มีนิกายฝ่ายเถรวาท ๒ นิกาย คือ มหานิกายและธรรมยุตนิกาย
มหานิกายมีจำนวนมากว่าและสืบเชื้อสายตรงมาจากการสถาปนาคณะสงฆ์ลังกาวงศ์ในยุคสุโขทัย
ส่วนธรรมยุตนิกายได้สถาปนาขึ้นเมื่อ พ.ศ.๒๓๗๖ โดยเจ้าฟ้ามงกุฎซึ่งต่อมาได้ขึ้นครองราชย์เป็นพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวจึงเป็นนิกายเล็กกว่า
มุ่งเน้นการปฏิบัติตามพระวินัยอย่างเคร่งครัด แต่ทั้งสองนิกายก็อยู่ภายใต้การปกครองของมหาเถรสมาคมและสมเด็จพระสังฆราช
การปฎิรูปภายในองค์กรระยะต่อมาได้ลดความแตกต่างระหว่างนิกายลงมาก
ในศตรรษที่ผ่านมา คณะสงฆ์ในประเทศไทยได้ปกครองตัวเองอยู่ภายใต้พระราชบัญญัติคระสงฆ์ฉบับหนึ่ง
(พ.ศ. ๒๔๘๔) และพระราชบัญญัติคณะสงฆ์ฉบับล่าสุด ซึ่งตราออกเป็นพระราชบัญญัติเมื่อพ.ศ.
๒๕๐๕ แก้ไขเพิ่มเติมใน พ.ศ. ๒๕๓๕ และยังมีคณะสงฆ์ทั้ง
๒ ฝ่ายที่ได้รับการรับรองตามกฎหมาย คือ ฝ่ายมหายานที่แบ่งเป็นจีนนิกายและอนัมนิกาย
และฝ่ายเถรวาทที่แบ่งเป็นมหานิกายและธรรมยุตนิกาย
ทั้งฝ่ายเถรวาทและมหายานต้องอยู่ภายใต้การปกครองของ
สมเด็จพระสังฆราช ผู้ที่มหากษัตริย์ทรงสถาปนาขึ้นจากนิกายใดนิกายหนึ่งในฝ่ายเถรวาท
และจะดำรงตำแหน่งพระสังฆราชไปจนตลอดพระชนม์ชีพ สมเด็จพระสังฆราชมีมหาเถรสมาคมเป็นผู้ช่วยสนองงาน
มหาเถรสมาคมนี้มีกรรมการถาวรโดยตำแหน่งจำนวน ๘ รูป และกรรมการที่สมเด็จพระสังฆราชทรงแต่งตั้งอีกจำนวน
๑๒ รูป
มหาเถรสมาคมมีสมเด็จพระสังฆราชเป็นประธาน
มีอำนาจหน้าที่ปกครองคณะสงฆ์ ออกกฎ ระเบียบ และแต่งตั้งผู้บริหารงานคณะสงฆ์ทั้งสองนิกาย
การบริหารคณะสงฆ์มีสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ
ซึ่งทำหน้าที่เป็นสำนักเลขาธิการมหาเถรสมาคมเป็นหน่วยสนองงาน
สำนักงานนี้ทำหน้าที่ประสานงานระหว่างคณะสงฆ์กับรัฐ เพื่อให้เกิดความร่วมมือกลมเกลียวกัน
ทั้งมีหน้าที่รับผิดชอบดูแลพระภิกษุสามเณรและอาราม โดยจัดสรรงบประมาณอุดหนุนจากรัฐและมีหน้าที่ส่งเสริมการบริหารงานของพระสังฆาธิการ
เมื่อว่าตามบทบัญญัติ แห่งพระราชบัญญัติคณะสงฆ์
คณะสงฆ์ไทยมีการจัดองค์กรอย่างดี วัดนับหมื่นวัดและพระภิกษุสามเณรประมาณ
๓ แสนรูป อยู่ภายใต้การบริหารแบบรวมอำนาจเข้าสู่ศูนย์กลาง
และคณะสงฆ์ได้รับการยอมรับและอุปถัมภ์จากรัฐ ซึ่งทำให้กิจการคระสงฆ์
การศึกษาและพิธีกรรมมีความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน การปกครองคระสงฆ์ที่มีการรวมอำนาจเข้าสู่ศูนย์กลางนี้ทำให้กิจการคระสงฆ์ได้รับการดูแลใกล้ชิด
สามารถรักษาระเบียบวินัย และมีช่องทางการติดต่อสื่อสารระหว่างศูนย์กลางการบริหารกับจังหวัดที่ไกลออกไป
เนื่องจากมีการจัดองค์กรแบบนี้ การประสานร่วมมือและความปรองดองกับรัฐจึงคงมีอยู่ได้
