กรรมที่ต้องชดใช้
กรรมที่ต้องชดใช้
สมใจ ศรีรุ่งพุทธวงศ์
๑๕ สิงหาคม ๒๕๔๙ วันคล้ายวันเกิดของหลวงพ่อ ได้เวียนมาบรรจบอีกปีหนึ่ง
ลูกขออำนาจคุณพระศรีรัตนตรัยคุ้มครองหลวงพ่อให้มีความสุข
ปราศจากภัยใด ๆ ลูกขอกราบนมัสการหลวงพ่อด้วยความเคารพรัก
ดิฉันจะขอเล่าเรื่องกฎแห่งกรรมของตัวเอง ดิฉันเข้าปฏิบัติที่วัดของหลวงพ่อเมื่อปี ๒๕๓๖
เดือนสิงหาคม ครั้งแรกก็มีเวทนาหนัก ไม่มีความเข้าใจในเรื่องการปฏิบัติ
ขณะที่นั่งปฏิบัติอยู่ก็มีเวทนา พองหนอ-ยุบหนอ อยู่
ก็มีเวทนาตรงขาที่นั่งขัดสมาธิอยู่ปวดมากจนสั่นตีกับพื้นเสียงดัง คุมสติไม่อยู่
ปรากฏเห็นปลาช่อนตัวขนาดครึ่งกิโลกรัม ที่ตัวเราเองเคยเอามาทำกับข้าว
ตัวแรกชายตามามองดิฉันที่กำลังนั่งสั่นอยู่ ใช้หางตามองแบบสมน้ำหน้า
ดิฉันเองก็มองเพลิน ปลาก็ลอยมาเรื่อย ๆ เล็กลง ๆ
จนกระทั่งหายไป อาการสั่นก็หยุดลง
เมื่อปฏิบัติรอบอื่นก็มีเวทนามาก แต่ดิฉันก็อดทน
โดยไม่เข้าใจเท่าไหร่ปฏิบัติทุกครั้งก็มีเวทนาหนักตลอด
แต่ดิฉันก็อดทนให้ครบเวลาไม่เปลี่ยนท่าจนครบ ๗ วัน
พอไปปฏิบัติอีกหลายครั้ง ขณะปฏิบัติอยู่ก็มีอาการปวดท้องอยากถ่ายหนัก
ก็ออกมาเข้าห้องน้ำ นั่งถ่ายอุจจาระก็ออกมาคา
ปวดแต่เบ่งก็ไม่ออก คาอยู่อย่างนั้น พอยืนขึ้นมาก็หายปวด
แต่พอนั่งก็ปวดอีกแต่ไม่ออก
ดิฉันก็กำหนดปวดหนอๆ เพราะปวดมากแต่ถ่ายไม่ออก
ขณะที่กำหนดอยู่นั้น หลับตาอยู่ มองเห็นสุนัขที่ตลาดมายืนถ่ายอยู่หน้าร้าน
ตัวดิฉันเองโมโห จึงเอาไม้ขว้างไป
สุนัขก็หนีไปโดยอุจจาระคาอยู่
มองเห็นอย่างนั้น ดิฉันก็ยังปวดถ่ายอยู่
จึงออกมากินน้ำมนต์ของหลวงพ่อ ๒ อึก
ก็ยังปวดอยู่ประมาณ ๑ ชั่วโมง จึงถ่ายออกมาเป็นก้อนแข็ง
คิดว่าคงก้นระบมเพราะอุจจาระก้อนแข็งมาก แต่ก็ไม่ระบม
ดิฉันเพลียมาก เพราะกว่าจะถ่ายออกก็หมดเวลาปฏิบัติรอบนั้น
อีกหลายรอบที่ปฏิบัติเวทนานี้ก็ยังมีอยู่ไม่เว้นสักรอบ แต่ดิฉันก็อดทนจนครบ ๗ วัน
หลัง ๆ มาน้อยครั้งที่ไม่มีเวทนาอีกครั้งหนึ่งเมื่อเข้าปฏิบัติ
หัวใจรู้สึกเศร้ามากและเวทนาหนักขึ้นตลอด
ใจเศร้ามากจนร้องไห้น้ำมูกน้ำตาไหล
ก็เกิดภาพแม่ดิฉันกำลังล้างหน้าน้ำมูกน้ำตาไหลออกมาเหมือนที่เรากำลังเศร้าอยู่
