ท่านพระนาคิตะ มีชาติภูมิเป็นมาอย่างไร เป็นบุตรของใคร เกิดในตระกูลไหน เข้ามาบวชในพระพุทธศาสนาเมื่อไร อยู่ในสำนักของใคร ที่ไหน ยังหาหลักฐานที่แน่นอนไม่ได้ เรื่องราวของท่านตามที่ปรากฏในปกรณ์นั้น ๆ ก็กล่าวถึงเรื่องตอนที่ท่านได้อุปสมบทแล้ว และปรากฏว่าท่านก็เคยเป็นผู้อุปัฏฐากพระบรมศาสดาด้วยองค์หนึ่งเหมือนกัน
พระบรมศาสดา ได้เสด็จเที่ยวไปในโกศลชนบท พร้อมด้วยพระภิกษุสงฆ์หมู่ใหญ่ เมื่อถึงบ้านพราหมณ์ชื่อว่า อิจฉานังคละ ได้ประทับอยู่ในที่นั้น พวกพราหมณ์และคฤหบดี ในหมู่บ้านนั้น พอได้ทราบข่าวว่าพระบรมศาสดาเสด็จมา จึงได้พากันจัดแจงของถวายมีของควรเคี้ยวของควรฉัน เป็นต้น แล้วพากันไปเข้าเฝ้า ส่งเสียงดังอยู่นอกซุ้มประตู
สมัยนั้นท่านพระนาคิตะเป็นผู้อุปัฏฐากพระองค์ เมื่อพระองค์ได้ทรงสดับเสียงนั้นแล้ว จึงรับสั่งถามท่านพระนาคิตะว่า ดูกรนาคิตะ ชนพวกไหนพากันส่งเสียงดังอยู่เหมือนพวกชาวประมงแย่งปลากัน ท่านออกไปดูแล้วกลับมาทูลว่า พวกพราหมณ์และคฤหบดีพากันถือขาทนียะโภชนียะมา เพื่ออุทิศถวายพระองค์พร้อมทั้งภิกษุสงฆ์ด้วย จึงรับสั่งว่า นาคิตะ ฉันไม่ต้องการสมาคมด้วย เพราะต้องการเพียงความสงัดวิเวก
ท่านพระนาคิตะ กราบทูลว่า ขอพระองค์จงรับเถิด บัดนี้เป็นโอกาสอันสมควรที่พระองค์จะทรงรับแล้ว แต่พระองค์ตรัสห้ามเสีย แล้วทรงแสดงอานิสงส์ของภิกษุ ผู้มีความมักน้อย เที่ยวไปอยู่ในป่า ยินดีเสนาสนะอันเงียบสงัด
ท่านพระนาคิตะนั้น นับเข้าในจำนวนพระสาวกผู้ใหญ่รูปหนึ่ง แต่ท่าน จะได้สำเร็จมรรคผลในครั้งไหนไม่ปรากฏชัด แม้ในเรื่องที่กล่าวมานี้ก็ไม่ได้พูดถึง แต่พึงเข้าใจว่า ท่านได้สำเร็จพระอรหัตตผลในพระพุทธศาสนา เมื่อท่านดำรงชนมายุสังขารอยู่โดยกาลอันสมควรแล้ว ก็ดับขันธปรินิพพาน