และพระสงฆ์เองก็มีส่วนสร้างความสามัคคีในหมู่ประชาชนและรักษาความมั่นคงของชาติ
แต่เมื่อมองอีกมุมหนึ่ง องค์กรที่มีการรวมเข้าสู่ศูนย์กลางเช่นนี้ต้องพึ่งพาอาศัยคณะผู้นำจำนวนน้อย
ซึ่งจะมีข้อจำกัดตรงที่ไม่สามารถตอบรับต่อสภาพสังคมที่เปลี่ยนแปลงได้อย่างทันท่วงที
ปัจจุบันจึงจำเป็นต้องมีกฎหมายคระสงฆ์ฉบับใหม่
มีการยกร่างและอภิปรายพระราชบัญญัติปฎิรูปคณะสงฆ์ขึ้นมา
จะมีการปรับโครงสร้างการบริหารคณะสงฆ์ชนิดที่ว่าจะมีการกระจายอำนาจของมหาเถรสมาคมให้คระกรรมการบริหารเรียกว่ามหาคณิสสรมาช่วยสนองงาน
การศึกษาของคณะสงฆ์
ในการจัดการศึกษาให้พระภิกษุสามเณร
มหาเถรสมาคมมีหน้าที่รับผิดชอบในการรักษาระบบการศึกษาแบบเดิม
คือการศึกษาพระปริยัติธรรมแผนกธรรมและแผนกบาลี แผนกธรรมจัดเป็น
๓ ชั้น แผนกบาลีจัดเป็น ๙ ชั้น แผนกธรรมซึ่งสอนธรรมเป็นภาษาไทยมุ่งจัดการศึกษาขั้นพื้นฐานสำหรับพระภิกษุสามเณร
ส่วนนักเรียนบาลีจะต้องศึกษาเล่าเรียนพระไตรปิฎกและอรรถกถา
วิชาแปลมคธเป็นไทยและวิชาไทยเป็นมคธ สามเณรที่สอบได้เปรียญธรรม
๙ ประโยคจะได้รับการอุปสมบทซึ่งอยู่ในพระบรมราชานุเคราะห์
ภาษาบาลีเป็นภาษาที่ยากต่อการเล่าเรียนเพราะส่วนใหญ่เน้นการท่องจำ
อย่างไรก็ตามรัฐได้รับรองเปรียญธรรม ๙ ประโยค ซึ่งเป็นเปรียญธรรมชั้นสูงสุด
ให้มีค่าเทียบเท่านชั้นปริญญาตรีเท่านั้น ด้วยเหตุนี้
พระภิกษุสามเณรจึงขาดความสนในในการศึกษาภาษาบาลี คณะสงฆ์ประสงค์จะให้รัฐรับรองเปรียญธรรม
๙ ประโยคให้มีค่าเทียมเท่าชั้นปริญญาเอก โดยพร้อมที่จะปรับปรุงหลักสูตรให้มีการเขียนวิทยานิพนธ์เป็นภาษาบาลี
เราจะมีวิธีการอย่างไรที่จะเรียนภาษาบาลีซึ่งเป็นภาษาที่ตายแล้วให้ง่ายขึ้น
เหมือนสมัยก่อนโน้นที่เราสามารถใช้ภาษาบาลีพูดจาสื่อสารกันเองได้ในกลุ่มประเทศต่าง
ๆ ที่นับถือพระพุทธศาสนาฝ่ายเถรวาท ภาษาบาลีน่าจะถูกกำหนด
ให้เป็นภาษานานาชาติของกลุ่มประเทศนับถือพระพุทธศาสนา
เหมือนภาษาอังกฤษที่เป็นภาษาที่คนทั่วโลกใช้สื่อสารกัน
เช่น ในการประชุมเช่นนี้ เอกสารสิ่งตีพิมพ์น่าจะกำหนดเป็นภาบาลีได้
การจัดการศึกษาพระพุทธศาสนาแบบสมัยใหม่ในประเทศไทยนั้น
ดำเนินการโดยมหาวิทยาลัยพระพุทธศาสนา ๒ แห่ง คือ มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย
และมหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัย เป็นมหาวิทยาลัยของรัฐที่ได้รับงบประมาณสนับสนุนจากรัฐบาลไทย
จัดการเรียนการสอนตั้งแต่ระดับปริญญาตรีถึงปริญญาเอก เปิดสอนทั้งบรรพชิตและคฤหัสถ์
มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยามีวิทยาเขต
๑๐ แห่งกระจายอยู่ทั่วประเทศ มีวิทยาลังสงฆ์ ๔ แห่ง โครงการขยายห้องเรียน
๑๐ แห่ง และสถาบันสมทบ ๓ แห่ง ซึ่งรวมที่เกาหลีได้และไต้หวัน
สาขาของมหาวิทยาลัยทั้งหมดเชื่อมโยงกันด้วยเครือข่ายเทคโนโลยี