ก็ไม่รู้ว่ามันเป็นเวรกรรมที่ทำให้แม่เศร้าร้องไห้
มันเป็นกรรมที่เราไม่รู้ว่ากรรมนี้มันติดตัวเรา
ดิฉันไปปฏิบัติที่วัดหลวงพ่ออีกหลายครั้ง แต่เวทนานี้ไม่หาย ยังตามติดตัวอยู่
อยู่บ้านปวดอุจจาระเข้าห้องน้ำแต่ก็ไม่ออกอีก ปวดก็ไม่ออก
พอยืนขึ้นมากลับหายปวด แต่อุจจาระก็ค้างอยู่ทรมานมาก
นั่งยอง ๆ ก็ไม่ออกจนเมื่อย ต้องเอามือมาท้าวที่หัวส้วม
ท่าทางเหมือนสุนัขตัวนั้น เหมือนกรรมที่ติดตัวอยู่ต้องใช้หนี้เขา
นี่เป็นกฎแห่งกรรมที่มองเหมือนเป็นเรื่องเล็กน้อย
แต่ต้องใช้หนี้เขาการปฏิบัติที่เวทนาสุด ๆ
ก็คงเพราะเป็นกรรมเก่าสมัยเป็นวัยรุ่นไปเที่ยวกับญาติ
ที่หาดทรายหน้าอนุสาวรีย์กรมหลวงชุมพรฯ
เห็นปูอยู่ใต้หิน ด้วยความคะนองก็เอามือไปกดก้ามมันไว้กับหิน
จนปูสละก้ามวิ่งโขยกเขยกไป
ดิฉันคิดว่าเราไม่ได้ตั้งใจทำเขา แต่ก็ต้องใช้หนี้เขา
ต่อมาดิฉันป่วยเป็นเส้นเลือดในสมองตีบ
แขนขาข้างขวาอ่อนแรงเดินโขยกเขยกเหมือนปูตัวนั้น
ก็รักษาไปจนเวลานี้เกือบเป็นปกติแล้ว
หลวงพ่อเทศน์ตลอดว่ามีกรรมก็ต้องใช้หนี้
ดิฉันก็กำลังใช้หนี้ปูตัวนั้นจนกว่าเขาจะอโหสิกรรมให้ก็คงหายเป็นปกติ
เวลานี้ยังเดินไม่ได้สมบูรณ์ ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ ๑๐๐ เปอร์เซ็นต์
ดิฉันปฏิบัติกรรมฐานและขออโหสิกรรมแก่เจ้ากรรมนายเวรทุกวัน
นี่แหละกฎแห่งกรรม ถ้าดิฉันไม่แข็งใจอดทนกับเวทนา ก็คงจะพิการมากกว่านี้
ด้วยบุญของกรรมฐานที่ทำให้ดิฉันพอช่วยตัวเองได้ ไม่ต้องพิการเป็นอัมพาต
มีหนี้ก็ต้องใช้ให้เขาไม่มีการเว้นได้
เวลานี้ดิฉันก็ใช้หนี้เวรกรรมที่ติดตัวอยู่ หลวงพ่อเทศน์สอนให้ลูกศิษย์
อดทนกับเวทนาและตั้งสติให้ได้ แต่ดิฉันตั้งไม่ได้จึงทรมานมาก
และกรรมที่ทำให้แม่เสียใจ ร้องไห้เป็นกรรมหนักมาก
จึงทำให้ดิฉันมีเวทนามากทุกครั้งที่ปฏิบัติ
สุดท้ายนี้ ดิฉันขอชวนให้ท่านผู้อ่านไปปฏิบัติกรรมฐานกับหลวงพ่อเถิด
เพราะที่หลวงพ่อสอนให้พวกเราปฏิบัติเป็นของที่มีค่าที่สุด
เหนือการทำบุญอื่นๆ ทั้งหลายทำให้เรามีสุขตามอัตภาพได้ มีจิตที่สงบสุขได้...
ที่มา...หนังสือกฏแห่งกรรมธรรมปฏิบัติ เล่มที่ ๒๐
วัดอัมพวัน จังหวัดสิงห์บุรี