"อิทธิบาทธรรมทั้ง ๔" (หลวงปู่เหรียญ วรลาโภ)
.
"อิทธิบาทธรรมทั้ง ๔"
" .. พระศาสดาได้ทรงแสดงโอภาสนิมิตให้แก่พระอานนท์ฟังว่า "ดูก่อนอานนท์ บุคคลใด เมื่อมาเจริญอิทธิบาทธรรมทั้ง ๔ ให้มาก" ให้แก่กล้าเต็มที่แล้ว "ปรารถนาจะมีอายุยังยืนนานไปตลอดกัปตลอดกัลปก็อยู่ได้"
"พระองค์ทรงแสดงอุบายอันนี้ถึงสามครั้ง พระอานนท์ก็ระลึกไม่ได้เลย" ไม่ได้ทูลอาราธนาพระองค์ให้เจริญอิทธิบาทธรรมทั้ง ๔ เพื่อให้ทรงมีพระชนมายุยั่งยืนนานตลอดไปเพื่อเป็นประโยชน์แก่มนุษย์และเทวดาทั้งหลาย
ในตำราท่านกล่าวไว้ว่า "ทั้งนี้ก็เพราะมารเข้าดลใจพระอานนท์ เนื่องจากว่าพระอานนท์นั้นเป็นเสขบุคคล ยังไม่สำเร็จอรหัตตผล ได้บรรลุเพียงโสดาบันเท่านั้น" กิเลสยังมีอยู่ ดังนั้น มารจึงเข้าดลใจได้ ถ้าหากพระอานนท์สำเร็จพระอรหันต์แล้ว มารจะเข้าดลใจพระอานนท์ไม่ได้เลย "มารเข้าดลใจเป็นเหตุให้พระอานนท์นึกไม่ออก นึกไม่ถึงอุบายที่พระองค์ทรงตรัสโอวาท" ดังกล่าวมานั้น .. "
"ธรรมโอวาทหลวงปู่เหรียญ"
พระสุธรรมคณาจารย์
(หลวงปู่เหรียญ วรลาโภ)
อิทธิบาทธรรมทั้ง ๔ ประกอบด้วย
-ฉันทะ (ความพอใจ)
-วิริยะ (ความเพียร)
-จิตตะ (ความเอาใจใส่)
-วิมังสา (ปัญญา)
ซึ่งเป็นหลักธรรมแห่งความสำเร็จในการทำงานหรือทำสิ่งต่างๆ "หลักธรรมเหล่านี้เป็นรากฐานที่ช่วยให้การทำงานประสบความสำเร็จตามเป้าหมายที่ตั้งไว้"
ฉันทะ : ความรักและความพอใจในสิ่งที่ทำ เมื่อทำด้วยความเต็มใจ ไม่เบื่อหน่าย
วิริยะ : ความขยันหมั่นเพียรในการทำงาน มีความพากเพียร อดทน และไม่ท้อถอย
จิตตะ : การเอาใจใส่ในงานที่ทำอย่างแท้จริง มุ่งมั่น และรับผิดชอบ
วิมังสา: การใช้ปัญญาพิจารณาไตร่ตรองเหตุและผลอย่างรอบคอบ