มหาวิทยาลัยเปิดสอน ๔ คณะ คือ คณะพุทธศาสตร์คณะครุศาสตร์
คณะมนุษยศาสตร์ และคณะสังคมศาสตร์
ที่มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย
ได้มีการก่อตั้งโครงการหลักสูตรนานาชาติระดับบัณฑิตศึกษา
สอนเป็นภาษาอังกฤษโครงการหลักสูตรนานาชาตินนี้ได้รับความสนใจจากนักศึกษาและครูอาจารย์จากต่างประเทศ
เพื่อศึกษาพระพุทธศาสนาและปรัชญาระดับสูงยิ่งขึ้นไป ถือว่าเป็นการรักษางานวิชาการที่เป็นเนื้อหาทางพระพุทธศาสนาระดับนานาชาติ
เครือข่ายวิทยาเขตทั่วประเทศของมหาวิทยาลัยพยายามที่จะยกระดับการศึกษาและปฎิบัติธรรมในคณะสงฆ์
ตลอดทั้งผลิตพระสงฆ์ที่มีความสามารถสอนพุทธธรรมได้ อย่างถูกต้องและบรรยายธรรมอย่างมีเหตุผลสอดคล้องกับเหตุการณ์ร่วมสมัยและเรื่องราวปัจจุบัน
อีกนัยหนึ่งเราออกแบบหลักสูตรเพื่อผลิตพระสงฆ์ให้สามารถจัดการปัญหาของชุมชนได้
ในโครงการหลักสูตรนานาชาติเราต้องการครูอาจารย์ที่เชี่ยวชาญการสอนเป็นภาษาอังกฤษ
รวมทั้งช่วยประเมินผลและตรวจวิทยานิพนธ์ภาษาอังกฤษเราอยากให้มีการแลกเปลี่ยนครูอาจารย์นักวิจัย
และนักศึกษาต่างประเทศกับสถาบันอื่น ๆ และเพื่อเป็นสะพานเชื่อมเครือข่ายทั่วโลก
เกี่ยวกับการจัดให้มีการเรียนการสอนพระพุทธศาสนาตามโรงเรียนนั้น
คณะสงฆ์ไทยได้เสนอให้กระทรวงศึกษาธิการให้ออกคำสั่งให้มีการสอนวิชาพระพุทธศาสนาแก่นักเรียนทุกระดับ
นับตั้งแต่ชั่นประถมศึกษาปีที่ ๑ ถึงชั้นมัธยมศึกษาปีที่
๖ อย่างไรก็ดี โรงเรียนถูกปล่อยให้กำหนดรายละเอียดของหลักสูตรเอง
แม้ว่าระดับความเข้าใจในวิชาพระพุทธศาสนาในเขตการศึกษาจะไม่ค่อยตรงกันและเพี้ยนไปบ้างในบางกรณีก็ตาม
ดังนั้นจึงมีความจำเป็นเร่งด่วนที่ต้องให้มีหลักสูตรแกนกลางเป็นเครื่องชี้ทางให้นักการศึกษาแตละท้องถิ่นทำหลักสูตรพระพุทธศาสนาได้อย่างพูกต้องตรงกัน
มหาวิทยาลัยมหาจุฬลงกรณราชวิทยาลัยได้รับภาระร่างหลักสูตรแกนกลางวิชาพระพุทธศาสนา
ข้าพเจ้ารู้สึกดีใจที่ขอรายงานให้ท่านทั้งหลายทราบว่าหลักสูตรแกนกลางนี้เสร็จสมบูรณ์แล้ว
และกระทรวงศึกษาธิการได้ประกาศให้ทุกโรงเรียนนำไปใช้แล้ว
หลักสูตรวิชาพระพุทธศาสนาตั้งแต่ชั้นระดับประถมศึกษาตอนต้นถึงชั้นมัธยมศึกษาตอนปลาย
ได้บรรจุพุทธประวัติ ชาดกพุทธธรรมพื้นฐาน และแนะนำพระไตรปิฎก
รวมทั้งศัพท์สำคัญทางพระพุทธศาสนาอีกด้วย
หลักสูตรได้รับการออกแบบให้นักเรียนมีความเข้าใจเกี่ยวกับพระสงฆ์
หน้าที่และบทบาทของพระภิกษุด้วย นอกจากจะมีคุณค่าท่างด้านการศึกษาแล้ว
เราเชื่อแน่ว่าหลักสูตรนี้จะส่งเสริมพระพุทธศาสนาโดยให้เด็กได้รับคำสอนที่มีค่า
และจะปกป้องคุ้มครองพระพุทธศาสนา โดยประกันว่าเด็จะได้รับการสอนพระพุทธศาสนาอย่างถูกต้อง
การปฏิบัติธรรม
ประเด็นสำคัญที่เกี่ยวข้องกับกิจกรรมทางพุทธศาสนาอีกอย่างหนึ่ง
คือการปฏิบัติกรรมฐาน ในประเทศไทย ทั้งบรรพชิตและคฤหัสถ์ได้รับการฝึกสอนและปฏิบัติกรรมฐานกัน
ณ ศูนย์ปฏิบัติธรรมและวัดต่าง ๆ ทั่วประเทศ รวมทั้งที่บ้าน
วัดในประเทศไทยมี ๒ ประเภท
คือ วัดป่า มีพระสายปฏิบัติทั้งสมถกรรมฐานและวิปัสสนากรรมฐาน
ซึ่งสายนี้เรียกว่าอรัญญวาสี และ วัดบ้าน ที่มีพระภิกษุสามเณรศึกษาเล่าเรียนและจะเป็นทายาทบริหารงานคณะสงฆ์
ซึ่งสายนี้เรียกว่าคามวาสี การแยกวัดป่าออกจากวัดเมืองหมายความว่า
มีพระภิกษุสามเณรที่ศึกษาเล่าเรียนแต่ไม่ใคร่ปฎิบัติธรรม
และมีพระภิกษุสามเณรที่ปฏิบัติธรรมแต่ไม่ใคร่ศึกษาเล่าเรียน
เราจึงพยายามที่จะรวมพระสงฆ์ทั้งสองสายนี้ โดยให้การปฏิบัติกรรมฐานเป็นวิชาบังคับแก่นิสิตมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย
และจัดให้มีการปฏิบัติธรรมประจำปี โดยถือว่าเป็นส่วนหนึ่งของหลักสูตร
เมื่อเราถือว่าการรักษาพระวินัยของพระสงฆ์และการรักษาศีล
๕ ของคฤหัสถ์เป็นการปฎิบัติธรรมด้วยแล้ว เราจำเป็นยอมรับข้อเท็จจริงด้วยว่า
การเปลี่ยนแปลงยุคใหม่ทำให้สังคมเกิดความแตกแยก และเกิดความเสื่อมทางด้านศีลธรรมส่วนตัวอย่างรวดเร็ว
ชาวพุทธเองก็ไม่พ้นกฎข้อนี้ไปได้ และยังมีเรื่องฉาวโฉ่ทางกามโลกีย์
ความรุนแรง อาชญากร และการเสพย์ยาเสพติด ซึ่งส่อให้เห็นว่าพวกคฤหัสถ์เองก็ยังไม่สามารถรักษาศีล
๕ ได้อีกต่อไป จึงจำเป็นที่จะเรียกร้องให้ศีลธรรมและระเบียบวินัยในตนเองกลับคืนมา
ข้อเท็จจริงที่ว่าความเสื่อมทรามทางด้านศีลธรรมเกิดขึ้นเพราะความเปลี่ยนแปลงทางสังคมอย่างรวดเร็วเป็นเครื่องชี้ว่า
การเรียกร้องให้มีระเบียบวินัยในตนเองเป็นสิ่งจำเป็นยิ่ง
ในฝ่ายเถรวาทมีสิ่งมากมายที่จะหยิบยกมาเป็นปัญหาสมัยปัจจุบัน
แต่เราต้องมีความพยายามที่จะครุ่นคิด ตีความหมายใหม่และใช้เหตุการณ์ปัจจุบัน
ซึ่งสำหรับผู้เริ่มต้นในข้อนี้ ขอให้อ่านหนังสือของข้าพเจ้าเรื่อง
"ศีลธรรมในพระพุทธศาสนา"
ข้าพเจ้าถือว่าการแก้ปัญหาสังคมก็เป็นการปฎิบัติธรรม
ซึ่งพระพุทธองค์ตรัสยืนยันว่า ความสะดวกสบายเป็นสิ่งจำเป็นในการฟังธรรม
และเราก็สามารถปฏิบัติธรรมได้ไม่น้อยด้วยการพยายามแก้ปัญหาความจำเป็นพื้นฐานของผู้อาจจะได้รับประโยชน์จากการปฏิบัติธรรม
คณะสงฆ์ไทย ได้ลงมือปฏิบัติในข้อนี้มากมาย ยกตัวอย่าง
เช่น ในภาคเหนือของไทย มีกิจกรรมสำคัญในการแก้ปัญหาการแพร่โรคเอดส์
ทั้งในด้านการต่อสู้โรคร้ายนี้โดยอาศัยการศึกษา และทั้งในด้านการเยียวยาปัญหาสังคมที่เกืดจากโรคเอดส์
มหาวิทยาลัย มหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัยดำเนืนจัดบรรพชาเยาวชนภาคฤดูร้อนเพื่อช่วยให้เยาวชนห่างไกลจากยาเสพติดและอาชญากรรม
และหันไปใช้ชีวิตที่ดีงามขึ้น นิสิตที่จะจบการศึกษาตากมหาวิทยาลัยต้องปฏิบัติศาสนกิจช่วยเหลือสังคมเป็นเวลา
๑ ปี และเรายังมีกิจกรรมต่าง ๆ ที่นิสิตร่วมงานได้ เช่น
โครงการพัฒนาชาวเขา และโรงเรียนพุทธศาสนาวันอาทิตย์
การส่งเสริมพระพุทธศาสนา
ในการสั่งสอนพระพุทธศาสนาแก่คฤหัสถ์
มีหลายประเด็นที่จะขอกล่าวถึง
ประการแรก ธรรมเนียมนิยมในการเทศนา
คือ พระสงฆ์นั่งบนธรรมาสน์และชาวบ้านนั่งบนพื้นพนมมือฟังธรรม
ซึ่งเป็นลัษณะที่คนรุ่นใหม่ไม่ค่อยชอบนัก และผลที่เกิดขึ้นคือมีเฉพาะคนแก่เท่านั้นที่เข้าวัดในวันพระสถานการณืยิ่งหนักซ้ำเข้าไปอีก
เพราะวันพระตรงกับวันทำงานแลคนหนุ่มสาวมาวัดไม่ได้ มีพระธรรมเทศนาบ้างในวันอาทิตย์
แต่การไปวัดวันอาทิตย์ไม่ค่อยเป็นที่นิยมมากนัก คนมักพูดว่าไม่มีเวลาไปวัดและฟังธรรม
ในการแก้ปัญหาวิกฤตทางด้านเศรษฐกิจ
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้นำหลักเศรษฐศาสตร์มาจากหลักคำสอนของพระพุทธศาสนา
ที่สอนเรื่องการพึ่งตนเองทางสายกลาง ซึ่งพระองค์ทรงเรียกว่า
"เศรษฐกิจพอเพียง" ที่ไม่เพียงแต่จะเป็นแผนการฟื้นฟูเศรษฐกิจเท่านั้น
แต่ยังเป็นแผนพัฒนาแบบยั่งยืนที่ขยายออกไปในการที่เศรษฐกิจจะหมุนต่อไปด้วยกัน
จนพบกับความต้องการในระดับที่พอเพียง มากกว่าจะให้ระดับความมั่นคั่งที่มีความโลภเป็นตัวขับเคลื่อนเพื่มมากขึ้น
เศรษฐกิจพอเพียงเป็นเศรษฐกิจที่ประชาชนและประเทศต่าง ๆ
พอใจกับระดับความมั่งคั่งที่มีเหตุผล และความมั่งคั่งนั้นจะต้องไม่เกิดขึ้นจากความเสียหายของผู้อื่น
ทุกคนมีพอที่จะยังชีพและพอที่จะดำรงชีวิตอยู่ ด้วยเหตุนี้
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงสนับสนุนชาวพุทธทุกระดับ
ตั้งแต่ระดับส่วนตัว ชุมชนและระดับชาติ ที่จะให้คืนกลับมาหาคุณค่าทางพระพุทธศาสนา
และให้มีกิจกรรมและนโยบายทางเศรษฐกิจตั้งอยู่บนคำสอนของพระพุทธเจ้า
ซึ่งในการที่ทรงปฏิบัติเช่นนั้น พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้ทรงแสดงว่า
คำสอนของพระพุทธเจ้าสามารถนำมาประยุกต์ใช้ได้ในโลกสมัยปัจจุบัน
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงแปลมหาชนกชาดกเป็นพากย์ภาษาไทยและอังกฤษ
โดยมีการปรับให้เข้ากับสังคมปัจจุบันตามท้องเรื่อง พระมหาชนกทรงบำเพ็ญวิริยบารมีอย่างยิ่งยวด
ไม่ทรงประสงค์ผลตอบแทนอะไร ได้ทรงขึ้นครองราชย์และนำความรุ่งเรืองมาสู่พระราชอาณาจักรมหาหนกชาดกซึ่งจัดพิมพ์เมื่อปี
๒๕๓๙เป็นหนังสือขายดีที่สุดและเหมาะกับเวลาในการย้ำเตือนให้คนไทยอดทนต่อวิกฤตทางเศรษฐกิจและเพียรพยายามในการฟื้นฟูเศรษฐกิจโดยอาศัยความเพียร
ปัญญา และสุขภาพแข็งแรง
คณะสงฆ์ไทยได้ร่วมจัดทำกิจกรรมหลายอย่างที่เกี่ยวข้องกับการเผยแผ่พระพุทธศาสนา
เช่น ก่อตั้งวัดและจัดให้มีพระธรรมทูตอยู่ประจำในประเทศตะวันตกหลายแห่ง
ในประเทศไทยเองก็มีทั้งวัดและศูนย์ปฏิบัติธรรม ซึ่งคฤหัสถ์ทุกชาติสามารถเข้ามาเรียนรู้และปฏิบัติธรรมได้
มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัยมีศูนย์ปฏิบัติธรรมนานาชาติ
มีคำแนะนำทั้งภาคภาษาไทยและอังกฤษ มีหลายวัดด้วยกัน ซึ่งจัดขึ้นเฉพาะพระภิกษุชาวตะวัดตก
ถ้าการเผยแผ่พระพุทธศาสนาเป็นการเพาะปลูกสิ่งที่จะก่อให้เกิดความสุขและเป็นการกำจัดสิ่งที่จะนำทุกข์มาให้ไซร้
สิ่งที่ข้าพเจ้าเคยพูดมาในแง่ปฏิบัติแล้วก็นำมาประยุกต์ใช้ในที่นี้ได้ดี
การเผยแผ่พระพุทธศาสนาส่วนหนึ่งยังหมายถึงการขจัดโรคร้ายทางสังคม
ซึ่งมาพร้อมกับความทันสมัยและโลกาภิวัฒน์ ทั้งในแง่ของการลดความทุกข์
และในแง่ของการตระเตรียมคนให้ได้ฟังคำสอนของพระพุทธเจ้า
แน่นอนว่า ภารกิจส่วนใหญ่ในการนำชาวพุทธกลับมาหาพระพุทธศาสนาอีก
ก็ โดยการสอนให้รู้จักวิธีการประยุกต์ใช้ "ประเพณีดั้งเดิม"
ที่เขา "ต้องการ" จะยึดถือแล้วปรับให้เข้ากับสถานการณ์
"สมัยใหม่"ที่เขา "ต้อง" ดำเนินชีวิต
ถึงแม้จะดูว่าขัดแย้งกับประเพณีดั้งเดิมก็ตาม
ดังที่กล่าวมากแล้ว ที่มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย
เราฝึกอบรมพระสงฆ์ให้สามารถสอนวิชาพระพุทธเจ้าศาสนาตามโรงเรียนได้
เรายังจัดส่งนิสิตให้ออกไปฝึกปฏิบัติงานอยู่กับชาวบ้าน
เราใช้เทคโนโลยีสารสนเทศและคอมพิวเตอร์ทำคำสอนของพุทธเจ้า
ให้สืบค้นได้ง่ายทั่วโลกเพียงแค่คลิกเมาส์ให้นิสิตได้สนทนาแลกเปลี่ยนและร่วมมือกันจัดกิจกรรมเผยแผ่พระพุทธศาสนาระดับนานาชาติ
ในการตอบสนอต่อโลกาภิวัฒน์
การเผยแผ่ของชาวพุทธยังต้องสร้างเครือข่ายชาวพุทธทั่วโลกทำงานร่วมกันเพื่อประโยชน์ของชาวโลกกล่าวคือบางทีเราอาจจะต้องเข้าไปสู่กระแสโลกาภิวัฒน์เสียเอง
เพื่อที่จะนำพระพุทธศาสนาให้มีคุณค่าต่อโลกยิ่งขึ้นเกี่ยวกับประเด็นนี้ข้าพเจ้าอยากจะทบทวนความคิดริเริ่ม
๒ ประการ ที่มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัยได้เป็นผู้แสดงบทบาทสำคัญ
ในปี ๒๕๔๓ มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัยเป็นเจ้าภาพร่วมจัดประชุมเพื่อการเผยแผ่พระพุทธศาสนาแห่งโลกครั้งที่
๒ หรือที่เรียกกันว่า "การประชุมสุดยอดชาวพุทธ"
ในประเทศไทยซึ่งการประชุมครั้งนี้มีผู้นำศาสนาระดับสูงจาก
๑๖ ประเทศซึ่งเป็นผู้แทนจากพระพุทธศาสนานิกายสำคัญทั้งฝ่ายเถรวาทและฝ่ายมหายานเข้าประชุมร่วมกัน
ผู้นำศาสนาเหล่านี้มิีเพียงพูดคุยกันเกี่ยวกับวิธีการที่จะทำงานร่วมกันในการเผยแผ่พระพุทธศาสนา
เพื่อประโยชน์สุขของมวลชนและให้ความร่วมมือกัน ในสิ่งที่จะก่อให้เกิดสันติภาพมั่นคงและทำให้มนุษย์ชาติและสิ่งแวดล้อมดีขึ้นกว่าเดิมเท่านั้น
แต่ยังได้ลงนามรับรองกฎบัตรก่อตั้งการประชุมพุทธนี้ให้เป็นองค์กรถาวรผูกสัมพันธ์ผู้นำพุทธทั่วโลกทำงานร่วมกันให้ธรรมบริการแก่มนุษย์ชาติอีกด้วย
ในปีเดียวกันนั้นเอง ข้าพเจ้าพร้อมด้วยผู้แทนคณะสงฆ์ไทยได้เข้าร่วมในการประชุมสุดยอดของผู้นำศาสนาและจิตวิญญาณเพื่อสันติภาพโลกในสหัสวรรษ
ณ หอประชุมใหญ่องค์การสหประชาชาติมหานครนิวยอร์ก ซึ่งนับเป็นเหตุการณ์ครั้งแรกในประวัติศาสนตร์ที่ผู้นำระดับสูงจากศาสนาสำคัญทั่วโลกทั้งหมดมาพบปะกันในที่แห่งเดียวกัน
เพื่อพูดคุยถึงหนทางและวิธีการก่อให้เกิดสันติภาพแก่โลกนอกจากนี้ข้าพเจ้ายังได้ร่วมการประชุมซึ่งเป็นผลสืบเนื่องในปีถัดมาอีก
ณ มหานครนิวยอร์ก เพื่อวางแผนปฏิบัติงานต่อไป และพูดคุยวิธีการที่จะให้เป้าหมายของการประชุมสุดยอดเพื่อสันติภาพในปี
๒๕๔๓ นำมาปฏิบัติให้เกิดผล
ผลก็คือการประชุมสภาผู้นำศาสนาโลกครั้งแรกจัดขึ้นที่กรุงเทพมหานคร
เมื่อเดือนกรกฎาคม พ.ศ.๒๕๔๖ โดยมีมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัยและการประชุมสุดยอดเพื่อสันติภาพโลกในสหัสวรรษร่วมกันเป็นเจ้าภาพ
ผู้แทนระดับสูงของศาสนาต่าง ๆ ในโลก ได้พบปะพูดคุยกัน
พร้อมกับร่วมกันแสวงหาเส้นทางสู่สันติภาพ การบรรเทาความยากจน
และการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม ได้มีการลงนามรับรองกฎบัตรก่อตั้งสภาผู้นำศาสนาโลกซึ่งประกอบด้วยศาสนาพุทธ
ฮินดู เชน อิสลาม ยูดาย คริสต์และศาสนาอื่น ๆ เป็นองค์กรถาวร
ลักษณะสำคัญของสภาผู้นำศาสนาโลกก็เพื่อทำงานใกล้ชิดกับองค์การสหประชาชาติในประเด็นเหล่านี้ในขณะเดียวกันต้องรักษาความเป็นองค์กรอิสระด้วย
ที่มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย
เราได้จัดทำระเบียบว่าด้วยสถาบันการศึกษาในประเทศอื่น
ๆ มาเป็นสถาบันสมทบกับมหาวิทยาลัยโดยมีประโยชน์ร่วมกันทั้งสองฝ่าย
เช่น วิทยาลัยพระพุทธศาสนาดองกุกชอนบอบในประเทศเกาหลีได้เข้ามาเป็นสถาบันสมทบกับเราเรียบร้อยแล้ว
และวิทยาลัยพระพุทธศาสนาชิจูในไต้หวัน ได้สมัครเข้ามาเป็นสถาบันสมทบอีกแห่งหนึ่ง
ด้วยเหตุนี้เรากำลังสร้างเครือข่ายการศึกษาทางพระพุทธศาสนาในระหว่างประเทศและนิกายที่แตกต่างกัน
ดังนั้น การสนทนาแลกเปลี่ยนทางวิชาการจากวัฒนธรรมที่แตกต่างกันถูกจัดให้มีขึ้นและรักษาความมีชีวิตชีวาไว้
และจะเป็นกระบวนการเชื่อมไมตรีระหว่างผู้คนซึ่งยังไม่รู้จักกันและบางทีก็เริ่มจะเป็นปฏิบัติปักษ์ต่อกัน
การปกป้องพระพุทธศาสนา
ภารภิจสำคัญของพระสงฆ์ข้อสุดท้ายคือการปกป้องพระพุทธศาสนา
สิ่งที่กล่าวมามากแล้วนั้น ก็เพื่อนำหน้าที่ปกป้องพระพุทธศาสนาจากการเข้าใจผิดและนำไปใช้ผิด
มหันตภัยต่อพระพุทธศาสนาที่เห็นชัดอย่างหนึ่ง ก็คือการใช้กลยุทธ์เชิงรุกรานนี้เป็นสิ่งน่าห่วงใยมิใช่เฉพาะต่อพระพุทธศาสนาเท่านั้น
แต่อีกหลาย ๆ ศาสนาด้วยเหมือนกัน วิธีการอย่างหนึ่งในการเผชิญสิ่งคุกคามเช่นนี้
ก็โดยที่เราพระสงฆ์ต้องสร้างความมั่นใจได้ว่าปฏิบัติตามหน้าที่ของเราต่อคฤหัสถ์อย่างถูกต้อง
เช่น ให้คำแนะนำและช่วยเป็นภาระทางด้านการศึกษา ในขณะเดียวกันตัวพระสงฆ์เองต้องรักษาข้อพระวินัยอย่างเคร่งครัด
ในการโต้ข้อกล่าวหาของศาสนาคริสต์ที่กล่าวหาว่า
พระพุทธศาสนาไม่สนใจปัญหาสังคมนั้น เราจะต้องจำไว้ว่า
ชาวพุทธได้สร้างโรงพยาบาลและทำสาธารณประโยชน์อื่น ๆ มาก่อนที่พระเยซูอุบัติ
เมื่อระลึกถึงข้อนี้ได้ เราก็ต้องหวนกลับไปทำงานด้านบริการสาธารณะและมีความเมตตาเป็นอย่างมาก
ในคราวประชุมสภาผู้นำศาสนาของโลกที่กรุงเทพมหานคร เมื่อเดือนกำกฏาคม
ปี ๒๕๔๕ ปัญหาเรื่องการแย่งชิงกันเปลี่ยนศาสนาเป็นเรื่องน่าห่วงใยสำหรับผู้เข้าประชุมจากเกือบทุกศาสนา
และเป็นเรื่องแน่ชัดว่า สภา ผู้นำศาสนาโลกจะไม่เห็นด้วยกับการให้ปลี่ยนศาสนาเชิงรุกรานใดๆ
สิ่งคุกคามอย่างมากต่อพระพุทธศาสนาก็คืออภัยภายในพระพุทธศาสนา
จากการที่พระสงฆ์์ที่ไม่ยอมปฏิบัติตามพระวินัย การล่วงละเมิดของพระเหล่านี้เป็นเหตุให้ภายในคระสงฆ์เองกลับเลวร้ายลงยิ่งขึ้น
ทั้งคอยเป็นสนิมกัดกร่อนอำนาจของพระสงฆ์ในหมู่คฤหัสถ์
และกลับเป็นกระสุนแก่ผู้เป็นปรปักษ์ต่อพระพุทธศาสนาเราต้องค้นหาหนทางที่จะแก้ปัญหานี้ให้ได้
สรุป
การพูดคุยกันเป็นสิ่งสำคัญในทุกระดับชั้นและเป็นสิ่งจำเป็นที่การพูดคุยซึ่งเรื่ม
ณ ห้องประชุมนี้จะดำเนินต่อไปในอนาคตข้าพเจ้าขออนุโมทนาผู้จัดงานสำหรับการสร้างเวทีเช่นนี้ขึ้น
ฉะนั้นจึงหวังต่อไปว่า ประเทศไทยจะสามารถรับเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมเช่นนี้บ้าง
ในอนาคตอันไม่ไกลนี้
ข้าพเจ้ารู้สึกเป็นหนี้บุญคุณอย่างมากต่อคณะสงฆ์ศรีลังการุ่นเก่า
ที่ในสมัยก่อนโน้มนำพระพุทธศาสนาไปเผยแผ่ที่ประเทศไทย
และข้าพเจ้าขอนุโมทนาประชาชนชาวศรีลังกาในการพิทักษ์รักษาเชื้อสายของสยาโมปาลีมหานิกาย
อย่างไม่ขาดสายเป็นเวลานานถึง ๒๕๐ ปี
คณะสงฆ์ได้ฝ่าคลื่นลมมรสุมรอดพ้นวิกฤตมาเป็นเวลากว่า
๒,๕๐๐ ปี นับตั้งแต่องค์สัมมาสัมพุทธเจ้าทรงก่อตั้งคณะสงฆ์นี้ขึ้นมา
ถ้าคณะสงฆ์ปฏิบัติตามพระธรรมวินัยและประยุกต์ใช้พระธรรมวินัยอย่างถูกต้องตามพุทธประสงค์
ด้วยสติปัญญาพระพุทธศาสนาก็จะดำรงคงอยู่สถาพรในอนาคตกาล
เพื่อประโยชน์สุขแห่งมวลมนุษยชาติตลอดไป
*
พระธรรมโกศาจารย์ (ประยูร ธมฺมจิตฺโต) แสดงปาฐกถา
ในการประชุมพระพุทธศาสนานานาชาติ ในกลุ่มผู้นับถือพระพุทธศาสนาว่าด้วย
"ประเด็นและอนาคต" ณ เมืองโคลัมโบ ประเทศศรีลังกา
๑๕ มกราคม ๒๕๔๖
ประวัติพระธรรมโกศาจารย์
(ประยูร ธมฺมจิตฺโต) |
ที่มา
: หนังสือ Buddhism in Contemporary Thailand [ Prof.
Phra Thepsophon(Prayoon Mererk) ] |
|